บทที่ 1257 – กายาทองแดง กายาเงา
สถานที่สุดแล้วเฉินฟู่ติงก็ต้องรีบล่าถอยไปพร้อมกับคนของเขา ตั้งแต่เริ่มจนจบเขาเองก็ไม่รู้ว่าผลของวันนี้มันจะเป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน แม้แต่ ฮู ยี่หย่าเองก็ไม่อาจรู้ได้ แต่เธอมั่นใจว่ามันจะต้องเกี่ยวข้องกับชิงสุ่ยอย่างแน่นอน
“ขอบคุณมากนะ ชิงสุ่ย!!!”ฮู ยี่หย่ากล่าวแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจต่อหน้าชิงสุ่ย
“เจ้าจะมาขอบคุณข้าทำไม? พวกเจ้าเป็นคนไร่มันกลับไปด้วยกำปั้นของเจ้า ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย”ชิงสุ่ยยิ้มตอบ
” พอดีถ้าหากเจ้าไม่ยอมรับมัน แต่ข้าก็จะระลึกไว้ในใจของข้าเสมอ มาเถอะเดี๋ยวข้าจะเอาเหล้ามาเลี้ยงเจ้า คิดซะว่ามันเป็นงานต้อนรับสำหรับเจ้า”ฮู ยี่หย่ากล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
ประจวบเหมาะกับชิงสุ่ยยังไม่ได้ตัดสินใจจะทำอะไรต่อ เขาเองก็ยังไม่รู้จักใครที่นี่และฮู ยี่หย่าคือคนที่เขารู้จักเพียงหยิบมือ นอกจากนี้ตระกูลของเธอดูเหมือนจะเป็นตระกูลที่ทรงพลัง ถ้าหากเขาตามเธอไป เขาอาจจะรู้เบาะแสเกี่ยวกับนิกายบงกชเทวะก็เป็นได้
เมื่อมาถึงจุดนี้ชิงสุ่ยก็รู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อย และพวกเขาก็เดินทางไปยังร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆ
“พี่ชายชิง ให้ข้าเลี้ยงขนมปังท่านเถิด!!”เป่ย เก้อลี่ดื่มเหล้าอย่างมีความสุข
ทั้งฮู ยี่หย่าและเป่ย เก้อลี่ต่างก็สามารถคาดเดาผลการต่อสู้ในวันนี้ได้ว่ามันเป็นผลพวงมาจากการช่วยเหลือของชิงสุ่ยที่อยู่เบื้องหลัง
“น้องสาวหย่า ข้าต้องการข้อมูลบางอย่างจากเจ้า”ชิงสุ่ยถามฮู ยี่หย่าขณะเริ่มรับประทานอาหาร
“มันคืออะไรงั้นหรือ? แล้วเจ้าก็ไม่ต้องสุภาพมากนักก็ได้”
“เจ้ารู้จักนิกายบงกชเทวะหรือไม่?”ชิงสุ่ยความคิดเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ และตอนนี้เขาเองก็เป็นคนที่มีพลังสูงดังนั้นตามธรรมชาติเขาจึงไม่ค่อยกังวลเกี่ยวกับปัญหาที่จะตามมา
“นิกายบงกชเทวะ?”ฮู ยี่หย่าจ้องมองชิงสุ่ยพร้อมกับคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน
“ถูกต้อง”แม้ว่าชิงสุ่ยจะมองเห็นหน้าตาที่เปลี่ยนไปของฮู ยี่หย่า ด้วยลางสังหรณ์เขาจึงคิดว่าเธอจะต้องรู้เกี่ยวกับอะไรบางอย่าง
“นิกายบงกชเทวะคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าจักรวรรดิเดชสวรรค์ แม้ว่ามันอาจจะดูไม่เหมือนดินแดนระดับ 4 แต่ตามตำนานกล่าวไว้ว่าพวกเขานั้นแข็งแกร่งไม่ต่างกับจักรวรรดิระดับ 4 เลย”ฮู ยี่หย่าจ้องมองไปที่ชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยแต่ก็คิดว่ามันคงเป็นเรื่องปกติ เขาได้เรื่องยินขุมพลังที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้มหาทวีปอู่เซียตะวันตก และข่าวลือนั้นก็ค่อนข้างจะเป็นความจริงแม้จะเป็นข้อมูลที่ล้าสมัยหลายปีมาแล้ว
“ที่ข้ามายังจักรวรรดิเดชสวรรค์ก็เพื่อมาตามหาใครบางคนที่อยู่ในนิกายบงกชเทวะ”ชิงสุ่ยอธิบายวัตถุประสงค์ในการมาครั้งนี้
“นิกายบงกชเทวะถูกสร้างขึ้นโดยหญิงสาวที่พยายามแยกตัวห่างจากเรื่องทางโลก”ฮู ยี่หย่าจ้องมองชิงสุ่ยด้วยสายตาที่จริงจัง เธอไม่ได้สงสัยในตัวของชิงสุ่ย แต่กำลังสงสัยว่าชิงสุ่ยต้องการจะเจอกับใคร
“ดูเหมือนเจ้าจะคุ้นเคยกับนิกายบงกชเทวะ?”
“พี่สาวของข้าก็คือคนของนิกายบงกชเทวะ ดังนั้นข้าเองก็ย่อมต้องรู้เรื่องของพวกเขาแม้แต่เพียงเล็กน้อยก็ตาม”ฮู ยี่หย่ารู้สึกภาคภูมิใจที่ได้กล่าวออกไป เห็นได้ชัดว่านิกายบงกชเทวะมีสถานะที่ค่อนข้างดีเมื่ออยู่ภายในจักรวรรดิเดชสวรรค์
“โอ้ ถ้าเป็นเช่นนั้นยิ่งดีเลย เจ้ารู้สถานที่ตั้งของนิกายบงกชเทวะหรือไม่?”
“ข้าไม่รู้!!!”ฮูยี่หย่าส่ายหน้าก่อนจะกล่าวออกมาอีกครั้ง “ข้าได้ยินมาว่านิยายบงกชเทวะมีสาวกอยู่มากมาย แต่กลับไม่มีผู้ใดภายนอกโรงรู้ถึงตำแหน่งที่ตั้งของนิกายเลย”
“เจ้าสามารถติดต่อกับพี่สาวของเจ้าได้หรือไม่?”ชิงสุ่ยรู้สึกมืดมนอีกครั้ง แต่เนื่องจากว่าเธอมีพี่สาวของเธออยู่ในนิกาย สิ่งนี้อาจจะเป็นทางที่ง่ายขึ้นสำหรับเขา
“พี่สาวของข้ารักสันโดษ จึงไม่มีผู้ใดสามารถติดต่อกับนางได้”ฮู ยี่หย่าเสียใจเล็กน้อยเมื่อต้องอธิบายเรื่องนี้
“แล้วนางเคยกลับมาบ้างหรือไม่?”ชิงสุ่ยตระหนักได้ว่าสิ่งต่างๆไม่ง่ายอย่างที่คิด
“นางมักจะกลับมาในช่วงปลายปี แต่บางครั้งนางก็ไม่กลับมา นี่มันเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวแล้ว ทำไมเจ้าไม่มาที่พักของข้าเพื่อรอนางกลับมาล่ะ?”ฮู ยี่หย่าเสนอหลังจากคิดชั่วครู่หนึ่ง
