บทที่ 1253 – ออกจากการประลอง ความสามารถที่เหนือกว่า นางสามารถท่องเที่ยวไปได้รอบโลก 9 มหาทวีป?
แม้ว่าคำพูดของชิงสุ่ยจะไม่น่าแปลกใจ แต่มันก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเทียนเจียนเซียน ผู้นำนิกายเป็นความปรารถนาของเขา หากละทิ้งมัน เขาก็เหมือนเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ถ้าข้อตกลงสำหรับเขาเพียงเพื่อช่วยน้องชายที่มีพรสวรรค์ เขาคิดว่าจริงๆแล้วเขาสามารถเอาชนะน้องชายได้ในอนาคต เขาเพียงแค่ต้องการเวลานิดหน่อย ยิ่งไปกว่านั้นถ้าน้องชายของเขาได้กลายเป็นผู้นำนิกายโลกานฤเบศ ด้วยทรัพยากรอันยอดเยี่ยมที่จะเข้าถึงได้ ความสามารถของน้องชายก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากและในที่สุดก็จะเหนือเขาไปอีกในอนาคต
แม้ว่าเทียนเจียงจะเป็นน้องชายของเขา เทียนเจียนเซียนก็ไม่ต้องการให้น้องชายเหนือกว่า หากว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็จะไม่เป็นผู้นำตระกูลเทียนอีกต่อไป
“ดูเหมือนว่าท่านคงไม่เต็มใจ เช่นนั้นมาต่อสู้กันเถอะ อย่างไรก็ตามข้าจะบอกท่านเอาไว้ล่วงหน้า ถ้าหากพวกเราสู้กัน ท่านจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต” คำพูดของชิงสุ่ยเต็มไปด้วยเจตนารมณ์ในการฆ่าฟันที่รุนแรง
ชิงสุ่ยไม่ต้องการที่จะสังหารเขาหรือทำให้พิการใดๆ
การทำให้เขามีชีวิตอยู่คือแรงผลักดันสำหรับเทียนเจียงที่จะก้าวไปข้างหน้า เมื่อวันที่เทียนเจียงมีความสามารถมากพอที่จะก้าวผ่านเทียนเจียนเซียน นั่นน่าจะเป็นวันที่เทียนเจียงเติบโตขึ้นแล้วอย่างแท้จริง
พลัง 3,000 สุริยาเป็นจุดใหญ่ที่ต้องข้ามผ่านไปจุดหนึ่ง พลัง 2,000 สุริยาเป็นเพียงจุดเล็กๆ ผู้ที่ชื่นชมฟู่เหยียนเทียนและเทียนเจียนเซียนมักจะหยุดนิ่งอยู่ที่พลังประมาณ 2,000 สุริยา จุดๆไม่ใช่ทางที่ดีนัก แต่มันก็ไม่สำคัญ มีคนจำนวนมากที่ติดอยู่ที่นี่และไม่เคยบรรลุความก้าวหน้าตลอดทั้งชีวิตของพวกเขา มันถือว่าเป็นเรื่องปกติที่จะติดอยู่ในขั้นนี้เป็นเวลา 180 ปี
ฟู่เหยียนเทียนและเทียนเจียนเซียนติดอยู่ที่จุดนี้อย่างน้อย 15 ปี!
“ข้าเห็นด้วยกับข้อตกลงของเจ้า!” เทียนเจียนเซียนถอนหายใจ ตอนนี้ราวกับมีหนามพุ่งมาทิ่มแทงหัวใจเขา แต่อย่างน้อยมันจะไม่ทำให้เขากลายเป็นคนพิการ คนทั่วไปบอกว่าบุรุษจะรู้ว่าเมื่อไหร่ควรอ่อนข้อและหยุด อย่างไรก็ตามการยอมอ่อนข้อในวันนี้ทำให้เขาต้องจ่ายไปด้วยราคาที่สูงลิ่ว
ชิงสุ่ยไม่รู้สึกประหลาดใจกับผลดังกล่าว เขาพยักหน้าและเทียนเจียนเซียนก็เดินออกไปอย่างฉับพลัน
“ขี้ขลาด เจ้าไม่ได้มีความกล้าที่จะต่อสู้กับมัน”
“เทียนเจียงช่างไร้ค่า ข้าคิดว่าเขาสมรู้ร่วมคิดกับบุคคลภายนอกเพื่อขับไล่พี่ชายออกจากเส้นทางของเขา”
“มันมีอะไรแปลกๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ เทียนเจียนเซียนเป็นผู้นำนิกายโลกานฤเบศ แต่เขากลับไม่สนใจเรื่องของเทียนเจียงเลย แม้พวกเขาทั้งสองจะเป็นพี่น้องกัน เทียนเจียนเซียนไม่อาจเทียบกับฟู่เหยียนเทียนได้”
“เหล่ารุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์จบสิ้นแล้ว ข้าสงสัยว่านิกายโลกานฤเบศจะเป็นอย่างไร?”
