ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique
บทที่ 1419 – จิตใจที่เปลี่ยนแปลง อีกก้าวหนึ่ง ผู้หญิง
ชิงสุ่ยตกใจกับสิ่งที่เต่าชรากล่าว เขารู้อยู่แล้วว่าเต่าชราไม่ใช่เต่าทั่วไป มันได้กลายเป็นเต่ามังกรแล้ว มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่เทียบเท่ากับมังกร
อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยไม่เข้าใจว่าเต่าชราหมายความอย่างไรเมื่อกล่าวว่าเขาไม่ทำให้มันผิดหวัง
“ผู้อาวุโส ท่านพูดเกินไปแล้ว ข้าเคยไร้เดียงสาและเป็นเด็กมาก่อน” ชิงสุ่ยสื่อสารผ่านจิตของเขา ตามที่เขาคิดนั้นทั้งประมุขอสูรและเต่าชราสนใจเขา
ชิงสุ่ยรู้แล้วว่าทำไมประมุขอสูรไม่ฆ่าเขา ยิ่งไปกว่านั้น เขาสามารถยืนยันได้ว่าสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังเป็นเพราะเต่าชรา เต่าชรารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาเข้ามา แต่มันก็ยังอนุญาตให้เขาไปในพระราชวังทับทิม
“ไม่เลย มันเป็นชะตากรรม ข้าได้เฝ้าสถานที่แห่งนั้นมาเนิ่นนานเพียงเพื่อรอให้โชคชะตานำใครมาพบข้าและเจ้าคือผู้ที่โชคดี วันนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ชีวิตของเจ้าจะไม่มีอันตรายใด”
“ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว ข้ายังแข็งแกร่งขึ้นเพียงเล็กน้อยและข้าต้องการที่จะช่วยนาง ในอนาคต พวกเราจะต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน”
ความแข็งแกร่งของเต่าชราเป็นสิ่งที่ไม่อาจหยั่งถึงและประมาณได้ มันอาจจะแข็งแกร่งกว่าประมุขอสูร ขณะที่พลังของประมุขอสูรถูกปลุกให้ตื่นขึ้น มันเป็นเต่าที่จะคอยปกป้องเธอ
“ถูกต้อง ในไม่ช้าพวกเราจะได้ทำเช่นนั้น ตอนนี้เจ้าอยู่ที่นี่ ข้ารู้สึกผ่อนคลายลงมาก ข้าเชื่อในตัวเจ้า ตอนนี้เจ้าเป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับนางมากที่สุด ด้วยนิสัยของนางแม้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่นางจะยอมรับเจ้า แต่หากเจ้าไม่สามารถเข้าไปอยู่ในใจของนางได้ นางก็จะต้องอยู่คนเดียวตลอดไป” เต่าชรากล่าวและถอนหายใจ
ตอนนี้ชิงสุ่ยรู้เหตุผลที่เต่าชราไม่ยอมให้ประมุขอสูรฆ่าเขาเมื่อตอนที่พบกันครั้งแรก
“ข้าจะพยายามอย่างถึงที่สุด แต่ข้าไม่แน่ใจว่านางต้องการทำอะไรในตอนนี้” ชิงสุ่ยกล่าว เขารู้ดีว่าผู้ที่คุ้นเคยและเข้าใจประมุขอสูรมากที่สุดไม่ใช่ฮัวรูเหม่ย แต่เป็นเต่าชรา
