Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล – ตอนที่ 1253

บทที่ 1253 – ออกจากการประลอง ความสามารถที่เหนือกว่า นางสามารถท่องเที่ยวไปได้รอบโลก 9 มหาทวีป?

 

แม้ว่าคำพูดของชิงสุ่ยจะไม่น่าแปลกใจ แต่มันก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเทียนเจียนเซียน ผู้นำนิกายเป็นความปรารถนาของเขา หากละทิ้งมัน เขาก็เหมือนเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ถ้าข้อตกลงสำหรับเขาเพียงเพื่อช่วยน้องชายที่มีพรสวรรค์ เขาคิดว่าจริงๆแล้วเขาสามารถเอาชนะน้องชายได้ในอนาคต เขาเพียงแค่ต้องการเวลานิดหน่อย ยิ่งไปกว่านั้นถ้าน้องชายของเขาได้กลายเป็นผู้นำนิกายโลกานฤเบศ ด้วยทรัพยากรอันยอดเยี่ยมที่จะเข้าถึงได้ ความสามารถของน้องชายก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากและในที่สุดก็จะเหนือเขาไปอีกในอนาคต

 

แม้ว่าเทียนเจียงจะเป็นน้องชายของเขา เทียนเจียนเซียนก็ไม่ต้องการให้น้องชายเหนือกว่า หากว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็จะไม่เป็นผู้นำตระกูลเทียนอีกต่อไป

 

“ดูเหมือนว่าท่านคงไม่เต็มใจ เช่นนั้นมาต่อสู้กันเถอะ อย่างไรก็ตามข้าจะบอกท่านเอาไว้ล่วงหน้า ถ้าหากพวกเราสู้กัน ท่านจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต” คำพูดของชิงสุ่ยเต็มไปด้วยเจตนารมณ์ในการฆ่าฟันที่รุนแรง

 

ชิงสุ่ยไม่ต้องการที่จะสังหารเขาหรือทำให้พิการใดๆ

 

การทำให้เขามีชีวิตอยู่คือแรงผลักดันสำหรับเทียนเจียงที่จะก้าวไปข้างหน้า เมื่อวันที่เทียนเจียงมีความสามารถมากพอที่จะก้าวผ่านเทียนเจียนเซียน นั่นน่าจะเป็นวันที่เทียนเจียงเติบโตขึ้นแล้วอย่างแท้จริง

 

พลัง 3,000 สุริยาเป็นจุดใหญ่ที่ต้องข้ามผ่านไปจุดหนึ่ง  พลัง 2,000 สุริยาเป็นเพียงจุดเล็กๆ ผู้ที่ชื่นชมฟู่เหยียนเทียนและเทียนเจียนเซียนมักจะหยุดนิ่งอยู่ที่พลังประมาณ 2,000 สุริยา จุดๆไม่ใช่ทางที่ดีนัก แต่มันก็ไม่สำคัญ มีคนจำนวนมากที่ติดอยู่ที่นี่และไม่เคยบรรลุความก้าวหน้าตลอดทั้งชีวิตของพวกเขา มันถือว่าเป็นเรื่องปกติที่จะติดอยู่ในขั้นนี้เป็นเวลา 180 ปี

 

ฟู่เหยียนเทียนและเทียนเจียนเซียนติดอยู่ที่จุดนี้อย่างน้อย 15 ปี!

 

“ข้าเห็นด้วยกับข้อตกลงของเจ้า!” เทียนเจียนเซียนถอนหายใจ ตอนนี้ราวกับมีหนามพุ่งมาทิ่มแทงหัวใจเขา แต่อย่างน้อยมันจะไม่ทำให้เขากลายเป็นคนพิการ คนทั่วไปบอกว่าบุรุษจะรู้ว่าเมื่อไหร่ควรอ่อนข้อและหยุด อย่างไรก็ตามการยอมอ่อนข้อในวันนี้ทำให้เขาต้องจ่ายไปด้วยราคาที่สูงลิ่ว

 

ชิงสุ่ยไม่รู้สึกประหลาดใจกับผลดังกล่าว เขาพยักหน้าและเทียนเจียนเซียนก็เดินออกไปอย่างฉับพลัน

 

“ขี้ขลาด เจ้าไม่ได้มีความกล้าที่จะต่อสู้กับมัน”

 

