ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 1412 – รูปแบบประตูมายา ผู้อาวุโสใหญ่แห่งพระราชวังจอมอสูร
ชายร่างกำยำเชื่อในพลังของชิงสุ่ยในตอนนี้ นั่นเพราะว่าชิงสุ่ยสามารถบอกได้ว่าพลังของเขานั้นเทียบได้กับพลังของผู้อาวุโสรองแห่งพระราชวังวสันต์นิรันดร นี้ดีกว่าที่เขาคิดเสียอีก
“มันอาจจะบาดเจ็บได้หากเราต้องต่อสู้กัน น้องชายโปรดระวังด้วย” ชายร่างกำยำนั้นเป็นคนตรงไปตรงมา เขาหันไปหาชิงสุ่ยและกล่าวด้วยความจริงจัง
“มาเถอะ!” ชิงสุ่ยยิ้มขณะที่เขากำหมัดทั้ง 2 ข้าง ชายร่างกำยำนั้นมีร่างกายที่แข็งแกร่งจากการฝึกฝนเคล็ดวิชาต่างๆ พรสวรรค์ของเขานั้นถือว่ายอดเยี่ยมอย่างยิ่ง การจะเป็นคนเฝ้าประตูของพระราชวังจอมอสูร เขาย่อมไม่ใช่ยามเฝ้าประตูธรรมดาอย่างแน่นอน
ยามเฝ้าประตูที่นี่นั้นทรงพลังยิ่งกว่ายอดฝีมือทั้งหลายในพระราชวังต่างๆ พวกเขาต่างเป็นผู้ฝึกยุทธระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจ แม้ว่าพวกเขาจะมีตำแหน่งเป็นเพียงยามเฝ้าประตูแต่ความจริงแล้วหน้าที่หลักของพวกเขาคือปกป้องดินแดนแห่งนี้
ด้วยพลัง10 ล้านสุริยามันถือว่ามากพอที่จะดูแลดินแดนแห่งนี้ ดังนั้นชิงสุ่ยไม่กล้าที่จะประเมินชายร่างกำยำผู้นี้ต่ำเกินไป เขาเริ่มเคลื่อนไหวเท้าของตนเองในขณะที่สติของเขาก็มุ่งมั่นอยู่ตลอดเวลา
หมัดดินระเบิด!
สิ่งที่ชายร่างกำยำฝึกฝนนั้นคือเคล็ดวิชาธาตุไฟ หมัดดินระเบิด ในขณะที่เขายืนอยู่ตรงข้ามชิงสุ่ย ขณะที่เขากำหมัดนั้นมือของเขาก็มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 2 เท่าและมีสีแดงดุจเปลวเพลิง กำปั้นทั้งสองของเขานั้นดูราวกับลูกอุกกาบาตที่เต็มไปด้วยเปลวไฟ
ชายร่างกำยำนั้นเป็นคนที่ซื่อสัตย์อย่างยิ่ง คนที่อยู่รอบๆพวกเขากำลังเฝ้าดูอย่างตั้งใจ ชายร่างกำยำนั้นแข็งแกร่งที่สุดในที่แห่งนี้ เขาสามารถสั่งการคนอื่นๆได้
“ข้าจะเริ่มโจมตีแล้วนะ!”
ชายร่างกำยำไม่อยากให้เสียเวลาอีกต่อไปทันทีที่เขากล่าวจบเขาก็พุ่งเข้าไปหาชิงสุ่ย ด้วยพลังประมาณ 70% ของเขา ด้วยพลังของเขาในตอนนี้เขาสามารถโจมตีออกไปด้วยพลังสูงสุดของตัวเองได้ตลอดเวลา
พลังที่ควบแน่นเป็นรูปกำปั้นพุ่งออกไปปะทะชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยหัวเราะออกมาเมื่อเขาชกกลับไป
หมัดวานรปฤษฎางค์!