“เจ้าไม่รู้จะดีที่สุด ตอนนี้มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะรู้” เต่าชราถอนหายใจ
“ชิงสุ่ย พวกเราไปกันเถอะ”
ฮัวรูเหม่ยขัดจังหวะชิงสุ่ย จากนั้นพวกเขาก็ร่อนลงบนหลังขนาดใหญ่ของเต่าชรา
ทุกครั้งที่ชิงสุ่ยเห็นความเย็นชาและสง่างามของประมุขอสูร เขารู้สึกถึงคุ้นเคยและห่างเหิน คุ้นเคยเพราะพวกเขาเคยพบกันโดยบังเอิญ ห่างเหินด้วยเพราะความเย็นชาของเธอ
เขารู้ถึงทุกส่วนของร่างกายเธอและเคยสัมผัสมันมาก่อน อย่างไรก็ตามตอนนี้ทุกอย่างเลือนรางไปแล้ว มันเลือนรางจนเกือบจะรู้สึกว่ามันไม่ได้เกิดขึ้น ดังนั้นบางครั้งเขายังคงถามตัวเอง
ชิงสุ่ยปรากฏตัวขึ้นบนหลังเต่าชรา ประมุขอสูรไม่ได้แสดงออกอะไร ชิงสุ่ยและฮัวรูเหม่ยต่างก็กล่าวทักทายเธอ
เธอตอบกลับสั้นๆด้วยท่าทีปกติ กลิ่นอายของเธอผลักไสผู้คนออกจากตัวเธอ อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยรู้สึกว่าเธอและฮัวรูเหม่ยใกล้ชิดยิ่งกว่าคนในครอบครัว นี่เป็นสัญชาตญาณของเขา
“ชิงสุ่ยเป็นหมอ ตอนนี้พวกเรามีการสนับสนุนที่ดีแล้ว ดังนั้น…”
“พวกเราไปกันเถอะ!”
เต่าชราเดินทางไปด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อภายใต้เมฆขณะที่พวกเขาเร่งมุ่งหน้าสู่มหาทวีปมังกรอหังกาล
การเดินทางของพวกเขาช่างน่าเบื่อ มันดูเหมือนประมุขอสูรจะไม่ชอบพูด อย่างไรก็ตามฮัวรูเหม่ยจะคุยกับเธออยู่บ่อยครั้งและบางครั้งก็จะหันไปถามชิงสุ่ย
“ข้ามีวิธีที่จะเดินทางไปได้เร็วกว่านี้ ด้วยวิธีนี้พวกเขาจะเดินทางไปถึงที่นั่นโดยตรง หาที่พักผ่อน และทำสิ่งอื่นๆดีหรือไม่?” ชิงสุ่ยกล่าวหลังจากคิดเล็กน้อย
“โอ๊ะ วิธีที่เดินทางได้เร็วกว่างั้นหรือ? นับว่ายอดเยี่ยม นี่มันน่าเบื่อมาก” ฮัวรูเหม่ยกล่าวอย่างมีความสุข
ประมุขอสูรมองไปที่ชิงสุ่ยราวกับว่าเธอกำลังถามเขา
“โปรดเรียกเขากลับไปก่อน มิฉะนั้นจะกลายเป็นพวกเราทิ้งเขาไว้เบื้องหลัง” ชิงสุ่ยชี้ไปที่เต่าชราตามที่เขาพูด
ประมุขอสูรเรียกเต่าชรากลับไป ชิงสุ่ยไม่รีรอและใช้ทักษะย่างก้าว 9 เทวา
หลังจากกำหนดทิศทาง เขาใช้ทักษะย่างก้าว 9 เทวาจนเหลือการใช้งานเพียงครั้งเดียว โลก 9 มหาทวีปเป็นที่ซึ่งอันตรายเกินไป หากมีอันตรายใดๆ เขาจะใช้วิธีนี้เพื่อหลบหนี
“โอ้ นี่คือหุบเขามังก่อนซ่อนเร้น รวดเร็วมาก? มันเป็นความสามารถอะไรกัน?” ฮัวรูเหม่ยมองไปหุบเขาโดยรอบและถามด้วยความไม่เชื่อ
การแสดงออกของประมุขอสูรไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