“เทียนเจียงช่างไร้ค่า ข้าคิดว่าเขาสมรู้ร่วมคิดกับบุคคลภายนอกเพื่อขับไล่พี่ชายออกจากเส้นทางของเขา”

 

“มันมีอะไรแปลกๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ เทียนเจียนเซียนเป็นผู้นำนิกายโลกานฤเบศ แต่เขากลับไม่สนใจเรื่องของเทียนเจียงเลย แม้พวกเขาทั้งสองจะเป็นพี่น้องกัน เทียนเจียนเซียนไม่อาจเทียบกับฟู่เหยียนเทียนได้”

 

“เหล่ารุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์จบสิ้นแล้ว ข้าสงสัยว่านิกายโลกานฤเบศจะเป็นอย่างไร?”

 

“มีข่าวว่าเทียนเจียงทำข้อตกลงดีๆกับชิงสุ่ย ข้าสงสัยว่าชิงสุ่ยอาจเข้าไปควบคุมนิกายโลกานฤเบศ”

 

“ตั้งแต่ชิงสุ่ยที่สามารถเอาชนะรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ในกระบวนท่าเดียว เจ้าคิดว่าเขาจะมาคิดมากเรื่องนิกายโลกานฤเบศงั้นหรือ ถ้าหากเขาต้องการ แม้แต่การเข้าปกครองสำนักสวรรค์เร้นลับก็คงแค่ขึ้นอยู่กับเวลา”

 

“สำนักสวรรค์เร้นลับน่าจะคอยสนับสนุนเขา มิฉะนั้นพวกเขาคงไม่แต่งตั้งเขาเป็นผู้พิทักษ์อิสระ ดูเหมือนว่าเขาจะมีความสามารถที่เป็นเลิศ”

 

“ถูกต้อง มันดูเหมือนว่าพาไลหิมะหวนจะทรงพลังมากขึ้นในอนาคต หลังจากวันนี้อำนาจของพาไลหิมะหวนจะเปลี่ยนไปและจะมีผู้คนจำนวนมากที่ต้องการเข้าร่วมด้วย”

 

 

ชิงสุ่ยยืนอยู่บนลานประลองสวรรค์เร้นลับและมองไปที่ผู้มีอิทธิพลทั้งสามเช่นหอจันทรา “ขึ้นมา ถ้าท่านสามารถเอาชนะข้าได้ ข้าจะเข้าร่วมกับท่าน นั่นนับว่าเป็นชัยชนะที่ยอดเยี่ยมของท่าน”

 

คำพูดของชิงสุ่ยทำให้คนจำนวนมากถึงกับหนาวสั่น อย่างไรก็ตามพวกเขาเข้าใจอย่างรวดเร็วว่าเขาไม่ได้โอ้อวด ผู้ที่สามารถจัดการรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ในครั้งเดียวย่อมสามารถทำอะไรเช่นนี้

 

ชิงสุ่ยก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวทันที เขาสามารถบอกได้ว่าทั้งสามคนไม่หลงเหลือจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้มากนัก แต่เขาก็ยังต้องการที่จะทำอะไรบางอย่าง เขาหมุนเวียนพลังของเขาไปถึงจุดสูงสุดและกวัดแกว่งกระบี่ดารายุพฆาต

 

เถาวัลย์อสูรกระหายเลือด!

 

เถาวัลย์อสูรกระหายเลือดขนาดใหญ่ดูน่ากลัวกว่าแต่ก่อน กิ่งก้านอันใหญ่จองมันมีสีแดงอมม่วง ขณะที่พวกมันพุ่งขึ้นในอากาศพร้อมด้วยหนามแหลมคมยาวกว่า 1 ฟุต เมื่อพวกมันสะบัดไปมาก็ทำให้เกิดเสียงอื้ออึง

 

ผู้ที่บรรลุถึงระดับหนึ่งจะสามารถสัมผัสภัยคุกคามของมันได้ แม้กระทั่งผู้ที่อ่อนแอด้านล่างลานประลองก็รู้สึกได้ว่าเถาวัลย์อสูรกระหายเลือดช่างน่ากลัว ความรู้สึกนั้นราวว่ากับเถาวัลย์สามารถบดขยี้ภูเขาลงได้

 