ชิงสุ่ยควบแน่นพลังของเขาเป็นรูปกำปั้นด้วยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นเขายังใช้เคล็ดเปลวเพลิงหยิน-หยางซึ่งเป็นเปลวเพลิงขั้นแรกเริ่ม เขาซึมซับพลังหมัดไฟของชายร่างกำยำที่พุ่งเข้ามา ชิงสุ่ยไม่ได้ยั้งมีแม้แต่น้อยเมื่อโจมตีไปที่ชายร่างกำยำ
ปัง!
เพียงแค่หมัดเดียวก็ทำให้ชายร่างกำยำต้องถอยหลังกลับไปถึง 3 ก้าว กำลังกายของชิงสุ่ยนั้นไม่ได้มากเท่ากับของชายร่างกำยำแต่ความเร็ว เหลี่ยมมุม ความแม่นยำ และท่าเท้าของชิงสุ่ยนั้นทำให้เขาใช้พลังน้อยกว่าครึ่งหนึ่งในการปลดปล่อยหมัดนี้ออกไป
เมื่อชายร่างกำยำทรงตัวได้เขาก็รีบโจมตีย้อนกลับมา
ปัง!
ชิงสุ่ยกำลังรอเขาโจมตีกลับมาอีกครั้ง พลังที่เขาปลดปล่อยออกไปในครั้งนี้มากกว่าครั้งที่แล้ว 10%
ปัง ปัง…
ผู้คนที่เฝ้ามองอยู่นั้นเห็นเพียงว่าชายร่างกำยำนั้นพยายามต่อยกลับไปและกระเด็นกลับมาราวกับกระสอบทราย ตั้งแต่เริ่มต้นชายร่างกำยำนั้นรู้สึกโกณธและอับอายอย่างยิ่งแต่เมื่อเขาสงบใจลงได้ จำนวนความถี่ที่เขาต้องกระเด็นกลับมานั้นก็ลดลง…
ท้ายที่สุดชายร่างกำยำนั้นกำลังเหนื่อยหอบราวกับสุนัข “ข้าประลองต่อไปไม่ไหวแล้วน้องชาย ข้าไม่รู้จะขอบคุณเจ้ายังไงดี ข้าตัดสินใจแล้วที่จะให้เจ้าเข้าร่วมกับพระราชวังจอมอสูรแต่เจ้านั้นทรงพลังมากเกินไป ข้าจะต้องแจ้งเรื่องนี้ให้แก่เบื้องบนได้ทราบก่อน”
“เรื่องปกติน่าพี่ชาย แล้วที่ท่านต้องมาอยู่ที่นี่ก็เพื่อป้องกันไม่ให้คนนอกเข้าไปในหุบเขางั้นหรือ?” หุบเขาที่ชิงสุ่ยพูดถึงนี้อยู่ภายในเทือกเขาโม่หยุน นั่นคือเทือกเขาโม่หยุนที่แท้จริง ที่ๆพระราชวังจอมอสูรตั้งอยุ่
“ความจริงแล้วที่นี่เป็นเพียงทางผ่านที่สำคัญเท่านั้น แม้ว่าพวกเราจะไม่เฝ้าที่แห่งนี้ไว้ก็ไม่เป็นไร ผู้ที่ไม่ใช่คนของพระราชวังจอมอสูรย่อมไม่อาจเดินทางได้ถูกทิศทาง” ชายร่างกำยำแสดงความรู้สึกกลัวออกมาเล็กน้อยเมื่อเขาพูดถึงเรื่องนี้
ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจ “นี่ต้องใช้ประตูลับที่ซ่อนเอาไว้งั้นหรือ?”
“อืม น้องชายเข้าใจอะไรง่ายดีนะ แม้แต่ตัวข้าเองก็ยังไม่แน่ใจเรื่องนี้ อาจจะเป็นเหมือนที่เจ้าพูดมาก็ได้ ข้าเป็นคนโง่ดังนั้นข้าจึงต้องมาเฝ้ายามที่ประตูนี้ ยิ่งเจ้ารับรู้เรื่องนี้มากเท่าไหร่เรื่องนี้มันก็ยิ่งซับซ้อนมากขึ้นเท่านั้น”
ชายร่างกำยำผู้นี้มีนามว่าลี่ป่าเถียน!