ชิงสุ่ยเองก็ไม่ได้มีแผนที่ดีกว่านี้ พี่สาวของฮู ยี่หย่าเป็นถึงคนที่อยู่ในนิกายบงกชเทวะ แต่คนผู้เป็นน้องอย่างฮู ยี่หย่ากลับไม่สามารถรู้เรื่องสถานที่ตั้งของนิกายบงกชเทวะ แล้วคนภายนอกจะไปรู้เรื่องสถานที่เหล่านั้นได้อย่างไรกัน
“ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าคิดว่าข้าควรจะทำอย่างอื่นก่อน และเดี๋ยวข้าจะกลับมาเยี่ยมเจ้าในช่วงปลายปี”
“เช่นนั้นก็ดี แต่เจ้ายังคงจะต้องไปยังที่พักของข้าเสียก่อนเพื่อให้เจ้ารู้ว่าในครั้งหน้าเจ้าจะมาได้อย่างไร ข้าจะแนะนำเจ้าให้กับคนในตระกูลของข้าได้รู้จัก คนในตระกูลของข้ายินดีต้อนรับแขกผู้มาเยี่ยมเยือนเสมอ”ฮู ยี่หย่ากล่าวอย่างมีความสุข
ในตอนนี้เป่ย เก้อลี่และคนอื่นๆก็ได้จากไปแล้ว ชิงสุ่ยและฮู ยี่หย่าจึงเดินทางตรงไปยังคฤหาสน์ตระกูลฮู
ตระกูลฮูคือตระกูลที่มีความสำคัญในพื้นที่บริเวณนี้ และพวกเขาก็ครอบครองจำนวนผู้พิทักษ์ธรรมอีกเป็นจำนวนมาก ชิงสุ่ยรับรู้เรื่องเหล่านี้ผ่านการพูดคุยของฮู ยี่หย่า ในตระกูลที่ยิ่งใหญ่ผู้ที่จะสามารถบรรลุผ่านระดับผู้พิทักษ์ธรรมจึงมีจำนวนมาก จะมีก็เพียงแต่เด็กกำพร้าเท่านั้นที่ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้
ฮู ยี่หย่าได้พาชิงสุ่ยตรงมายังตระกูลของเธอ ตระกูลฮูที่เป็นตระกูลขนาดใหญ่ภายในจึงเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย
ฮู ยี่หย่าคือคนที่เด็ดที่สุดในตระกูลของเธอ พ่อของเธอยังไม่แก่ชราและยังเป็นคนที่เก่งอีกด้วย แม้ว่าเขาจะไม่สูงมากนักแต่ร่างกายของเขานั้นบ่งบอกถึงความแข็งแกร่ง รอบตัวของเขาเต็มไปด้วยพลังงานที่ขับเคลื่อนไปมาคล้ายๆกับพลังธรรมชาติในตัวชิงสุ่ย
ไม่เพียงแค่นั้น เขายังมีพลังที่แข็งแกร่งจนเข้าใกล้ระดับ 2000 สุริยา
ผู้อวุโสคนนี้เป็นคนที่มีความสุภาพอย่างยิ่ง และดูเหมือนเขาจะรักลูกสาวคนสุดท้องมากที่สุด ภายนอกเขาอาจจะดูไม่เหมือนกับคนอื่นๆในตระกูลขุนนาง แต่ทั้งสองพ่อลูกต่างก็เข้ากันได้เป็นอย่างดี ฮู ยี่หย่าเปรียบเสมือนเด็กตัวเล็กๆที่ยืนอยู่ข้างพ่อของเธอ สิ่งนี้ทำให้ชิงสุ่ยยิ่งประทับใจในตัวของผู้อาวุโสคนนี้
“เจ้าคงจะเป็นเพื่อนของเจ้าหนูหย่าตัวน้อย นั่นก็หมายความว่าเจ้าเองก็เป็นส่วนหนึ่งของพวกเรา ทำตัวอยู่ที่นี่ให้เหมือนอยู่ที่บ้านของเจ้า ถ้าหากเจ้าต้องการอะไรก็โปรดบอกไม่จำเป็นต้องเขินอายใดๆทั้งสิ้น”ผู้อาวุโสกล่าวด้วยความอบอุ่น
“ขอบคุณครับท่านลุง!!”