ชิงสุ่ยกล่าวถึงสิ่งต่างๆและบอกกับพวกเขาถึงข้อจำกัดในการใช้งาน
สถานที่แห่งนี้คือหุบเขามังกรซ่อนเร้น มันมีมังกรอยู่ในสถานที่นี้แม้ว่าจะเป็นแค่ข่าวลือ ไม่มีการพบเห็นที่เกิดขึ้นจริงเนื่องจากมีคนบอกว่าคนที่เคยเห็นมังกรได้ตายจากไปแล้ว
มังกรที่โตเต็มวัยนั้นน่าสะพรึงกลัว สายพันธุ์นี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่หวั่นเกรงอย่างยิ่งในโลก 9 มหาทวีป พวกมันจะครอบครองทุกที่ที่ไป ด้วยจำนวนของพวกมันที่น้อย ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีปรากฏให้เห็นนัก
การอยู่กับผู้หญิงทำให้เขารู้สึกถูกจำกัด มันเป็นความรู้สึกที่เขาไม่สามารถอธิบายได้และเขารู้สึกเหมือนว่าเขาทำอะไรไม่ได้ ขณะที่เขายังคงกังวลเกี่ยวกับกำไรและผลขาดทุน ทั้งสามคนอยู่ด้วยกันที่ยอดเขาเพื่อตั้งที่พัก
ชิงสุ่ยตั้งที่พักห่างจากอีกสองคน มันง่ายมากสำหรับการตั้งที่พักของเขา ดังนั้นชิงสุ่ยจึงจะไปช่วยพวกผู้หญิง
ฮัวรูเหม่ยกำลังช่วยประมุขอสูรเช่นกัน ชิงสุ่ยไตร่ตรองว่าจะเข้าไปหรือไม่
“ชิงสุ่ย เจ้าเป็นผู้ชาย ทำไมเจ้าถึงไม่มาช่วยกันหล่ะ?” ฮัวรูเหม่ยตะโกนออกมา
ชิงสุ่ยงงเล็กน้อย เขารู้ว่าฮัวรูเหม่ยพยายามช่วยเขา แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงพยายามอย่างหนัก บางทีเธอรู้สึกว่าเขามีโอกาสที่จะพิชิตใจประมุขอสูรงั้นหรือ?
ชิงสุ่ยรู้ว่าฮัวรูเหม่ยไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา เขาไม่รู้ว่าเธอมีความสามารถอะไร อย่างไรก็ตามเมื่อพูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับประมุขอสูร เธอไม่เคยกลัว
ชิงสุ่ยสังเกตที่พักสีขาวหิมะของประมุขอสูร มันไม่มีแม้แต่ฝุ่นละออง เขาสงสัยว่าเธอเป็นพวกกลัวเชื้อโรคหรือสิ่งสกปรกหรือไม่
ที่พักของฮัวรูเหม่ยเป็นสีขาวเช่นกัน แต่ก็ไม่สีขาวบริสุทธิ์เท่าหิมะขาวเท่าประมุขอสูร มีของที่ชื่นชอบวางอยู่ในที่พักอันสะอาดสะอ้านมากมาย
ประมุขอสูรสงบนิ่งมาก เธอไม่ได้แสดงความตื่นเต้นใดๆต่อชิงสุ่ยหรือทำตัวห่างเหิน เธอเพียงแค่เพิกเฉยต่อเขาอย่างสงบและสิ่งนี้ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกหดหู่
นี่เป็นเรื่องปกติของชิงสุ่ย สำหรับเขา เหตุการณ์แบบนี้รู้สึกเหมือนมันเป็นตัวเธอจริงๆ
เมื่อครั้งที่พวกเขาอยู่ในพระราชวังทับทิม เธอเกือบที่จะฆ่าเขา ในเวลานั้นเธอโกรธมาก ร่างกายของเธอถูกล่วงเกิน ใครบ้างที่จะไม่โกรธ