ชิงสุ่ยอยากจะหัวเราะหลังจากที่ได้ยินชื่อของเขา มันเป็นชื่อที่ดีแต่ก็ทำให้เจ้าของชื่อดูโง่เล็กน้อย เขาไม่ได้พูดสิ่งที่อยู่ภายในใจเพียงแต่ยิ้มและกล่าวไปว่า “ข้ามีนามว่าชิงสุ่ย ยินดีที่ได้รู้จักพี่ชาย”
“เจ้ามาจากมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ ท่านหมอเทวดาชิงแห่งหอคอยจักรพรรดิ?” เครือข่ายข่าวสารของพระราชวังจอมอสูรนั้นยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง แม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยพบกับชิงสุ่ย แต่พวกเขาก็ล้วนเคยได้ยินชื่อของชิงสุ่ยเพียงแต่ไม่มีภาพเหมือนของเขาเท่านั้น
ชิงสุ่ยเริ่มรู้สึกตัวอีกครั้งว่าเขาก็มีชื่อเสียง นิกายเสียงสวรรค์กัมปนาทรู้จักเขา ตอนนี้แม้แต่พระราชวังจอมอสูรก็รู้จักเขาด้วยเช่นกัน
อย่างน้อยตอนนี้เขาก็รู้แล้ว หอคอยจักรพรรดิ การรักษาของเขาและการต่อสู้กับผู้ปกครองฝั่งซ้ายและตระกูลเฉ่ เขาคิดว่าเขาพลาดเหตุการณ์อะไรไปอีกหรือเปล่า เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ได้สร้างชื่อเสียงให้แก่เขามากมายเพียงแต่เขาเพิ่งจะรับรู้ได้ในตอนนี้เท่านั้น
เมื่อเขาคิดเช่นนี้ ชิงสุ่ยก็เดินตามลี่ป่าเถียนเข้าไปยังเทือกเขาโม่หยุน
ลี่ป่าเถียนรู้สึกว่าชิงสุ่ยไม่ได้มาที่นี่เพื่อเข้าร่วมกับพระราชวังจอมอสูรเท่านั้น แม้ว่าเขาจะสังหารผู้คนของพระราชวังวสันต์นิรันดรไปจริงๆ พระราชวังวสันต์นิรันดรนั้นอยู่ในมหาทวีปมังกรอหังกาล แม้แต่พระราชวังวสันต์นิรันดรก็ไม่อาจต่อกรกับเขาได้
เพียงแต่ชิงสุ่ยไม่ได้พูดถึงเหตุผลในเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าถาม สิ่งที่เขาต้องทำคือส่งชายผู้นี้ให้แก่ผู้อาวุโสใหญ่ ยอดฝีมือคนอื่นๆที่อยู่เหนือระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจแต่ต้องการที่จะเข้าร่วมกับพระราชวังจอมอสูรนั้นต้องไปพบกับผู้อาวุโสใหญ่ก่อน
“น้องชาย ศักยภาพของเจ้านั้นไม่มีที่สิ้นสุดเลย ข้าเคยเดินทางเส้นนี้มาก่อน ข้าหวังว่าเจ้าจะไปตามเส้นทางที่ถูกต้อง น้องชายเจ้ารู้เรื่องอะไรบ้างของพระราชวังจอมอสูร?” ลี่ป่าเถียนถามขณะที่เดินไป
ชิงสุ่ยรู้สึกได้ถึงเจตนาของเขา เขาคงจะมีความรู้สึกสงสัยว่าชิงสุ่ยนั้นเป็นสายลับที่แฝงเข้ามา ชิงสุ่ยยิ้มแล้วตอบกลับไปว่า “เรื่องนี้ต้องถามพี่ชายแล้ว”
