บทที่ 1505 – 1 ต่อ 4 ชายชราในผ้าคลุมแดง สังหาร
ชิงสุ่ยกำลังรอคอยคนสุดท้ายของตระกูลสือที่กำลังออกมาอยู่กลางอากาศ แต่เมื่อคนสุดท้ายที่ออกมาตระกูลสือได้ปรากฏตัวขึ้นฝูงชนที่อยู่เบื้องล่างก็ตกตะลึงไปในทันทีในตอนนี้
ตระกูลสือส่งคนออกมาถึง 4 คนในรอบนี้…
“ตระกูลสือหน้าไม่อายเกินไปแล้ว ทำไมพวกเขาถึงไม่ส่งทั้งตระกูลออกมาเลยล่ะ?”
“ใช่แล้ว พวกเขาก็ต่อสู้กันมาตัวต่อตัวโดยตลอด เหตุใดรอบสุดท้ายถึงเป็นการต่อสู้แบบกลุ่ม?”
“ข้าไม่อาจยอมรับได้ แต่ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้มีกฎที่จะต้องสู้แบบตัวต่อตัวเท่านั้น หอคอยจักรพรรดิสามารถส่งยอดฝีมือออกมาได้อีกหากพวกเขาต้องการ”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไรกันที่ไม่มีกฎ? เจ้าคิดว่าท่านหมอเทวดาไม่มีผู้ที่คอยช่วยเหลือเขาอยู่กันหรือ? หากเขาต้องการก็คงสามารถเรียกยอดฝีมือให้ปรากฏตัวขึ้นได้อย่างง่ายดาย”
……
อันที่จริงแล้วการตัดสินใจของตระกูลสือก็ทำให้ชิงสุ่ยประหลาดใจเช่นกัน พวกเขาส่งยอดฝีมือออกมาถึง 4 คน แต่เขาไม่ได้รู้สึกกังวลแต่อย่างใดเมื่อมองไปที่ชายชราทั้ง 4 คนนี้
ชายชราทั้ง 4 คนนี้ดูสงบนิ่งอย่างยิ่ง ดูเหมือนจิตใจของพวกเขาจะไม่ได้รับผลกระทบจากสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เลย เมื่อพวกเขายืนอยู่ตรงหน้าชิงสุ่ยผู้ที่ดูมีอายุมากที่สุดใน 4 คนก็ก้าวออกมา
ชายชราผู้นี้ดูแก่อย่างยิ่ง เขาอยู่ในชุดคลุมสีแดงและมีไม้เท้าสีโลหิตในมือของเขา
“เจ้าหนุ่ม เจ้าคิดจะประลองพร้อมกับพวกเราทั้งสี่คนหรือไม่?” ดวงตาของชายชราที่เป็นผู้นำเป็นประกายขึ้น
“ท่านผู้อาวุโส ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดพวกท่านถึงเลือกทำเช่นนี้ พลังของข้าจะมากไปกว่าพลังของพวกท่านทั้ง 4 คนร่วมมือกันได้อย่างไร? เพียงแค่พวกท่านคนใดคนหนึ่งก็ทรงพลังยิ่งกว่าข้ามากทีเดียว” ชิงสุ่ยดูสงบอย่างยิ่งในตอนนี้
“พลังของเจ้าอาจจะดูน้อยกว่าพวกเราแต่เมื่อเริ่มต่อสู้พลังของเจ้าก็จะพุ่งทะยานไปอย่างบ้าคลั่ง ท่าทีของเจ้าทำให้ข้ารู้ว่าเจ้าดูไม่เป็นกังวลใดๆในตอนนี้ และแม้แต่ข้าเองก็ยังรู้สึกว่ามีโอกาสที่จะแพ้มากกว่าชนะในตอนนี้” ชายชราถอนหายใจออกมา
เสียงของเขาไม่ได้ดังมากนักแต่ทุกๆคนก็สามารถได้ยิน นี่ทำให้ทุกๆคนต้องตกตะลึง
ชายชราในผ้าคลุมแดงแห่งตระกูลสือนั้นเป็นผู้ที่ทรงพลังมากที่สุดในเมืองหลินห่าย ปกติแล้วเขามักจะไม่ข้องเกี่ยวกับตระกูลสือแต่การที่เขาปรากฏตัวขึ้นในตอนนี้คงเป็นเพราะเขาประเมินความสามารถของชิงสุ่ยเอาไว้สูงและยังมีอีก 3 คนที่ออกมาต่อสู้พร้อมกับเขาด้วยเช่นกัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