ไม่นานหลังจากนั้น ชิงสุ่ยก็ได้ทำความรู้จักกับเหล่าพี่น้องของฮู ยี่หย่า เหล่าพี่น้องของเธอนั้นล้วนแล้วแต่มาจากต่างมารดา และส่วนใหญ่ก็ได้แต่งงานออกเรือนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
พี่ชายสามและ พี่สาวสี่ของฮู ยี่หย่าก็ได้ทิ้งความรู้สึกลึกๆเอาไว้ข้างในใจของชิงสุ่ย ชิงสุ่ยมีความทรงจำที่ดีดังนั้นเขาจึงสามารถจำชื่อคนเหล่านี้ได้หลังจากที่ฮู ยี่หย่าทำการแนะนำ
ฮูเย่จงและฮูอี้เหมินอาจได้รับการพิจารณาว่าเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแกร่งพิเศษ ซึ่งก็คือ กายาทองแดง และกายาเงา ซึ่งเหมาะสำหรับการฝึกฝนร่างกายและการฝึกฝนด้านความเร็ว แต่ช่างน่าเสียดายที่พวกเขายังไม่อาจกล่าวถึงศักยภาพที่สมควรได้รับ
“มาเถิดมาเถิด ชิงสุ่ย พวกเรามาจิบชากัน”ชายรูปร่างผอมสูงกล่าวเชิญชวนชิงสุ่ย
เขาคือพี่ชายหกของฮู ยี่หย่า นามว่า ฮูเย่เฟ่ง
“ข้าต้องขอโทษด้วยที่เข้ามาก้าวก่ายเรื่องในครอบครัว”
“ชิงสุ่ย เจ้าอย่าได้คิดมากและอย่าได้สุภาพเลย หรือว่าเจ้าไม่ได้เห็นพวกเราเป็นครอบครัว”ฮูเย่จงระเบิดเสียงหัวเราะ
“ถูกต้องแล้ว ชิงสุ่ย ถ้าหากเจ้าไม่คิดมาก เจ้า สามารถเรียกข้าว่าพี่สาวเหมินได้” ฮูอี้เหมินจ้องมองชิงสุ่ยด้วยความแปลกใจ
ทุกคนต่างก็ตระหนักดีว่าพวกเขาไม่สามารถรับรู้ได้ถึงศักยภาพภายใต้ชายหนุ่มคนนี้ เพียงแค่มองแวบแรกพวกเขาต่างก็รู้ดีว่ามันมีบางสิ่งบางอย่างถูกปกปิดไว้ภายใน
“ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็คงไม่ปฏิเสธ ได้โปรดดูแลข้าด้วยพี่สาวเหมิน”ชิงสุ่ยยิ้มให้กับหญิงสาวที่แต่งงานแล้ว
……………………
บรรยากาศที่เคยกดดันก็เริ่มลดลงผ่านการสนทนาของพวกเขา
“ท่านพี่ทั้งหลาย ไม่ทราบว่าในช่วงปีใหม่พี่สาวเซียนจะกลับมาหรือไม่?”ฮู ยี่หย่าเอ่ยถามพี่ชายและพี่สาวของเธอ
“ทำไมรึ? หรือว่าเธอหายตัวไป?”