“พระราชวังจอมอสูรนั้นถือได้ว่าเป็นขุมพลังแห่งปีศาจในสายตาของผู้คนภายนอกแต่น้องชายอาจจะไม่รู้สำหรับพวกเรานั้นพระราชวังจอมอสูรถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ คนภายนอกเรียกท่านประมุขวังของเราว่าประมุขอสูรแต่สำหรับพวกเราแล้วนางเป็นหญิงสาวที่ศักดิ์สิทธิ์” ลี่ป่าเถียนกล่าวช้าๆ
ชิงสุ่ยไม่ได้ตอบกลับไปเขากำลังฟังอย่างเงียบๆ
“ในดินแดนรกร้างว่างเปล่าทั้ง 3 มหาทวีป ขุมพลังทั้ง 4 นั้นไม่ได้อ่อนแอเลย แต่เมื่อพวกเขาต้องต่อกรกับมหาทวีปมังกรอหังกาล หากพวกเขาไม่ได้มีพลังบางอย่างที่คอยช่วยเหลือแล้วคงไม่อาจยืนหยัดเอาไว้ได้ บรรดาผู้ที่เรียกตัวเองว่าเป็นคนชอบธรรมนั้นล้วนแต่หน้าซื่อใจคด พวกเราไม่อาจเทียบความชั่วร้ายของพวกเขาได้เลย” ลี่ป่าเถียนกล่าวออกมาด้วยความโกรธ
ชิงสุ่ยเคยพบกับผู้คนของพระราชวังวสันต์นิรันดร แน่นอนว่ามันบอกไม่ได้ว่าทุกๆคนของพระราชวังวสันต์นิรันดรจะเป็นแบบนั้น แต่หากเป็นเช่นนั้นโลก 9 มหาทวีปย่อมต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน
นี่ถือเป็นเรื่องปกติ แม้แต่นิกายที่มีคุณธรรมมากที่สุดก็ยังมีเนื้อร้ายแฝงอยู่ภายใน ยิ่งไปกว่านั้นขุมพลังทั้ง 2 ฝ่ายนั้นยังคานอำนาจกันมาหลายชั่วงอายุคน ในแต่ละช่วงอายุคนนั้นพวกเขาอาจลืมความเกลียดชังที่มีต่อกันๆ พวกเขาเพียงจำได้ว่าใครเป็นศัตรูของตนเองและพวกเขาจะพยายามหาโอกาสที่จะกำจัดอีกฝ่าย
เมื่อเขาได้เข้ามาในหุบเขานี้ลี่ป่าเถียนก็พูดกับชิงสุ่ย “ตามข้ามาทุกฝีก้าว หากเจ้าหลงทางไป ก็จะไม่มีใครสามารถพบเจ้า”
“เข้าใจแล้ว!”
เมื่อชิงสุ่ยเข้ามาที่นี่เขาก็สัมผัสถึงอะไรบางอย่างได้ มันเหมือนกับศาสร์แห่งประตูมายา พื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยหินผา ป่าไม้ ทุกๆสิ่งนั้นดูปกติอย่างยิ่ง แต่หากผู้ที่เข้ามานั้นเดินไปผิดทาง รูปแบบก็จะเริ่มทำงาน นี่มันคล้ายคลึงกับโครงสร้างของรูปแบบลวงตาของชิงสุ่ย
ดูเหมือนว่าพระราชวังจอมอสูรแห่งนี้จะมียอดฝีมือชั้นสูงที่คอยปกป้องอยู่ พวกเขามีความรู้เรื่องรูปแบบประตูมายาที่สูงส่ง
ตลอดเส้นทางนั้นมีเพียงต้นไม้และป่าเขาเท่านั้น แต่สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดคืออาวุธที่สามารถสังหารผู้คนได้ หลังจากที่เดินมากกว่า 1 ชั่วโมงพวกเขาก็หยุดลงที่เนินเขาเล็กๆ ที่แห่งนี้มีคฤหาสน์เล็กๆตั้งอยู่
ชายสองคนที่ยืนอยู่หน้าประตูเมื่อเห็นลี่ป่าเถียนมาถึงจึงทักทายเขาด้วยความเคารพ “ผู้อาวุโสลี่!”