“ท่านผู้อาวุโส ท่านประเมินข้าไว้สูงยิ่งนัก ถ้าข้าสงสัยว่าเหตุใดพวกท่านจึงไม่ใช้โอกาสนี้สังหารข้าซะจะได้ไม่ต้องยุ่งยากหลังจากนี้” ชิงสุ่ยยิ้มออกมาเล็กน้อย
ชิงสุ่ยไม่แน่ใจในเจตนาของชายชราเหล่านี้แต่เขารู้ว่าคนพวกนี้ต้องการสังหารเขาอย่างแน่นอน เขาเพียงต้องการเห็นท่าทีของชายชราเท่านั้น
“เมื่อเริ่มต่อสู้กันก็จะต้องมีผู้ที่บาดเจ็บล้มตาย เจ้าหนุ่มไม่จำเป็นต้องออมมือ พวกเราก็จะไม่ออมมือเช่นกัน” ชายชรากล่าวขึ้นช้าๆอย่างชัดเจน
ชิงสุ่ยพยักหน้า “หากเป็นเช่นนี้ ค่าข้อตกลง”
“พี่ชาย ให้ข้าช่วยท่านเอง!” ในตอนนี้หยิน ต่งพุ่งทะยานขึ้นมาพร้อมกับเหลียนหลิงเฟิงและซีฉีชา
ชิงสุ่ยส่ายศีรษะ พวกเขาทั้งสามคนอาจจะทรงพลังมากที่สุดในหมู่รุ่นเยาว์ แต่ก็ยังห่างไกลเมื่อเทียบกับชายชราผู้นี้ พวกเขาอาจจะโดนสังหารได้ในทันที เขายิ้มออกไป “ข้าคิดว่าข้าสามารถรับรับมือได้ พวกเจ้าเพียงให้กำลังใจข้าจากเบื้องล่างก็พอ ”
“ทุกๆคนดูสิ นั่นคือคุณหนูใหญ่ของตระกูลซีฉีและชายหนุ่มอันดับ 1 แห่งเมืองหลินห่าย!” ฝูงชนเบื้องล่างเริ่มตะโกนออกมาทันที
“ตระกูลเหลียนและตระกูลซีฉีดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์พิเศษกับหอคอยจักรพรรดิ”
“อื้ม เหตุใดจึงไม่มียอดฝีมือจากตระกูลของพวกเขามาช่วยเหลือเลย?”
“บางทีท่านหมอเทวดาชิงอาจจะต้องการจัดการกับเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เจ้าไม่ได้ยินคำพูดของชายชราในผ้าคลุมแดงงั้นหรือ? แม้พวกเขาทั้ง 4 คนจะร่วมมือกันก็ยังไม่อาจเอาชนะท่านหมอเทวดาชิงได้”
“เจ้าเลือกที่จะเชื่อคำพูดของจิ้งจอกเฒ่าผู้นั้นหรือ? เจ้าไม่เห็นงั้นหรือว่ามันต้องการสังหารท่านหมอเทวดา?”
“ผู้ที่สามารถทำให้ชายชราทั้ง 4 คนต้องมาร่วมมือกัน ท่านหมอเทวดาชิงนั้นทรงพลังอย่างแท้จริง นอกจากนี้เขายังฉลาดมากอีกด้วย หากเขาไม่มั่นใจมากพอคงไม่รับการประลองแบบหนึ่งต่อสี่เช่นนี้หรอกใช่หรือไม่?”
……
ชิงสุ่ยยืนอยู่กลางอากาศและถือง้าวทองทะลวงศัตรูของเขาเอาไว้ แต่เขาเก็บวิหกเพลิงของตนเองกลับเข้าไปและเรียกสูรสยบมังกรและอสูรนรกรัตติกาลออกมา
เมื่อชิงสุ่ยเรียกพวกมันออกมา สีหน้าของชายชราในผ้าคลุมแดงก็เปลี่ยนไปในตอนนี้แต่ก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อยเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
สำหรับอสูรนรกรัตติกาล ชิงสุ่ยได้ใช้ยาของเขาและทำให้มันทรงพลังมากกว่าเดิมหลายเท่าเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ พลังป้องกันของมันสูงอย่างยิ่งในตอนนี้
ไม่ต้องพูดถึงอสูรสยบมังกรเลยตอนนี้ ความเร็วของมันนั้นเหมือนกับกระสวยอวกาศที่หายไปบนท้องฟ้า นอกจากนี้พลังของมันก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าด้วยเช่นกัน
“มาเริ่มกันเถอะ!”