ชิงสุ่ยรู้สึกว่าแม้เธอจะยังโกรธอยู่ก็ตาม เขาอาจจะโต้ตอบกับเธอได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามตอนนี้ชิงสุ่ยไม่สังเกตเห็นถึงความโกรธ มันราวกับว่าเธอไม่ได้จดจำเขา
อย่างไรก็ตามวันที่เขาไปเยี่ยมชมพระราชวังจอมอสูรเพื่อพบเธอ เธอดูเหมือนต้องการพูดบางอย่างกับเขา เธอดูเป็นกังวล ขณะที่เขาคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจ เธอดูเหมือนจะไม่ลืมเขา
ร่างกายของเธอ เขาเป็นคนแรกที่ได้แตะต้อง ถ้าหากเธอไม่ได้ความจำเสื่อม เธอก็จะไม่มีทางลืม
ความคิดของผู้หญิงนั้นยากที่จะคาดเดาได้ ผู้หญิงเช่นประมุขอสูรยิ่งยากที่จะเข้าใจ เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน นอกจากนี้ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเธอไม่รู้ว่าจะรับมือกับปัญหาระหว่างชายและหญิงได้อย่างไร
“ข้าจะไปทำอาหาร พวกท่านค่อยตามมาหลังจากนี้สักพัก” ชิงสุ่ยบอกฮัวรูเหม่ยและประมุขอสูร
“ไม่เป็นไร พวกเขาจะไปช่วยเจ้าสักหน่อย” ฮัวรูเหม่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ประมุขอสูรเพียงแค่พยักหน้า
การแสดงออกของเธอทำให้ชิงสุ่ยประหลาดใจ อย่างไรก็ตามเขาตระหนักว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เมินเฉยเขาตั้งแต่แรก เมื่อเขาเริ่มพูดคุยกับเธอ เธอก็ยังตอบเขาด้วยการแสดงออกให้แบบของเธอ เธอไม่ได้เมินเฉยใส่เขา แต่ท่าทางของเธอทำให้ผู้คนหนีหาย
มันทำให้ผู้อื่นรู้สึกอึดและด้อยกว่า
ขณะที่ชิงสุ่ยถอนหายใจเบาๆ เขาก็เดินกลับไปยังที่พักของตัวเองซึ่งห่างไปไม่ไกล เขารู้ว่าเรื่องของประมุขอสูรไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแก้ได้ เขาได้เตรียมการจัดการกับมันในระยะยาว แต่เขารู้สึกว่ามันเป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน
ในแง่ของประมุขอสูร เขาไม่ได้รักเธอจนถึงขั้นที่กระโดดลงไปในกองเพลิงนำเธอกลับมา อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาต้องการคือการรับผิดชอบในฐานะลูกผู้ชายและดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจบางสิ่งบางอย่างช้าๆ มันไม่สำคัญว่าเขาจะได้อยู่กับประมุขอสูร เขาต้องการช่วยพระราชวังอสูร เขาไม่สนใจว่าเขาจะต้องกลายเป็นศัตรูกับคนบนโลกนี้
แม้แต่เต่าชราก็เคยบอกถึงเรื่องที่เธอไม่ได้ต้องการแต่งงานกับเขา เธออยากที่จะอยู่คนเดียวตลอดไป!