ลี่ป่าเถียนนั้นถือเป็นผู้อาวุโสในพระราชวังจอมอสูร ไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่ในระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจย่อมสามารถเป็นผู้อาวุโสในพระราชวังจอมอสูรได้ ผู้คนที่เหมือนกันมักจะรวมตัวเข้าหากัน เพราะชิงสุ่ยนั้นสามารถเข้าถึงระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจได้ เขาจึงอยู่ในระดับเดียวกันกับคนพวกนี้ นี่คือพลังของเขา หากเขามาอย่างที่ให้ดีด้วยพลังของเขาก่อนหน้านี้ย่อมไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีเช่นนี้อย่างแน่นอน
“ผู้อาวุโสใหญ่อยู่ที่นี่หรือเปล่า?”
“ครับ เขาบอกว่าถ้าท่านมาถึงให้เข้าไปข้างในได้เลย”
ลี่ป่าเถียนพยักหน้าและเดินนำชิงสุ่ยไปที่ลานหน้าบ้าน
คฤหาสน์หลังนี้ดูไม่ได้มีอะไรที่พิเศษมากนัก มันดูเรียบง่ายไม่ได้หรูหราแต่อย่างใด ลานหน้าบ้านนี้ก็ปราศจากของตกแต่งที่หรูหรามีเพียงต้นไม้และดอกไม้เท่านั้น เมื่อชิงสุ่ยได้เห็นดอกไม้พวกนี้ ความคิดของเขาก็ถูกกระตุ้นขึ้นทันที
รูปแบบ ดอกไม้พวกนี้จัดวางกันเป็นรูปแบบ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังสุดยอดอย่างยิ่ง ชิงสุ่ยคิดว่าการวางรูปแบบของดอกไม้พวกนี้เป็นผลงานของผู้อาวุโสใหญ่หรือไม่มันก็ต้องเกี่ยวข้องกับผู้อาวุโสใหญ่โดยตรงอย่างแน่นอน
เมื่อเดินผ่านลานบ้านแห่งนี้พวกเขาก็เห็นชายชราคนหนึ่งยืนอยู่ตรงกลางของชาวสวนหลายคน ยิ่งไปกว่านั้นรอบตัวเขายังเต็มไปด้วยกระถางต้นไม้ มันดูอ่อนโยน สวยงามและสดใสเหลือเกินในที่แห่งนี้
ในตอนนี้ชิงสุ่ยสามารถยืนยันได้ว่าไม่เพียงแต่พลังของผู้อาวุโสใหญ่ที่ลึกสุดหยั่งถึงแต่ความสามารถของเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย เมื่อดูจากรูปแบบที่เขาได้สร้างขึ้นมาในที่แห่งนี้
“ทางซ้าย 3 ข้างหน้า 5 ถอยหลัง 6 ขวา 1 ตรงไปอีก 3 ก้าว กลับไปทางซ้ายอีก 4 ก้าว…”
ชิงสุ่ยกล่าวขึ้นมา ผู้อาวุโสก็ได้ยินเสียงของเขาแต่รู้สึกงุนงงเล็กน้อย หลังจากที่เขาคิดคู่หนึ่งเขาก็เดินตามคำแนะนำของชิงสุ่ย เขาล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน
ในความจริงแล้วว่าผู้อาวุโสผู้นี้ล้มเหลวมานับไม่ถ้วนจนเขาพยายามมองหาวิธีอื่นเพื่อไม่ให้ตนเองเป็นบ้าไปซะก่อน ตัวอย่างเช่น บางทีสิ่งที่ชิงสุ่ยกล่าวมาอาจจะถูกต้องแต่เขาก็รีบขจัดความรู้สึกนั้นออกไปทันที แต่เขาก็ยังคงทำตามคำแนะนำของชิงสุ่ย เขาล้มเหลวมาหลายครั้งดังนั้นหากล้มเหลวเพิ่มอีกสักครั้งก็ไม่มีปัญหาอะไร
แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนั้นทำให้เขารู้สึกประหลาดใจครั้งใหญ่
สำเร็จ!