ชิงสุ่ยได้โคจรพลังของเขาจนไปถึงจุดสูงสุดก่อนหน้านี้ สำหรับการประลองครั้งนี้ชิงสุ่ยไม่จำเป็นต้องทำให้มันจบอย่างรวดเร็วแต่เขาก็ไม่อยากที่จะยืดมันออกไป
ชายชราโบกมือของเขาและมองไปที่ชิงสุ่ยในตอนนี้
ตั้งค่ายพระราชวังเก้าเทวา!
ชิงสุ่ยไม่กล้าที่จะประมาทและเปิดใช้ตั้งค่ายพระราชวังเก้าเทวาทันที เขาใช้การสื่อสารทางจิตกับสัตว์อสูรอีก 2 ตัวของเขา ทำให้พวกมันสามารถปลดปล่อยพลังสูงสุดของตนเองออกมาได้
ชายชราทั้ง 4 คนนั้นต่างก็มีไม้เท้าสีแดงเลือดอยู่ในมือของพวกเขาแต่ผ้าคลุมของพวกเขานั้นต่างกันออกไป ในตอนนี้บอกสีแดงเข้ามาปกคลุมพวกเขาอย่างช้าๆ มันก่อตัวจนกลายเป็นม่านป้องกันทรงกลมสีโลหิต
กระบี่ทองคำ!
ชิงสุ่ยฟาดฟันกระบี่ทองคำของเขาไปที่ม่านป้องกันสีโลหิตทันที
ปัง!
เสียงของการปะทะดังขึ้นขณะที่กระบี่ทองคำได้หายไป แต่ชิงสุ่ยก็ได้คาดการณ์ไว้แล้ว เขาเรียกเถาวัลย์อสูรกระหายเลือดออกมาทันทีและสั่งให้มันปกคลุมชายชราทั้ง 4 คนเอาไว้
แต่ก่อนที่เขาจะได้สั่งการเถาวัลย์ เขาก็พบว่าม่านพลังสีโลหิตนั้นได้ปลดปล่อยลำแสงสีแดงเข้มที่ทรงพลังยิ่งกว่าเถาวัลย์ออกมา ต่อจากนั้นเถาวัลย์อสูรกระหายเลือดก็เริ่มถูกกลืนกินและสูญเสียพลังของมันไป
ชิงสุ่ยรู้สึกตกตะลึงในตอนนี้ เถาวัลย์ของเขาไม่อาจใช้ได้อีกแล้วในการทดลองครั้งนี้
ผนึกคลื่นเมฆาผกผัน!
พื้นที่รอบตัวชิงสุ่ยได้กลายเป็นมหาสมุทรที่มีคลื่นยักษ์ขนาดใหญ่ทันที เมื่อเขาโบกมือคลื่นที่มีความสูงมากกว่า 1,000 เมตรก็ถาโถมเข้าไปหาชายชราทั้ง 4 คน
ปัง ปัง!
เสียงระเบิดราวกับฟ้าผ่าดังออกมา แต่เมื่อคลื่นน้ำได้หายไปม่านพลังสีโลหิตก็ยังคงอยู่เช่นเดิม ต่อจากนั้นชิงสุ่ยก็ได้เห็นว่าม่านพลังสีโลหิตนั้นกำลังหมุนวนด้วยความเร็วสูง มันพุ่งตรงมาที่เขาอย่างรวดเร็วและแม้แต่การรับรู้ทางจิตวิญญาณของเขาก็ยังคงเลือนลางในตอนนี้
ชิงสุ่ยรู้สึกตกตะลึงอย่างยิ่งในตอนนี้
ปราณจักรพรรดิ!
อสูรนรกรัตติกาลปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขาทันที
ปัง!
