บทที่ 1500 – ไม่มีความเมตตา
ชิงสุ่ยไม่เสียใจกับสิ่งที่เขาทำลงไป สิ่งนี่เป็นการทำที่เขาต้องการจะบอกให้เมืองแห่งนี้รู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่จะมารังแกกันได้อย่างง่ายๆ
นอกจากนี้มันยังประกาศให้โลกนี้รู้ว่าเขานั้นไม่ใช่แค่หมอธรรมดาทั่วๆไปเขายังเป็นผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งอีกด้วย
“ในเมื่อเรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้ว ตระกูลสือจะออกจดหมายท้ายประลองกับเจ้า เจ้าจะยอมรับมันรึไม่?”ชายชราอีกคนกล่าวขึ้นมาหลังจากเห็นชายชราตายลงไปใน
ชิงสุ่ยมองไปที่ชายชราอย่างจริงจัง เขารู้ดีว่าชายชราคนนี้นั้นเป็นตนที่ฉลาดอย่างมากและเป็นคนที่มีความคิดวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก นี่เป็นหนทางหนึ่ที่จะป้องกันไม่ให้ตระกูลสือนั้นถูกกวาดล้างหากมีอะไรผผิดพลาด
“ข้ายอมรับมัน อีกสามวันเราจะไปเจอกันที่แดนทะเลน้ำแข็ง!”ชิงสุ่ยกล่าวออกมา
“ข้าเข้าใจแล้ว พวกเรากลับ”
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ได้ถอยกลับไป หอคอยจักรพรรดิค่อยๆปรับตัวเข้าสู่สภาพปกติอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ตอนนี้ทุกๆคนก็รู้แล้วว่าชิงสุ่ยนั้นไม่ใช่แค่หมอที่เก่งกาจเท่านั้น
“ชิงสุ่ย รอสักครู่ก่อน…….”หยิน ต่งกล่าวออกมา
“พี่ต่งไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าไม่ทำอะไรที่ข้าไม่มั่นใจเด็ดขาด อีกทั้งสิ่งนี้จะเป็นการบอกให้คนอื่นๆรับรู้ถึงจุดยืนของพวกเราอีกด้วย”
ในตอนนี้หยิน ต่งได้แต่ยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ ขณะที่เขาพยักหน้าให้ชิงสุ่ยและจับลงไปที่ไหล่ของเขา “ข้ารู้ดีว่าเจ้ามีความสามารถแต่บางครั้งเจ้าควรควบคุมอารมณ์ให้มากกว่านี้ บางครั้งการต่อสู้ก็ไม่ใช่หนทางที่จะแก้ไขปัญหาทั้งหมด”
“ข้าเองก็เข้าใจในสิ่งที่เจ้าทำ ถึงเจ้าจะไม่อยู่ที่นี่ข้าก็จะทำมันเช่นเดียวกัน ข้าจะไม่ยอมให้คนของเราถูกรังแกเด็ดขาด”หยิน ต่งกล่าวต่อ
“เราไปดูอาการของอวี้ เหนียงกันเถอะ!”ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว ก่อนที่เขาจะหันไปหาเทียนอี่ และกล่าวว่า “พี่ใหญ่เทียนอี่อย่าปล่อยให้เด็กน้อยรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับแม่ของเธอละ!”
“เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว!” เทียนอี่ตอบกลับ
ถึงแม้อวี้ เหนียงนั้นจะได้รับการฝังเข็มโดยชิงสุ่ยแต่ร่างกายของเธอนั้นก็ฟื้นตัวกลับมาได้ช้าอย่างมาก นั้นอาจเพราะเธอนั้นเป็นเพียงแค่คนธรรมดาเท่านั้น อย่างน้อยเธอนั้นต้องใช้เวลาถึง1อาทิตย์ในการฟื้นตัวในครั้งนี้
“ข้าสร้างปัญหาให้คุณชายอีกแล้ว” เธอกล่าวออกมา ขณะถอนหายใจ ตอนนี้เธอเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดอย่างมาก
“สาวน้อยทำไมรึ ทำไมเจ้าถึงไม่ปฏิบัติกับข้าราวกับข้าเป็นพี่ชายของเจ้าละ ” ชิงสุ่ยยิ้มและถามเธอ
เธอได้แต่ถอนหายใจอีก ครั้งขณะที่เธอมองไปที่ชิงสุ่ย ผู้ชายคนนี้มีบุญคุณกับเธอมากมาย ถ้าไม่ใช่เพราะเขาแล้ว เธอและลูก ๆ ของเธอคงจะจากโลกใบนี้ไปแล้ว
“ทำไมเจ้าต้องคิดมากด้วยละ ถึงแม้พวกเราะไม่ใช่ญาติกันก็จริง แต่ข้านั้นก็เห็นเจ้าไปไม่ต่างไปจากน้องสาวของข้าเลย เจ้าจะเป็นน้องสาวของข้าจะได้รึไม่?” ชิงสุ่ยยิ้มอีครั้ง
อวี้ เหนียงได้แต่งุนงงอย่างมาก มีผู้คนมากมายต้องการสนิทกับเขา แต่กลับถูกเขาปฏิเสธ ซึ่งต่างจากเธอ เธอแทบจะไม่มีอะไรเลยก็ว่าได้ แต่เขากับไม่สนใจมัน และยังเอาใจใส่เธออย่างดีอีกด้วย ยิ่งทำให้เธอไม่สามารถเข้าใจความคิดของชิงสุ่ยได้จริงๆ
“ทำไมท่านถึงใส่ใจข้าขนาดนี้ ข้าไม่เข้าใจจริงๆ?”
“บางอย่างก็เกิดขึ้นมาโดยไม่มีเหตุอะไรหรอก หรือว่าเจ้ากลัวว่าข้าจะพยายามทำร้ายเจ้า” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
อวี้ เหนียงส่ายหน้าของเธอ: “หากท่านต้องการชีวิตของข้า ข้าก็สามารถให้ท่านได้ แต่ที่ข้าไม่เข้าใจคือข้าไม่มีอะไรที่จะให้ท่านได้เลยแต่ท่านกับใส่ใจข้าเช่นนี้ มันยิ่งทำให้ข้านั้นรู้สึกสมเพศตัวเอง”
“เจ้าคิดมาไปแล้ว ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตั้งแต่เมื่อใดที่ข้าเห็นเจ้าเป็นเหมือนน้องสาวของข้า อาจเป็นเพราะเจ้านั้นมีบุคลิกคล้ายแม่และพี่สาวของข้าก็ว่าได้ มันให้ข้านึกถึงพวกเขา พวกเขาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของข้าแต่หากเจ้าไม่ต้องการมัน ข้าก็จะไม่บีบบังคับเจ้า ยังไงซะข้าก็จะยังดูแลเจ้าเหมือนเดิม และจะยังช่วยดูแลเด็กน้อยคนนั้นต่อไป”
“ก็ได้ข้าจะยอมรับท่านเป็นพี่ชายของข้า ” อวี้ เหนียงพูดเบา ๆ ขณะที่เธอมองไปที่ชิงสุ่ย ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันมีความสุข
แม้ว่าจะไม่มีการอธิบายเพิ่มเติม แต่ความหมายโดยนัยนั้นชัดเจนมากแล้ว หลังจากนั้นชิงสุ่ยได้ปล่อยให้เธอพักผ่อน
วันรุ่งขึ้น ชิงสุ่ยที่เดินลงมาที่ลานหอคอยจักรพรรดิ เขาได้สังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างที่เขาคุ้นเคย มันทำให้เขาตกใจอย่างมาก นี่คือคนที่เขาไม่คิดว่าจะพบเจอในเวลานี้
ฉีซีซา!
ในตอนนี้เธอนั้นกำลังทานขนมปังหยกอยู่ที่ชั้นล่างด้วยความเอร็ดอร่อย เมื่อเห็นชิงสุ่ย เธอได้ลดหน้าลงเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสสายตากับเขา
หัวใจของชิงสุ่ยได้รับผลกระทบจากการกระทำเช่นนี้ของเธอ แม้ว่ามันจะเป็นความรู้สึกที่ไม่ชัดเจน แต่ชิงสุ่ยสามารถบอกได้เลยว่าเธอน่ารัก
“ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่ เจ้ามาหาข้าอย่างนั้นรึ?” ชิงสุ่ยยิ้มอ่อน
ร่างกายของเธอสั่นสะท้านเล็กน้อย “ทำไมเจ้าถึงแสดงท่าทางกับคนอื่นดีเช่นนั้น แต่กับข้าเจ้ากับแสดงท่าทางที่ต่างออกไป?”