“มีข่าวว่าเทียนเจียงทำข้อตกลงดีๆกับชิงสุ่ย ข้าสงสัยว่าชิงสุ่ยอาจเข้าไปควบคุมนิกายโลกานฤเบศ”
“ตั้งแต่ชิงสุ่ยที่สามารถเอาชนะรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ในกระบวนท่าเดียว เจ้าคิดว่าเขาจะมาคิดมากเรื่องนิกายโลกานฤเบศงั้นหรือ ถ้าหากเขาต้องการ แม้แต่การเข้าปกครองสำนักสวรรค์เร้นลับก็คงแค่ขึ้นอยู่กับเวลา”
“สำนักสวรรค์เร้นลับน่าจะคอยสนับสนุนเขา มิฉะนั้นพวกเขาคงไม่แต่งตั้งเขาเป็นผู้พิทักษ์อิสระ ดูเหมือนว่าเขาจะมีความสามารถที่เป็นเลิศ”
“ถูกต้อง มันดูเหมือนว่าพาไลหิมะหวนจะทรงพลังมากขึ้นในอนาคต หลังจากวันนี้อำนาจของพาไลหิมะหวนจะเปลี่ยนไปและจะมีผู้คนจำนวนมากที่ต้องการเข้าร่วมด้วย”
…
ชิงสุ่ยยืนอยู่บนลานประลองสวรรค์เร้นลับและมองไปที่ผู้มีอิทธิพลทั้งสามเช่นหอจันทรา “ขึ้นมา ถ้าท่านสามารถเอาชนะข้าได้ ข้าจะเข้าร่วมกับท่าน นั่นนับว่าเป็นชัยชนะที่ยอดเยี่ยมของท่าน”
คำพูดของชิงสุ่ยทำให้คนจำนวนมากถึงกับหนาวสั่น อย่างไรก็ตามพวกเขาเข้าใจอย่างรวดเร็วว่าเขาไม่ได้โอ้อวด ผู้ที่สามารถจัดการรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ในครั้งเดียวย่อมสามารถทำอะไรเช่นนี้
ชิงสุ่ยก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวทันที เขาสามารถบอกได้ว่าทั้งสามคนไม่หลงเหลือจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้มากนัก แต่เขาก็ยังต้องการที่จะทำอะไรบางอย่าง เขาหมุนเวียนพลังของเขาไปถึงจุดสูงสุดและกวัดแกว่งกระบี่ดารายุพฆาต
เถาวัลย์อสูรกระหายเลือด!
เถาวัลย์อสูรกระหายเลือดขนาดใหญ่ดูน่ากลัวกว่าแต่ก่อน กิ่งก้านอันใหญ่จองมันมีสีแดงอมม่วง ขณะที่พวกมันพุ่งขึ้นในอากาศพร้อมด้วยหนามแหลมคมยาวกว่า 1 ฟุต เมื่อพวกมันสะบัดไปมาก็ทำให้เกิดเสียงอื้ออึง
ผู้ที่บรรลุถึงระดับหนึ่งจะสามารถสัมผัสภัยคุกคามของมันได้ แม้กระทั่งผู้ที่อ่อนแอด้านล่างลานประลองก็รู้สึกได้ว่าเถาวัลย์อสูรกระหายเลือดช่างน่ากลัว ความรู้สึกนั้นราวว่ากับเถาวัลย์สามารถบดขยี้ภูเขาลงได้
ชิงสุ่ยแตะมันเบาๆด้วยกระบี่ดารายุพฆาตของเขาในขณะที่เขาเรียกว่าเถาวัลย์อสูรกระหายเลือดขนาดใหญ่ออกมาอีกสองเถา นี่เป็นจำนวนที่มากที่สุดที่ชิงสุ่ย สามารถเรียกออกมาได้ในขณะนี้ เขาพยายามที่จะแสดงพลังของเขา
“พวกเรายอมรับความพ่ายแพ้ เสนอข้อตกลงของเจ้ามา หากพวกเราทำได้ พวกเรายินดียอมรับมันอย่างแน่นอน”
แม้ว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงสำหรับเหล่ารุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่สำหรับพวกเขามันจบลงแล้ว นิกายโลกานฤเบศยังถือว่าเปลี่ยนผ่านผู้กุมอำนาจได้ แต่กับผู้คนจากหอจันทรานั้นไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา
อย่างไรก็ตามพวกเขาอาจจบลงไม่สวยนัก นี่คือผลลัพธ์ของผู้แพ้
“ข้าไม่ได้มีข้อตกลงใดๆ พวกเจ้าแค่ต้องซื่อสัตย์ต่อสำนักสวรรค์เร้นลับ” ชิงสุ่ยกล่าวเบาๆ
ชิงสุ่ยรู้สึกหมดหนทางเช่นกัน องค์หญิงใหญ่ยังคงต้องการเวลาอีกสักเล็กน้อยเพื่อความก้าวหน้า ตราบใดที่เขาอยู่ใกล้ๆ มันก็ไม่มีอะไรต้องกลัว
“พวกเราจงรักภักดีต่อสำนักสวรรค์เร้นลับเสมอ”
“งั้นก็ดี อีกเรื่องหนึ่งข้าเป็นสมาชิกคนหนึ่งของพาไลหิมะหวน พวกเราจะทำให้สิ่งๆต่างสิ้นสุดลงในวันนี้!” หลังจากพูดแบบนั้น ชิงสุ่ยก็ค่อยๆเดินลงมา เมื่อเขากล่าวถึงตอนสุดท้าย ทั้งสามฝ่ายก็รู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร
วันนี้สิ้นสุดลงแล้วและผลลัพธ์นี้ไม่ได้เกินความคาดหมายของเขา เป็นเพราะพวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน พลังวิญญาณของเขาโดดเด่นและแม้จะไม่มีรูปแบบดาราจักร เขาก็ยังคงสามารถจัดการกับคนระดับรุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ได้
คราวนี้เขาจากไปพร้อมกับองค์หญิงใหญ่และคนอื่นๆ ชิงสุ่ยและชื่อเสียงของพาไลหิมะหวนแพร่กระจายออกไป ผู้ที่ประเมินสถานการณ์ได้ดีจะสามารถบอกถึงความสัมพันธ์ระหว่างชิงสุ่ยกับพาไลหิมะหวนและองค์หญิงใหญ่กับเขาได้
หญิงผู้ที่งดงามที่สุดในสำนักสวรรค์เร้นลับ ไม่เคยถูกผู้ใดทำให้ด่างพร้อยมาก่อน แม้แต่กับเหล่ารุ่นเยาว์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ชื่นชอบเธอก็ยังทำไม่สำเร็จ อย่างไรก็ตามในขณะนี้ดูเหมือนจะมีแนวโน้มว่าจะถูกใครบางคนแย่งชิงไป มันทำให้คนจำนวนมากจ้องมองไปที่ด้านหลังของชิงสุ่ยด้วยความอิจฉาอันยิ่งใหญ่
สิ่งต่างๆสิ้นสุดลงแล้วในวันนี้ ชิงสุ่ยวางแผนที่จะออกไปสักพัก มันควรจะเป็นวันพรุ่งนี้ แต่ถ้าเป็นภายหลังก็ไม่น่าจะเกิน 3วัน
ชิงสุ่ยปล่อยให้เธอกลับไปก่อนขณะที่เขาบินไปยังลานสวรรค์เร้นลับ
สำหรับชิงสุ่ย รูปแบบหมอกเก้าเทวาไม่ใช่สิ่งที่ท้าทายเกินไป หลังจากที่เขามาถึง เขาเห็นชายชราสองคนที่ดูเหมือนจะรู้ว่าเขามา
“มาเถอะ เจ้ามาเร็วกว่าที่พวกเราคาดไว้” ชายชราสวมชุดคลุมมังกรทองเรียกว่าชิงสุ่ยให้นั่ง
“พวกเขาช่างขี้ขลาดและไม่กล้าที่จะต่อสู้แม้สักนิด” ชิงสุ่ยส่ายหัว
“พวกเขาได้เห็นอะไรมากขึ้นและคงไม่สามารถผ่านมันไปได้ง่ายๆ จิตใจของพวกเขาตอนนี้ไม่มั่นคงและนี่ถือว่าเป็นบททดสอบสำหรับพวกเขา”
“โอ้ จริงสิ ชิงสุ่ย เจ้าจะออกไปงั้นหรือ?” ชายชราคนหนึ่งนามว่าเฉายิ้มและพูดกับชิงสุ่ย
“ใช่!”
“เมื่อใด?”