หลังจากเสียงปะทะครั้งใหญ่เกิดขึ้นอสูรนรกรัตติกาลก็กระเด็นไป แต่แต่มันไม่ได้รับความเสียหายใดๆและในทางกลับกันม่านพลังสีโลหิตนั้นเริ่มมีรอยที่สามารถเห็นได้ชัดเกิดขึ้น
ดวงตาของชิงสุ่ยเป็นประกายขึ้นในทันที เขาสั่งให้อสูรสยบมังกรพุ่งออกไปโจมตีในขณะที่อสูรนรกรัตติกาลป้องกันเขาเอาไว้ นี่เป็นโอกาสที่เขาจะสามารถสร้างความได้เปรียบ
กฏแห่งพระราชวังเก้าเทวา!
แรงโน้มถ่วงเพิ่มมากยิ่งขึ้นทันทีในตอนนี้!
เครื่องรางแห่งสวรรค์!
ตราประทับซวนเทียน!
เคล็ดวิชาล่าสังหาร!
ชิงสุ่ยไม่ได้สนใจว่าเคล็ดวิชาของเขาจะได้ผลหรือไม่ เขาเพียงแค่ใช้มันออกไปก่อน
หุบเขา 9 เทวา!
ชิงสุ่ยกระเด็นกลับมาแต่เขาก็โจมตีสวนกลับไปด้วยง้าวทองทะลวงศัตรู ด้วยทักษะย่างก้าว 9เทวา การโจมตีของอสูรนรกรัตติกาลและอสูรสยบมังกร ชิงสุ่ยนั้นทำให้พวกเขาทั้งหมดรับรู้ได้ถึงอันตรายครั้งใหญ่ เขาพุ่งเข้ามาปะทะตรงๆโดยที่ไม่กลัวอะไรเลย
ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าชายชราในผ้าคลุมแดงและกลุ่มของเขากำลังคิดอะไรอยู่ในตอนนี้ ม่านพลังสีโลหิตนี้ถือเป็นเคล็ดวิชาที่ทรงพลังที่สุดของชายชราในผ้าคลุมแดงเคล็ดวิชาหนึ่ง – โลกแห่งโลหิต!
มันสามารถใช้ได้เป็นเวลา 1 ก้านธูปและสามารถรวมพลังของพวกเขาทั้ง 4 คนเข้ากันได้ เมื่อรวมตัวกันอย่างสมบูรณ์แบบมันสามารถกลืนกินพลังของธาตุทั้ง 5 ที่เข้ามาและพลังป้องกันของมันก็สูงอย่างยิ่ง
โชคดีที่อัตราการสูญเสียพลังงานของเคล็ดวิชานี้นั้นไม่มากนัก พวกเขารู้ดีว่าชายหนุ่มที่พวกเขากำลังสู้นั้นต้องทำอะไรบางอย่าง เพราะก่อนหน้านี้พวกเขารับรู้ได้ว่าพลังของตนเองนั้นลดลงไปอย่างลึกลับเมื่อเริ่มต้นการต่อสู้
การถูกลดพลังลงไปนั้นถือเป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างนี้ ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือพวกเขาไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้พลังของตนเองนั้นลดลงไป ชายชราในผ้าคลุมแดงก็เริ่มรู้สึกกังวลเกี่ยวกับสัตว์อสูรทั้งสองตัวของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า
เวลาผ่านไปเรื่อยๆพร้อมกับเสียงระเบิดที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ม่านพลังสีโลหิตและหายไปในที่และชายชราทั้งสี่คนก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมา พวกเขาต่างมีสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อเมื่อมองไปที่ชิงสุ่ย
ในตอนนี้ชิงสุ่ยใช้ความเร็วของเขาและทักษะย่างก้าว 9เทวา รวมไปถึงการโจมตีและการป้องกันของสัตว์อสูรของเขา เขาไม่ได้สูญเสียพลังไปเลยแม้แต่น้อย
ชายชราทั้ง 4 คนได้หันมามองตากันและกัน มีชายชรา 2 คนได้พุ่งเข้ามาหาอสูรสยบมังกรและอสูรนรกรัตติกาลในขณะที่ ชายชราในผ้าคลุมแดงและชายชราอีกคนที่เหลืออยู่ต่างก็พุ่งเข้ามาหาชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยโบกมือของเขาและเรียกอสูรอัสนีคลั่ง มังกรไอยราเกล็ดทองคำ รวมไปถึงแมงมุมอสูร 7 เศียรออกมา หลังจากนั้นเขาก็ตั้งค่ายพระราชวังเก้าเทวาในทันที
ตำแหน่งเทวาทั้ง 9 ทำให้เขาได้เปรียบมากยิ่งขึ้นในตอนนี้
ชายชราในผ้าคลุมแดงหยุดชะงักไปเล็กน้อย เขากัดฟันและพุ่งตรงเข้าไปหาชิงสุ่ยอีกครั้ง
เครื่องรางแห่งสวรรค์ ปราณจักรพรรดิ พลังแห่งมังกรไอยรา ปราณกระบี่วชิระ…
ทักษะ9รากฐานบรรพกาลศึก!