ชิงสุ่ยแตะมันเบาๆด้วยกระบี่ดารายุพฆาตของเขาในขณะที่เขาเรียกว่าเถาวัลย์อสูรกระหายเลือดขนาดใหญ่ออกมาอีกสองเถา นี่เป็นจำนวนที่มากที่สุดที่ชิงสุ่ย สามารถเรียกออกมาได้ในขณะนี้ เขาพยายามที่จะแสดงพลังของเขา

 

“พวกเรายอมรับความพ่ายแพ้ เสนอข้อตกลงของเจ้ามา หากพวกเราทำได้ พวกเรายินดียอมรับมันอย่างแน่นอน”

 

แม้ว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงสำหรับเหล่ารุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่สำหรับพวกเขามันจบลงแล้ว นิกายโลกานฤเบศยังถือว่าเปลี่ยนผ่านผู้กุมอำนาจได้ แต่กับผู้คนจากหอจันทรานั้นไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา

 

อย่างไรก็ตามพวกเขาอาจจบลงไม่สวยนัก นี่คือผลลัพธ์ของผู้แพ้

 

“ข้าไม่ได้มีข้อตกลงใดๆ พวกเจ้าแค่ต้องซื่อสัตย์ต่อสำนักสวรรค์เร้นลับ” ชิงสุ่ยกล่าวเบาๆ

 

ชิงสุ่ยรู้สึกหมดหนทางเช่นกัน องค์หญิงใหญ่ยังคงต้องการเวลาอีกสักเล็กน้อยเพื่อความก้าวหน้า ตราบใดที่เขาอยู่ใกล้ๆ มันก็ไม่มีอะไรต้องกลัว

 

“พวกเราจงรักภักดีต่อสำนักสวรรค์เร้นลับเสมอ”

 

“งั้นก็ดี อีกเรื่องหนึ่งข้าเป็นสมาชิกคนหนึ่งของพาไลหิมะหวน พวกเราจะทำให้สิ่งๆต่างสิ้นสุดลงในวันนี้!” หลังจากพูดแบบนั้น ชิงสุ่ยก็ค่อยๆเดินลงมา เมื่อเขากล่าวถึงตอนสุดท้าย ทั้งสามฝ่ายก็รู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร

 

วันนี้สิ้นสุดลงแล้วและผลลัพธ์นี้ไม่ได้เกินความคาดหมายของเขา เป็นเพราะพวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน พลังวิญญาณของเขาโดดเด่นและแม้จะไม่มีรูปแบบดาราจักร เขาก็ยังคงสามารถจัดการกับคนระดับรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ได้

 

คราวนี้เขาจากไปพร้อมกับองค์หญิงใหญ่และคนอื่นๆ ชิงสุ่ยและชื่อเสียงของพาไลหิมะหวนแพร่กระจายออกไป ผู้ที่ประเมินสถานการณ์ได้ดีจะสามารถบอกถึงความสัมพันธ์ระหว่างชิงสุ่ยกับพาไลหิมะหวนและองค์หญิงใหญ่กับเขาได้

 

หญิงผู้ที่งดงามที่สุดในสำนักสวรรค์เร้นลับ ไม่เคยถูกผู้ใดทำให้ด่างพร้อยมาก่อน แม้แต่กับเหล่ารุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ชื่นชอบเธอก็ยังทำไม่สำเร็จ อย่างไรก็ตามในขณะนี้ดูเหมือนจะมีแนวโน้มว่าจะถูกใครบางคนแย่งชิงไป มันทำให้คนจำนวนมากจ้องมองไปที่ด้านหลังของชิงสุ่ยด้วยความอิจฉาอันยิ่งใหญ่

 

สิ่งต่างๆสิ้นสุดลงแล้วในวันนี้ ชิงสุ่ยวางแผนที่จะออกไปสักพัก มันควรจะเป็นวันพรุ่งนี้ แต่ถ้าเป็นภายหลังก็ไม่น่าจะเกิน 3วัน

 

ชิงสุ่ยปล่อยให้เธอกลับไปก่อนขณะที่เขาบินไปยังลานสวรรค์เร้นลับ

 

สำหรับชิงสุ่ย รูปแบบหมอกเก้าเทวาไม่ใช่สิ่งที่ท้าทายเกินไป หลังจากที่เขามาถึง เขาเห็นชายชราสองคนที่ดูเหมือนจะรู้ว่าเขามา

 

“มาเถอะ เจ้ามาเร็วกว่าที่พวกเราคาดไว้” ชายชราสวมชุดคลุมมังกรทองเรียกว่าชิงสุ่ยให้นั่ง