“ชิงสุ่ยปรารถนาที่จะพบใครสักคนหนึ่งที่อยู่ในนิกายบงกชเทวะ แต่พวกเราเองก็ไม่ทราบว่านิกายบงกชเทวะตั้งอยู่ที่ใด”ฮู ยี่หย่าช่วยชิงสุ่ยอธิบายสถานการณ์ปัจจุบันของเขา
“พวกเราก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าเซียนเอ่อจะกลับมาหรือไม่ แต่ข้าสามารถพาเจ้าไปพบใครบางคน นางเป็นคนที่รู้ที่ตั้งของนิกายบงกชเทวะ อย่างไรก็ตามข้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่านางจะยินดีแบ่งปันข้อมูลให้กับเจ้าหรือ เพราะแม้แต่ข้าเองนางก็ยังไม่ยอมบอกว่าอยู่ที่ใด เห็นได้ชัดเลยว่านี่มันเป็นกฎที่ถูกตั้งขึ้นของนิกายอย่างแน่นอน”ฮูอี้เหมินกล่าวหลังจากคิดชั่วครู่หนึ่ง
“โอ้ พี่สาวเหมินท่านรู้จักใครบางคนที่มาจากนิกายวงกตเทวะด้วย ช่างเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!!”หัวใจของชิงสุ่ยเริ่มถูกเติมเต็มไปด้วยความหวัง
“ใช่แล้วล่ะ แต่ทว่าเพื่อนของข้าคนนี้เป็นคนที่ค่อนข้างไม่ปกติ ดังนั้นอัตราความสำเร็จที่จะได้ล่วงรู้เรื่องสำคัญจึงมีน้อยมากๆ”ฮูอี้เหมินกล่าวหลังจากครุ่นคิดชั่วครู่หนึ่ง
“ผิดปกติ?”ชิงสุ่ยเริ่มรู้สึกว่าความหวังหายไปเล็กน้อย
” เส้นลมปราณที่ท้องขาของนางได้ถูกทำร้ายจนไม่อาจใช้งานได้ จึงทำให้เธอต้องออกจากนิกายบงกชเทวะ และแน่นอนว่า นางคือลูกสาวคนโตของตระกูลติ๊หวู่แห่งจักรวรรดิเดชสวรรค์ ในคนรุ่นราวคราวเดียวกับนาง พรสวรรค์ของนางนั้นไร้คู่แข่ง แต่ช่างน่าสงสารเสียเหลือเกินที่ไม่มียาสมุนไพรใดจะสามารถฟื้นคืนพลังขาของนางได้ มันจึงทำให้บุคลิกของงานแปรเปลี่ยนไป”
ติ๊หวู่นั่นคือนามสกุล เขารับรู้ถึงตระกูลติ๊หวู่เมื่อครั้งในตอนที่เขายังอยู่ในนิกายสวรรค์เร้นลับเพราะมันคือส่วนหนึ่งของตระกูลราชวงศ์ ตระกูลติ๊หวู่ยังมีข่าวลือว่าตระกูลแห่งนี้คือตระกูลที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในบรรดาจักรวรรดิ์เดชสวรรค์
แต่มันก็ไม่มีอะไรที่น่าแปลกใจเลยเพราะว่าชิงสุ่ยได้มองดูการดำรงอยู่ของนิกายสวรรค์เร้นลับ ซึ่งมีอำนาจเกือบจะเท่าเทียมกับจักรวรรดิเดชสวรรค์ ดังนั้นไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามชิงสุ่ยจำเป็นต้องตามหาใครสักคนหนึ่งที่รู้เรื่องราวของนิกายบงกชเทวะ เขาจำเป็นต้องมีคนคอยแนะนำมิฉะนั้นคนทางเบื้องหน้าคงเต็มไปด้วยความมืดมน
“ถ้าเช่นนั้น ข้าเองก็ได้เรียนรู้เรื่องทักษะในการรักษามาบ้าง บางทีค่าอาจจะช่วยซ่อมแซมมันให้นางได้”ชิงสุ่ยกล่าวหลังจากครุ่นคิดชั่วครู่หนึ่ง
“ตระกูลติ๊หวู่ได้ลงทุนหาสมุนไพรมากมายจนกระทั่งยามหัศจรรย์กระดูกมรณะทำให้เธอเธอฟื้นคืน ถึงแม้ว่าเธอจะสามารถเดินได้เหมือนคนปกติ แต่ลมปราณก็ไม่อาจเข้าไปสู่เส้นลมปราณที่อยู่ภายในได้”ฮูอี้เหมินทำได้เพียงแค่ถอนหายใจ เธอไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับความรู้เชิงการรักษา แต่เธอระบุว่าแม้แต่ยามหัศจรรย์กระดูกมรณะยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
ชิงสุ่ยรู้สึกงงงวย ยามหัศจรรย์กระดูกมรณะ ควรจะสามารถรักษาเธอให้หายขาดได้ เนื้อกระดูกเส้นเลือดและ เส้นลมปราณสมควรจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ แม้ว่าเธอจะสูญเสียขาทั้งสองข้างไปแต่มันสมควรจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ หรืออาจเป็นเพราะเธอยังคงมีขาของเธออยู่ ผลของยาจึงถูกลดลง?