หลังจากที่เขาคิดถึงบางสิ่งบางอย่าง ชิงสุ่ยก็รู้สึกว่าสิ่งที่ต้องแบกรับมันหนักขึ้น เขาได้ปลดปล่อยบางสิ่งที่ติดอยู่ในใจ เธอไม่ได้ฆ่าเขาก่อนหน้านี้ แล้วเธอก็จะไม่ฆ่าเขาในอนาคต ถ้าเขาไม่ต้องกังวลเรื่องนี้อีก ทำไมเขายังชั่งใจถึงผลกำไรและขาดทุนของเขา?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ชิงสุ่ยยิ้ม ท่าทีของเขาเปลี่ยนไป เขาไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองอีกต่อไป เขาจะซื่อตรงมากให้ขึ้น กล้าหาญมากขึ้น เขาจะไม่ทำให้มันแย่ลง การแสดงออกไปตามความปรารถนาของตัวเองย่อมดีกว่าสิ่งที่เขาเป็นตอนนี้
หลังจากที่เขาพบพื้นที่ที่สะอาดและว่างเปล่า เขาหยิบเครื่องครัวออกมาจากดินแดนหยกยุพราชอมตะ นอกจากนั้นยังนำปลา กุ้ง รวมทั้งสมุนไพร และผักต่างๆออกมา เขากำลังอารมณ์ดี ดังนั้นเขาจึงจัดเตรียมอาหารมื้อใหญ่
ซาลาเปาหยกเพียงแค่ต้องอุ่นสักเล็กน้อยเท่านั้นและพวกมันก็พร้อมทาน
จานต่อไปเป็นซุปปลา ซุปสรรพสิ่งบำรุงกำลัง ปลาสายรุ้ง และอาหารทะเลอื่นๆ ทักษะการทำอาหารของชิงสุ่ยนั้นยอดเยี่ยม ด้วยเครื่องเทศที่หายาก มันทำให้เกิดกลิ่นหอมที่เกินกว่าจะจินตนาการ
เมื่อถึงเวลาที่หญิงทั้งสองมาถึง ทุกอย่างก็พร้อมสรรพแล้ว
โดยรอบถูกปกคลุมไปด้วยทิวทัศน์อันน่าหลงใหล อากาศสดชื่นและไม่มีฝุ่นละอองแม้ว่าพวกเขาอยู่บนยอดภูเขา พฤกษชาติอันเขียวขจีเมื่อเทียบกับถนนที่วุ่นวายภายในเมืองแล้ว มันเป็นเหมือนทิศทัศน์ของภาพเขียน
ชิงสุ่ยได้จัดเตรียมชุดเก้าอี้ไว้และพวกมันดูหรูหราทีเดียว สิ่งของทั้งหมดรวบรวมมาจากร้านเครื่องเรือนในเมืองทักษิณ
ขณะที่หญิงทั้งสองอยู่ต่อหน้าอาหารอันหอมหวลทั้งหมด พวกเธอรู้สึกเหมือนตกอยู่ในภาพหลอน แม้กระทั่งร้านอาหารชั้นเลิศก็ยังไม่มีผลกระทบดังกล่าว
ฮัวรูเหม่ยกล่าวหลังจากหยุดนิ่งไปชั่วครู่ “สำหรับการทำอาหารในระดับนี้และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ชาย นี้ช่างอยู่เหนือจินตนาการของข้า ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีความรู้ไม่น้อย”
“ในอนาคต ท่านจะรู้ว่าข้าสามารถทำอาหารได้อร่อยยิ่งขึ้น มาลองกินกันเถอะ” ชิงสุ่ยส่งถ้วยซุปให้ฮัวรูเหม่ย จากนั้นเขาก็ตักส่วนของประมุขอสูร ชิงสุ่ยทำแบบนี้เป็นธรรมชาติ เพราะเขาไม่ต้องการให้คิดว่ามีอะไรพิเศษ
ประมุขอสูรนั้นประหลาดใจ เธอไม่คิดว่าชิงสุ่ยจะส่งถ้วยไปให้เธอแทนที่จะวางมันไว้ตรงหน้าเธอ เธอเอื้อมมือออกไปรับมันและกล่าวเบาๆ “ขอบคุณ!”
สิ่งนี้ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกตกตะลึงและกล่าวออกมา “ไม่จำเป็นต้องสุภาพ ข้ามีความสุขมาก”
ฮัวรูเหม่ยหัวเราะ “พวกเราอยู่ด้วยกันมาไม่น้อย การทำตัวสุภาพเกินไปจะทำให้ยุ่งยาก พวกเรามากินกันอย่างสบายๆเถอะ เช่นนั้นดีหรือไม่?”
“ตกลง!” แน่นอนว่าชิงสุ่ยยินดีที่จะทำเช่นนั้น