“นอกจากนี้เจ้าไม่ใช่คนไม่ดีที่จะเรียกขอสิ่งแบบนั้นจากข้า หากเจ้าเป็นคนเลว ข้าก็คงหมดปัญญา แต่เจ้าไม่ใช่คนแบบ แต่ทำไมเจ้าถึงยังของเรื่องเช่นนั้นมา เลิกทำแบบนี้เถอะ ข้าจะให้ทุกอย่าง “
หลังจากกล่าวจบเธอคว้าลงไปที่มือของชิงสุ่ย ขณะที่ตกเป็นเป้าสายตาของคนจำนวนมาก ที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง
ชิงสุ่ยยิ้มออกมาให้คนอื่นๆก่อนที่เธอจะดึงมือเขาเข้าไปข้างใน
“เจ้าเห็นนั้นรึไม่ นั้นมันซีฉีซา แห่งตระกูลซีฉี และยังเป็นสาวที่งามที่สุดในเมืองหลินห่ายอีกด้วย”
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอจะได้ฉายาว่าสาวที่งามที่สุดในเมืองหลินห่าย โชคดีของข้าจริงๆที่ได้พบเจอกับนางสักครั้งในชีวิตนี้”
“ฮ่าๆ แต่สิ่งที่น่าตกใจกว่านั้นคือท่านหมอชิงสุ่ยของเรา ข้าไม่เคยคิดเลนว่าเขาจะมีเสน่ห์ขนาดนี้ ขนาดทำให้นางต้องมาหาเขา และยังจับมือเขาก่อนด้วย!”
“พวกเขาดูสนิทกันอย่างมากจริง แต่เอาเหอะหากจะบอกว่าใครที่คู่ควรกับนางคงมีแต่ท่านหมอเท่านั้นแหละในตอนนี้.”
……
ตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกเสียใจแล้วที่ดึงชิงสุ่ยเข้ามาข้างใน มันยิ่งทำให้สถานการณ์ของเธอนั้นลำบากยิ่งไปกว่าเก่า ยิ่งไปกว่านั้นราวกับว่ามันเป็นแผนการที่เขานั้นได้เตรียมเอาไว้อีกด้วย
เธอหันกลับมามองที่ชิงสุ่ยด้วยร้อมยิ้มที่เต็มไปด้วยความโมโห
“เอาล่ะ คุณหนู เอาเป็นว่าข้าต้องขอโทษด้วยในการกระทำที่ไม่ดีในก่อนหน้านี้ เอาละแล้วท่านมีอะไรมาตอบแทนข้าอย่างันนั้นรึ? “ชิงสุ่ยส่ายหัวเล็กน้อย เขานั้นไม่ต้องการที่จะให้เรื่องมันนั้นไปไกลว่านี้แล้ว
เขารู้สึกว่าหากยิ่งกว่านี้ไปมันจะเป็นเรื่องยากระหว่างพวกเขา และเขาก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ก็เป็นคนดี มีหลักการดังนั้นเขาจึงต้องการเป็นมิตรกับเธอ แต่เมื่อถึงความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ของเขามันทำให้ชิงสุ่ยนั้นสะดุ้งขึ้นมาในทันที ทุกๆความสัมพันธ์ของเขานั้นมีต้นกำเนิดมาจากเรื่องราวที่คล้ายคลึงกันเกือบหมด เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ชิงสุ่ยเริ่มมีอาการปวดหัว
ยิ่งเขายิ่งคิดอะไรมากเท่าไหร่จิตใจของเขานั้นก็ยิ่งหลุดลอยไป
ในขณะนี้เธอก็รู้สึกได้ว่าเขาไม่ได้สนใจเธอเลย มันยิ่งทำให้เธอนั้นรู้สึกอึดอัดอย่างมาก ราวกับเธอเป็นแค่แกะตัวน้อยในมือของเขา เขาสามรถทำอะไรกับเธอก็ได้ เธอไม่มีความสามารถพอที่จะต่อต้านเขาเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่สนใจใยดีของเขา เธอเองก็เริ่มกังวลอาจเป็นเพราะเธอนั้นไม่สวยพอที่จะทำเขาสนใจได้ จึงได้เล่นตลกกับเธอเช่นนี้……
“เจ้าเกลียดข้ามากไหม?” เธอมองไปที่ชิงสุ่ยและถามคำถามที่ชิงสุ่ยไม่คาดคิดออกมา
“ก็ไม่นะ!”