ชิงสุ่ยรู้สึกกลุ้ม หรือว่าเธอควรจะต้องตัดขาของเธอออกก่อนที่จะได้รับยา?
“ไม่ทราบว่าพี่สาวเหมินจะสะดวกพาข้าไปหาเพื่อนของท่านตอนใดกัน?”ชิงสุ่ยไม่ได้พูดถึงเรื่องการรักษาเพื่อนของเธอต่อ
“ถ้าเช่นนั้นก็คงเป็นวันพรุ่งนี้ ข้าจะพาเจ้าไปยังที่แห่งนั้น วันนี้เจ้าควรจะพักผ่อนเสียก่อน”ฮูอี้เหมินตอบหลังจากพิจารณาชั่วครู่หนึ่ง
“อ๋ออ พี่สาวเหมิน ข้าคาดเดาว่าความแข็งแกร่งของท่านนั้นขึ้นอยู่กับความเร็วที่ท่านสามารถแสดงได้ใช่หรือไม่?”ชิงสุ่ยยิ้ม
“โอ้ ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่เจ้าว่า”
“พี่สาวท่านเป็นผู้ครอบครองกายาเงาที่แสนหายาก ช่างน่าเสียดายที่ความสามารถส่วนสำคัญยังไม่ถูกปลุกให้ตื่น หากว่าท่านสนใจ ข้าสามารถช่วยเพิ่มความเร็วของท่านได้อีกหลายเท่า และมันจะสามารถเพิ่มขึ้นอีกเมื่อช่วงเวลาได้ผ่านล่วงเลยไป”
ชิงสุ่ยต้องการที่จะช่วยเหลือเธอ ด้วยวิธีนี้เขาอาจจะมีเพื่อนเพิ่มขึ้นอีกคนนึงที่นี่ ทุกคนล้วนแล้วแต่ปรารถนาจะมีเพื่อนฝูงคอยช่วยเหลือ
“หืออ ชิงสุ่ย ดูเหมือนเจ้าตัวมีความสามารถในการรับรู้และสามารถบอกการบ่มเพาะในตัวของข้าได้ ข้ามีความสามารถในด้านทักษะความเร็วสูงกว่าผู้อื่นเสมอมา และปู่ของข้าก็บอกข้าว่า ข้าได้ครอบครองกายาเงา แต่ช่างน่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถบรรลุถึงผลลัพธ์ที่แท้จริงของกายยาเงานี้ คาดหวังเพียงแต่ว่าสักวันหนึ่งมันจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้น เจ้าสามารถช่วยข้าให้บรรลุเป้าหมายนี้ได้จริงๆหรือ?” ฮูอี้เหมินจ้องมองชิงสุ่ยด้วยความตื่นเต้น
“มันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว ในเมื่อพวกเราเป็นเพื่อนกัน ข้าก็ย่อมยินดีที่จะช่วยเหลือท่าน นอกจากนี้ สำหรับพี่ชายสาม ข้าเองก็สามารถช่วยทำลายกำแพงทองแดงที่ขวางกันตัวท่านอยู่ได้”
รูปลักษณ์แห่งความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฮูเย่จงทันทีที่ชิงสุ่ยกล่าวถึงกำแพงทองแดงที่ไม่อาจเข้าถึง ซึ่งนั่นก็คือคำยอมรับว่าชิงสุ่ยล่วงรู้ถึงร่างกายของเขาเช่นกัน ตระกูลของพวกเขาหวังในตัวของทั้งสองคนไว้สูงมาก คนในตระกูลหวังเสมอว่าทั้งสองคนจะสามารถปลุกความสามารถอันทรงพลังภายใต้ร่างกายของพวกเขาได้