ชิงสุ่ยพุ่งเข้าไปหาชายชราด้วยการใช้ทักษะย่างก้าว 9เทวาทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มมากยิ่งขึ้น
สายธารแห่งโลหิต.
เงาของชายชราเป็นประกายขึ้นในขณะที่เขาหายไปอย่างลึกลับ ไม้เท้าสีโลหิตในมือของเขาได้ปลดปล่อยสายน้ำสีโลหิตออกมาจำนวนมาก สายน้ำสีโลหิตนี้ดูบ้าคลั่งอย่างยิ่งและราวกับว่ามันสามารถยืนกินทุกๆอย่างที่เคลื่อนผ่านไปได้
หุบเขา 9 เทวา!
หุบเขา 9 เทวาขยายออกจนมีขนาดใหญ่ที่สุดและปรากฏขึ้นที่ใต้เท้าของชิงสุ่ย หุบเขา 9 เทวานั้นน่าจะเป็นธาตุดินและธาตุโลหะตามกฎแห่งธาตุทั้ง 5 ที่เกื้อหนุนและทำลายซึ่งกันและกัน สายธารสีโลหิตนี้น่าจะเป็นธาตุน้ำซึ่งน่าจะแพ้ทางหุบเขา 9 เทวาอย่างแน่นอน
“ไม่ได้การ!”
น่าเสียดายที่พลังของหุบเขา 9 เทวานั้นยังมีขีดจำกัดอยู่ แต่ถึงกระนั้นชิงสุ่ยก็สามารถก้าวไปบนหุบเขา 9 เทวาและพุ่งเข้าไปหาชายชราในผ้าคลุมแดงได้อีกครั้ง
ปราการสายฟ้าฟาด!
ชายชราอีกคนพุ่งตรงไปหาอสูรอัสนีคลั่งทันที
เถาวัลย์อสูรกระหายเลือด!
ชิงสุ่ยเลือกที่จะใช้เถาวัลย์นี้ปกคลุมร่างกายอสูรอัสนีคลั่งเอาไว้ เถาวัลย์นี้ไม่เพียงแต่ใช้โจมตีได้แต่มันยังสามารถใช้ป้องกันได้เช่นกัน อสูรอัสนีคลั่งยังคงโจมตีไปที่ชายชราในผ้าคลุมแดงอย่างต่อเนื่อง
ชายชราอีกคนพุ่งเข้าไปหามังกรไอยราเกล็ดทองคำแต่มังกรไอยราเกล็ดทองคำนั้นว่องไวมากเกินไป ชายชราอยู่ในความโกรธพวกเขารู้ว่าหากไม่สามารถจัดการอสูรอัสนีคลั่งได่ เขาทั้งหมดก็จะต้องตกตายอยู่ภายใต้น้ำมือของสัตว์อสูรตัวนี้
เหล่าชายชรากำลังไตร่ตรองว่าพวกเขาควรทำเช่นไรดีในตอนนี้ ชิงสุ่ยโจมตีออกไปด้วยการใช้ทักษะย่างก้าว 9เทวาของเขา
อัสนีจู่โจม!
อัสนีจู่โจม!
การโจมตีติดต่อกันถึง 2 ครั้ง และชิงสุ่ยก็จู่โจมตามไปด้วยง้าวทองทะลวงศัตรู โดยเล็งไปที่ลำคอของชายชราคนหนึ่ง
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้แต่ชายชราในผ้าคลุมแดงก็ต้องตกตะลึง ชิงสุ่ยนั้นรวดเร็วจนเกินไปจนไม่มีใครสามารถรับมือได้ทัน