 

“พวกเขาช่างขี้ขลาดและไม่กล้าที่จะต่อสู้แม้สักนิด” ชิงสุ่ยส่ายหัว

 

“พวกเขาได้เห็นอะไรมากขึ้นและคงไม่สามารถผ่านมันไปได้ง่ายๆ จิตใจของพวกเขาตอนนี้ไม่มั่นคงและนี่ถือว่าเป็นบททดสอบสำหรับพวกเขา”

 

“โอ้ จริงสิ ชิงสุ่ย เจ้าจะออกไปงั้นหรือ?” ชายชราคนหนึ่งนามว่าเฉายิ้มและพูดกับชิงสุ่ย

 

“ใช่!”

 

“เมื่อใด?”

 

“ข้ากำลังคิดว่าอาจจะวันพรุ่งนี้หรือไม่เกินอีก 3 วัน”

 

“เช่นนั้นระวังตัวด้วย พวกเราคงไม่ต้องไปส่งเจ้า” ชายชราในชุดคลุมมังกรทองยิ้มและกล่าว

 

“ขอบคุณ ท่านไม่จำเป็นต้องมากพิธี ยังมีบางสิ่งที่ข้าต้องขอคำชี้แนะจากท่าน” ชิงสุ่ยยิ้มและพูด

 

“มันคืออะไร? จงพูดมา เจ้าไม่ต้องมากพิธี หากเจ้าไม่คิดรังเกียจ เจ้าสามารถปฏิบัติต่อพวกเราทั้งสองเสมือนผู้อาวุโสในครอบครัวของเจ้าได้” ตอนนี้ชายชราผู้สวมชุดคลุมมังกรทองนั้นให้ค่ากับชิงสุ่ยมาก

 

“ข้าอยากรู้เรื่องประมุขอสูร” ชิงสุ่ยใช้ความคิดบางอย่างและกล่าว

 

“ประมุขอสูร?” ชายชราทั้งสองมองชิงสุ่ยด้วยความตกตะลึง

 

“ใช่ ข้าสงสัยว่าพวกท่านทั้งสองรู้อะไรหรือไม่?” ตอนนี้ชิงสุ่ยพูดกับพวกเขาต่างออกไป มันให้ความรู้สึกที่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสามใกล้ชิดกันมากขึ้น

 

“ประมุขอสูรไม่ได้มาจากมหาทวีปอู่เซียตะวันตก พวกเรารู้เพียงว่านางเป็นผู้นำแห่งพระราชวังอสูร นางเป็นศัตรูกับผู้ที่ทรงอำนาจและชอบธรรมทั้งทวีป พวกเขาทั้งหมดต่างบอกว่านางเป็นปีศาจและพวกเราไม่รู้รายละเอียดนั้น มหาทวีปอู่เซียตะวันตกรู้เพียงข่าวลือเกี่ยวกับนางและพวกมันอาจไม่เป็นความจริง” ชายชรามองไปที่ชิงสุ่ยและกล่าวอย่างช้าๆ

 

“ชิงสุ่ย เจ้ารู้จักประมุขอสูรหรือ?” ชายชรานามเฉาถามด้วยความตกตะลึง

 

“ข้าเป็นคนทำลายผนึกของนางที่โลก 5 มหาทวีป”

 

ชิงสุ่ยรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องปิดบังข้อมูลนี้และกล่าวมันอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามเมื่อเขากล่าวมัน สีหน้าของชายชราทั้งสองดูเหมือนจะแปลกใจเล็กน้อย

 

“พวกเราหวังว่าเจ้าจะไม่ออกตามหานางจนกว่าเจ้าบรรลุพลังระดับ 10,000 สุริยา โปรดจำไว้ว่าที่พวกเราพูดก็เพื่อไม่ให้เจ้ามีภัย มิฉะนั้นเจ้าอาจตกอยู่ในอันตรายครั้งใหญ่ รอจนกว่าเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้น จากนั้นเจ้าจะได้ยินเรื่องราวของนางจากผู้อื่นเองในระหว่างเดินทางภายในโลก 9 มหาทวีป” ชายชราสวมชุดคลุมมังกรทองถอนหายใจและกล่าว

 