“ข้ากำลังคิดว่าอาจจะวันพรุ่งนี้หรือไม่เกินอีก 3 วัน”
“เช่นนั้นระวังตัวด้วย พวกเราคงไม่ต้องไปส่งเจ้า” ชายชราในชุดคลุมมังกรทองยิ้มและกล่าว
“ขอบคุณ ท่านไม่จำเป็นต้องมากพิธี ยังมีบางสิ่งที่ข้าต้องขอคำชี้แนะจากท่าน” ชิงสุ่ยยิ้มและพูด
“มันคืออะไร? จงพูดมา เจ้าไม่ต้องมากพิธี หากเจ้าไม่คิดรังเกียจ เจ้าสามารถปฏิบัติต่อพวกเราทั้งสองเสมือนผู้อาวุโสในครอบครัวของเจ้าได้” ตอนนี้ชายชราผู้สวมชุดคลุมมังกรทองนั้นให้ค่ากับชิงสุ่ยมาก
“ข้าอยากรู้เรื่องประมุขอสูร” ชิงสุ่ยใช้ความคิดบางอย่างและกล่าว
“ประมุขอสูร?” ชายชราทั้งสองมองชิงสุ่ยด้วยความตกตะลึง
“ใช่ ข้าสงสัยว่าพวกท่านทั้งสองรู้อะไรหรือไม่?” ตอนนี้ชิงสุ่ยพูดกับพวกเขาต่างออกไป มันให้ความรู้สึกที่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสามใกล้ชิดกันมากขึ้น
“ประมุขอสูรไม่ได้มาจากมหาทวีปอู่เซียตะวันตก พวกเรารู้เพียงว่านางเป็นผู้นำแห่งพระราชวังอสูร นางเป็นศัตรูกับผู้ที่ทรงอำนาจและชอบธรรมทั้งทวีป พวกเขาทั้งหมดต่างบอกว่านางเป็นปีศาจและพวกเราไม่รู้รายละเอียดนั้น มหาทวีปอู่เซียตะวันตกรู้เพียงข่าวลือเกี่ยวกับนางและพวกมันอาจไม่เป็นความจริง” ชายชรามองไปที่ชิงสุ่ยและกล่าวอย่างช้าๆ
“ชิงสุ่ย เจ้ารู้จักประมุขอสูรหรือ?” ชายชรานามเฉาถามด้วยความตกตะลึง
“ข้าเป็นคนทำลายผนึกของนางที่โลก 5 มหาทวีป”
ชิงสุ่ยรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องปิดบังข้อมูลนี้และกล่าวมันอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามเมื่อเขากล่าวมัน สีหน้าของชายชราทั้งสองดูเหมือนจะแปลกใจเล็กน้อย
“พวกเราหวังว่าเจ้าจะไม่ออกตามหานางจนกว่าเจ้าบรรลุพลังระดับ 10,000 สุริยา โปรดจำไว้ว่าที่พวกเราพูดก็เพื่อไม่ให้เจ้ามีภัย มิฉะนั้นเจ้าอาจตกอยู่ในอันตรายครั้งใหญ่ รอจนกว่าเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้น จากนั้นเจ้าจะได้ยินเรื่องราวของนางจากผู้อื่นเองในระหว่างเดินทางภายในโลก 9 มหาทวีป” ชายชราสวมชุดคลุมมังกรทองถอนหายใจและกล่าว
“พลังระดับ 10,000 สุริยา นางอยู่ในระดับใดกัน นางสามารถท่องเที่ยวไปมาระหว่างโลก 9 มหาทวีปได้งั้นหรือ?” ชิงสุ่ย กล่าวด้วยความประหลาดใจ
“มันคงจะไม่ใช่เรื่องดีที่จะรู้มากไปในตอนนี้ จดจำสิ่งที่พวกเราได้บอกไป จงมุ่งมันเพื่อให้แข็งแกร่งขึ้น ในอนาคตสำนักสวรรค์เร้นลับยังคงต้องพึ่งพาเจ้า ด้วยพลังทุกสิ่งทุกอย่างจะได้รับการแก้ไข”
…
“ท่านพ่อ ท่านจะไม่พาลูกไปด้วยจริงๆหรือ?” ชิงซาคว้าแขนของชิงสุ่ยเอาไว้และกล่าวอย่างสลด
“พวกเราพูดเรื่องนี้กันแล้วไม่ใช่หรือ หากเจ้าไม่ฝึกฝน มันจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้าในอนาคตก็ไม่อาจรู้ได้? ยิ่งไปกว่านั้นพ่อจะกลับมาหาเจ้าบ่อยๆ”
ชิงสุ่ยพยายามอย่างหนักและสุดท้ายชิงซาก็เชื่อฟัง
เหยียนจินยวี้และองค์หญิงเจ็ดมาเพื่ออวยพรเขา
“เด็กน้อย เจ้าต้องเชื่อฟังท่านป้า” ชิงสุ่ยนำชิงซาไปหาองค์หญิงใหญ่และกล่าว
“ท่านพ่อไม่เคยพูดเช่นนี้ ลูกจะเรียกนางว่าท่านแม่เหมือนก่อนหน้านี้? ทำไมลูกต้องเปลี่ยนมัน?” ชิงซาถามชิงสุ่ยขณะที่เธอมองเขาอย่างจริงจัง
ชิงสุ่ยตระหนักแล้วว่าเธอเป็นเหมือนปีศาจตัวน้อย ศักยภาพของเธอกำลังค่อยๆพัฒนาขึ้น
องค์หญิงใหญ่หน้าแดงขณะจับชิงซา “เด็กน้อย เจ้ากำลังหยอกล้อข้างั้นหรือ?”