“ข้าน่าเกลียดไหม?”
“เจ้าสวยมาก” ชิงสุ่ยกล่าวออกไปอย่างจริงจัง
“รึเจ้าไม่ชอบผู้หญิง” เธอมองไปที่ชิงุส่ยด้วยท่าทางที่แปลกๆ
ชิงสุ่ยเริ่มจ้องไปที่เธอด้วยรายตาที่แปลก: “นี่เจ้าต้องการอะไรกันแน่ รึเจ้าต้องการที่จะตกเป็นของข้า?”
ในจังหวะนั้น ชิงสุ่ยได้จับเธออุ้มขึ้นมาและพาไปที่ห้องของเขา
“เจ้าคนเลวปล่อยข้าลงไปเดี่ยวนี้ …… “
ในตอนนี้เธอนั้น เริ่มตื่นตระหนกแล้ว หลังจากที่โดยชิงสุ่ยอุ้มขึ้นมา นี่คือสิ่งที่เธอกลัวที่ สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกลัวเธอนี้ไม่ได้เป็นเรื่องราวที่เกิดจากความรักที่สวยงาม แต่คือการขืนใจ ……
“-ข้าผิดไปแล้วปล่อยข้าลงไปเถอะ!”
“ข้าเชื่อแล้วว่าเจ้านั้นเป็นผู้ชายจริงๆ…..”
“ไหนๆก็มาถึงขั้นนี้แล้ว มาเถิดข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นว่าข้าเป็นผู้ชายจริงๆหรือไม่สักพักหนึ่ง” ชิงสุ่ยค่อยกอดเธอแน่นขึ้น ขณะที่เขาค่อยๆสัมผัสไปที่อกของเธอ
เธอนั้นไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องระหว่างชายและหญิงมาก่อน แต่ก็สามารถรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปได้ ดังนั้นเธอจึงพยายามขัดขืนอย่างมาก
ในตอนนี้ชิงสุ่ยรู้สึกว่า เห็นว่าถึงเวลาแล้วที่เขาควรจะหยุดเรื่องดังกล่าว ดังนั้นเขาจึงเหยียดมืออกไปตบลงบนก้นกลมของเธอ เกิดเป็นเสียงที่ดังขึ้นอย่างกังวล ในขณะนี้เองฉีซีซาได้ร้องไห้ออกมาเบา
“เจ้าคนต่ำช้า!!”ในตอนนี้ใบหน้าของเธอนั้นเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มอย่างมาก แต่ถึงอย่างไรมันทำให้เธอนั้นมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น ถึงรูปกายของเธอนั้นจะดูเป็นผู้ใหญ่ แต่ท่าทางของเธอในตอนนี้กลับดูเป็นเด็กอย่างมาก
“ตบนี้เป็นการลงโทษเบาๆ ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมปล่อยมือข้า? “ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว
“เจ้ามันคนโกหก เจ้าคนเลว” เธอเปิดปากของเธอขึ้น เพื่อกัดลงไปที่ไหล่ของชิงสุ่ย
“นี่เจ้าเป็นสุนัขรึ?”
“ใช่ข้าคือสุนัข”ในตอนนี้หน้าของเธอกลับแดงขึ้นกว่าเก่า
“เอาล่ะมาเข้าเรื่องกัน ตกลงเจ้ามาหาข้าทำไม”ชิงสุ่ยควบคุมสติของเขากลับ ในขณะที่กำลังหักห้ามใจ
ถึงแม้เขาจะต้องการมาเพียงใด เขาก็จะไม่นำมันไปลงกับคนอื่นๆ เพราะเขาจะรู้สึกผิดกับคนเหล่านั้น และมันจะทำให้เขากับอีกฝ่ายไม่สามารถมองหน้ากันได้อีก
นี่เป็นเหตุการณ์ ที่คล้ายกันระหว่างเขากับประมุ-อสูร หลังจากความผิดพลาดครั้งนั้น เขาได้พยายามอย่างหนักเพื่อไล่ตามเธอ แต่สุดท้ายมันก็จบลงไปอย่างไม่สวยงาม ขณะที่เรื่องของเขากับหยุน ต้วนนั้นถือว่าจบได้ดี ดังนั้น ชิงสุ่ยจึงไม่ได้ทำอะไรที่เกิดเลยไปกับซีฉีซา