“พลังระดับ 10,000 สุริยา  นางอยู่ในระดับใดกัน นางสามารถท่องเที่ยวไปมาระหว่างโลก 9 มหาทวีปได้งั้นหรือ?” ชิงสุ่ย กล่าวด้วยความประหลาดใจ

 

“มันคงจะไม่ใช่เรื่องดีที่จะรู้มากไปในตอนนี้ จดจำสิ่งที่พวกเราได้บอกไป จงมุ่งมันเพื่อให้แข็งแกร่งขึ้น ในอนาคตสำนักสวรรค์เร้นลับยังคงต้องพึ่งพาเจ้า ด้วยพลังทุกสิ่งทุกอย่างจะได้รับการแก้ไข”

 

 

“ท่านพ่อ ท่านจะไม่พาลูกไปด้วยจริงๆหรือ?” ชิงซาคว้าแขนของชิงสุ่ยเอาไว้และกล่าวอย่างสลด

 

“พวกเราพูดเรื่องนี้กันแล้วไม่ใช่หรือ หากเจ้าไม่ฝึกฝน มันจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้าในอนาคตก็ไม่อาจรู้ได้? ยิ่งไปกว่านั้นพ่อจะกลับมาหาเจ้าบ่อยๆ”

 

ชิงสุ่ยพยายามอย่างหนักและสุดท้ายชิงซาก็เชื่อฟัง

 

เหยียนจินยวี้และองค์หญิงเจ็ดมาเพื่ออวยพรเขา

 

“เด็กน้อย เจ้าต้องเชื่อฟังท่านป้า” ชิงสุ่ยนำชิงซาไปหาองค์หญิงใหญ่และกล่าว

 

“ท่านพ่อไม่เคยพูดเช่นนี้ ลูกจะเรียกนางว่าท่านแม่เหมือนก่อนหน้านี้? ทำไมลูกต้องเปลี่ยนมัน?” ชิงซาถามชิงสุ่ยขณะที่เธอมองเขาอย่างจริงจัง

 

ชิงสุ่ยตระหนักแล้วว่าเธอเป็นเหมือนปีศาจตัวน้อย ศักยภาพของเธอกำลังค่อยๆพัฒนาขึ้น

 

องค์หญิงใหญ่หน้าแดงขณะจับชิงซา “เด็กน้อย เจ้ากำลังหยอกล้อข้างั้นหรือ?”

 

“ฮ่าฮ่า ข้าแค่เชื่อฟังท่านพ่อ เมื่อท่านพ่อไม่อยู่ ข้าก็จะเชื่อฟังท่าน” ชิงซามองไปยังพวกเขาทั้งสองที่เดินห่างออกไปสองคนเรื่อยๆ

 

ชิงสุ่ยรู้สึกว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและองค์หญิงใหญ่เปลี่ยนไป เป็นเพราะเขารู้สึกว่าชิงซายังสังเกตเห็นแล้วคนอื่นๆจะไม่รู้ได้อย่างไร?

 

“เดินทางปลอดภัย”

 

“ท่านยังไม่ได้ให้รางวัลข้าเลย” ชิงสุ่ยยิ้มและมองไปที่องค์หญิงใหญ่

 

“รางวัลอะไรกัน?” องค์หญิงใหญ่กล่าวอย่างผิดธรรมชาติ

 

“บุรุษนั้นยังรักษาคำพูด ท่านกลับคำพูดของตัวเองได้อย่างไร?”

 

“ข้าไม่ใช่ผู้ชาย ข้าเป็นหญิงสาว” องค์หญิงใหญ่ยิ้มและพูดว่า

 

“อ๊ะ ถ้าท่านไม่ให้รางวัล ข้าจะไม่ยอมให้ท่านเป็นหญิงสาว” ชิงสุ่ยมองไปที่เธอและพูดอย่างจริงจัง

 

“ข้าเป็นหญิงสาว ข้าจะเป็นอะไรได้ถ้าหากไม่ใช่หญิงสาว?” องค์หญิงใหญ่คิดเพียงผิวเผิน

 

“ท่านสามารถกลายเป็นเพียงหญิงเฉยๆได้เช่นกัน”

 

องค์หญิงใหญ่ “…”

 