รูปแบบจิตวิญญาณพฤกษา!
ตอนนี้รูปแบบจิตวิญญาณพฤกษาที่เขาศึกษามาอย่างยาวนานก็ประสบผลสำเร็จ เขาเงยศีรษะขึ้นและมองไปยังผู้ที่แนะนำเขา เขาเห็นใบหน้าคุ้นเคยและคนแปลกหน้าคนหนึ่ง
ลี่ป่าเถียนนั้นย่อมเป็นคนที่เขาคุ้นเคยแต่สายตาของเขากลับมองไปที่ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆตอนนี้ นี่คือชายหนุ่มรูปงามที่ดูชาญฉลาด เขาได้ปลดปล่อยรังสีอันตรายออกมาหรืออาจเป็นเพราะกลิ่นอายลึกลับในตัวเขา
หลังจากที่เขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเขาก็เดินมาหาพร้อมกับใบหน้าที่มีรอยยิ้ม
“ผู้อาวุโสใหญ่!” ลี่ป่าเถียนทักทายเขาด้วยความเคารพ
“เซี่ยวหลี่ มาเถอะ!”
ชิงสุ่ยมองไปที่ชายชราผู้นี้เขาเป็นชายชราที่ดูทรงปัญญา เขาดูใจดี ร่าเริงและชาญฉลาด ชายชราผู้นี้สวมเสื้อผ้าที่ดูธรรมดา เขามีผมสีขาว ร่างกายของเขาปลดปล่อยกลิ่นอายที่สัมผัสได้ถึงความเป็นกันเองออกมา
“เจ้าหนุ่ม ดูเหมือนเจ้าจะมีประสบการณ์ในด้านศาสร์แห่งประตูมายา ข้าจำไม่ได้ว่าพระราชวังจอมอสูรนั้นมีชายหนุ่มแบบเจ้าด้วย” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวออกมาอย่างสบายๆ
“ผู้อาวุโสใหญ่ เขาคือท่านหมอเทวดาชิงแห่งหอคอยจักรพรรดิ เพราะว่าเขาได้สังหารผู้อาวุโสรองของพระราชวังวสันต์นิรันดร เขาจึงต้องการเข้าร่วมกับพระราชวังจอมอสูร”
ผู้อาวุโสใหญ่ยิ้มขึ้นมา “โอ้ เช่นนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไร เซี่ยวหลี่ไปทำหน้าที่ของเจ้าเถอะ ข้าจะคุยกับท่านชิงเอง”
ลี่ป่าเถียนจากไป
“ท่านหมอเทวดาชิง เรามาพูดกันอย่างเปิดเผยกันเถอะ?” ผู้อาวุโสใหญ่ยิ้มให้กับชิงสุ่ย
“ถ้าอยากจะขอพบประมุขวังหรือประมุขอสูร” ชิงสุ่ยคิดครู่หนึ่งแล้วตอบกลับไป
“ดี เจ้าตรงไปตรงมายิ่งนัก ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดเจ้าจึงอยากจะขอพบประมุขวัง ข้าเชื่อว่าเจ้าคงไม่ใช่สายลับจากนิกายอื่นๆอย่างแน่นอน” ผู้อาวุโสใหญ่มองไปยังชิงสุ่ยและก็ตระหนักว่าเขาไม่อาจมองเห็นความผันผวนภายในใจของชายผู้นี้ได้