“ฮ่าฮ่า ข้าแค่เชื่อฟังท่านพ่อ เมื่อท่านพ่อไม่อยู่ ข้าก็จะเชื่อฟังท่าน” ชิงซามองไปยังพวกเขาทั้งสองที่เดินห่างออกไปสองคนเรื่อยๆ
ชิงสุ่ยรู้สึกว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและองค์หญิงใหญ่เปลี่ยนไป เป็นเพราะเขารู้สึกว่าชิงซายังสังเกตเห็นแล้วคนอื่นๆจะไม่รู้ได้อย่างไร?
“เดินทางปลอดภัย”
“ท่านยังไม่ได้ให้รางวัลข้าเลย” ชิงสุ่ยยิ้มและมองไปที่องค์หญิงใหญ่
“รางวัลอะไรกัน?” องค์หญิงใหญ่กล่าวอย่างผิดธรรมชาติ
“บุรุษนั้นยังรักษาคำพูด ท่านกลับคำพูดของตัวเองได้อย่างไร?”
“ข้าไม่ใช่ผู้ชาย ข้าเป็นหญิงสาว” องค์หญิงใหญ่ยิ้มและพูดว่า
“อ๊ะ ถ้าท่านไม่ให้รางวัล ข้าจะไม่ยอมให้ท่านเป็นหญิงสาว” ชิงสุ่ยมองไปที่เธอและพูดอย่างจริงจัง
“ข้าเป็นหญิงสาว ข้าจะเป็นอะไรได้ถ้าหากไม่ใช่หญิงสาว?” องค์หญิงใหญ่คิดเพียงผิวเผิน
“ท่านสามารถกลายเป็นเพียงหญิงเฉยๆได้เช่นกัน”
องค์หญิงใหญ่ “…”
ขณะที่เธอตกตะลึง ชิงสุ่ยก็จูบลงบนริมฝีปากสีแดงขององค์หญิงใหญ่และดูดน้ำอันหอมหวานในปากของเธออย่างตะกละตะกลาม มันเป็นรสที่ดียิ่งกว่าความมีชีวิตชีวาในฤดูใบไม้ผลิ เขาเอามือหนึ่งโอบรัดรอบเอวอันงดงามของเธอ ขณะที่มืออีกข้างคว้าไปที่ยอดเนินออกทั้งสองจากด้านใต้เสื้อผ้า
องค์หญิงใหญ่สูญเสียการควมคุมตัวเองไปเพียงช่วงสั้นๆ เมื่อเธอได้สติ มือของชิงสุ่ยก็ล้วงเข้ามาในเสื้อผ้าของเธอและบีบจับก้น
เธอต้องใช้กำลังอย่างมากในการหลบเลี่ยงจากปากของชิงสุ่ยและมือของเธอก็กดลงบนมือที่เขาจับก้นเธอเพื่อไม่ให้เขาขยับมัน มืออีกข้างหนึ่งของเธอโอบไปที่คอของเขา
“ถ้าเจ้ายังจะเลยเถิด ข้าก็จะปล่อยให้เจ้าทำมันสมปรารถานา แต่ข้าจะหายตัวไปหลังจากนี้”
ชิงสุ่ยรู้สึกหดหู่มาก ทำไมผู้หญิงทุกคนชอบที่จะใช้ไม้นี้? เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหยุดยั้งมือ อย่างไรก็ตามมือที่อยู่บนยอดเนินอกของเธอยังคงเคลื่อนที่ไปรอบๆร่างกาย ครึ่งล่างของชิงสุ่ยได้กลายเป็นสิ่งที่อัดแน่นเหมือนครั้งก่อนๆ
เมื่อเป็นเช่นนั้น ชิงสุ่ยจึงมองไปยังหญิงผู้งดงามและเพลิดเพลินไปกับการสัมผัสด้วยความปิติยินดี