ขณะที่เธอตกตะลึง ชิงสุ่ยก็จูบลงบนริมฝีปากสีแดงขององค์หญิงใหญ่และดูดน้ำอันหอมหวานในปากของเธออย่างตะกละตะกลาม มันเป็นรสที่ดียิ่งกว่าความมีชีวิตชีวาในฤดูใบไม้ผลิ เขาเอามือหนึ่งโอบรัดรอบเอวอันงดงามของเธอ ขณะที่มืออีกข้างคว้าไปที่ยอดเนินออกทั้งสองจากด้านใต้เสื้อผ้า

 

องค์หญิงใหญ่สูญเสียการควมคุมตัวเองไปเพียงช่วงสั้นๆ เมื่อเธอได้สติ มือของชิงสุ่ยก็ล้วงเข้ามาในเสื้อผ้าของเธอและบีบจับก้น

 

เธอต้องใช้กำลังอย่างมากในการหลบเลี่ยงจากปากของชิงสุ่ยและมือของเธอก็กดลงบนมือที่เขาจับก้นเธอเพื่อไม่ให้เขาขยับมัน มืออีกข้างหนึ่งของเธอโอบไปที่คอของเขา

 

“ถ้าเจ้ายังจะเลยเถิด ข้าก็จะปล่อยให้เจ้าทำมันสมปรารถานา แต่ข้าจะหายตัวไปหลังจากนี้”

 

ชิงสุ่ยรู้สึกหดหู่มาก ทำไมผู้หญิงทุกคนชอบที่จะใช้ไม้นี้? เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหยุดยั้งมือ อย่างไรก็ตามมือที่อยู่บนยอดเนินอกของเธอยังคงเคลื่อนที่ไปรอบๆร่างกาย ครึ่งล่างของชิงสุ่ยได้กลายเป็นสิ่งที่อัดแน่นเหมือนครั้งก่อนๆ

 

เมื่อเป็นเช่นนั้น ชิงสุ่ยจึงมองไปยังหญิงผู้งดงามและเพลิดเพลินไปกับการสัมผัสด้วยความปิติยินดี

Ancient Strengthening Technique

Ancient Strengthening Technique

นิยายเรื่องนี้เป็นเกี่ยวกับตัวละครหลักมีชื่อว่า ชิงสุ่ยซึ่งถูกส่งข้ามมิติและมายังทวีปคิวชู ทั้งทวีปเต็มไปด้วยการฆ่าฟันดังพายุโลหิต ส่งผลให้ซากศพ กระดูกและเศษเนื้อ กระจายเกลื่อนไปทั่วทวีปซึ่งถือเรื่องธรรมดามากในโลกใบนี้ นักรบหนุ่มชิงสุ่ยทำการพลิกชะตากรรมชีวิตเพื่อสร้างเส้นในการเพาะปลูกพลังยุทธ เขาใช้เวลากว่า 10 ปีเพื่อฝึกฝนตัวเอง เพื่อที่จะแสวงหาการแก้แค้นบุคคลผู้หนึ่งที่ได้ทอดทิ้งแม่ของเขา! บนเส้นทางชีวิตนี้ เขาได้มีโอกาสพบกับหญิงสาวผู้มีความงดงามดุลรูปปั่นเทพธิดา ( เจ้าหญิงน้ำแข็ง ) ชิชิงซวง ซึ่งเป็นบ่อเกิดของความเกลียดชังและการแก้แค้นจากคู่หมั้นของเธอนามซิตู่บูฟาน หลังจากผ่านพ้นเข้าเมืองร้อยไมล์ ชิงสุ่ยได้พบกับสาวสวยแสนงดงามชื่อ ยูฮี และคนอื่นๆ ที่อาณาจักรเซียนเทียน หลังจากที่เขาเผชิญความทุกข์ยากในเส้นทางชีวิต เขาได้ฆ่านายน้อยของตระกูลกงหยางเพราะยูฮี ทำให้เขาต้องหลบๆซ่อนๆ แต่ในความโชคร้ายก็มีความโชคดี หญิงสาวรูปร่างใบหน้าราวกับนางอัปสรสวรรค์ ชื่อเย่ยีเจียนจี ได้พานพบและได้ช่วยเหลือเขาเอาไว้ ต่อไปนี้เขาจะต้องพบเจอกับสงครามที่ต้องล้างด้วยเลือด ชิงสุ่ยจะสามารถรอดพ้นอันตรายได้หรือไม่ จะรอดพ้นภัยพิบัติได้หรือไม่ และความสัมพันธ์ของเขากับสาวงามต่างๆจะเป็นอย่างไร

Options

not work with dark mode
Reset