บทที่ 1513 – ซากโบราณสถาน!
ชิงสุ่ยไม่ได้สังเกตเห็นท่าทางของหญิงสาวที่เปลี่ยนไป จิตใจของเขาหมกมุ่นอยู่กับวังทะเลราชันย์
ชิงสุ่ยไม่ได้มั่นใจในสิ่งที่เธอกล่าวหรือมีความหวังใดๆ เขาหวังว่าจะได้รับคำตอบที่เขาต้องการได้ยิน
ชิงสุ่ยพบว่าตัวเองกลายเป็นคนที่เปราะบางมากและรู้สึกอ่อนแอ พวกเขาหวังว่าจะมีบางสิ่งบางอย่างเห็นใจ เขาส่ายหัวสลัดความคิดเหล่านี้ โดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น เขาจะต้องหาสมบัติก่อน การร่วมมือกันของเขาและสัตว์อสูรถือว่าอยู่ในระดับที่น่าเกรงขามของปราณบัญชาสวรรค์พินาจ ไม่มีใครสามารถทำอันตรายเขาได้ง่ายๆ
แม้กระทั่งตัวเขาก็รู้สึกพูดไม่ออกกับพลังและความสามารถของตัวเอง
“ทำไมเจ้าถึงตามหาวังทะเลราชันย์หรือ?” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูสบายๆ
“ดูเหมือนว่าภรรยาของข้าจะไปที่นั่น ข้าต้องการพบนาง” ชิงสุ่ยไม่ปิดบังความจริง
“วังทะเลราชันย์มีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีกับมนุษย์ คนทั่วไปจะไม่สามารถเข้าไปในวังทะเลราชันย์ได้”
ชิงสุ่ยยิ้มขณะที่เขาเหลือบมองหญิงสาว ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาพัฒนาขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว
“นั่นคือเหตุผลที่ข้ากังวลอยู่ แต่ถึงกระนั้นนางก็อาจจะอยู่ในแดนทะเลน้ำเเข็ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการตามหานางราวกับการงมหาเข็มในมหาสมุทร” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยความไม่พอใจ
“ภรรยาของเจ้ามาที่วังทะเลราชันย์เมื่อไหร่? เจ้าแน่ใจแล้วงั้นหรือ?” หญิงสาวซักถามเพิ่มเติมขณะที่ยิ้มตอบ
“มันผ่านมา 3 ปีแล้ว ข้าไม่สามารถตรวจสอบได้ แต่มันมีความเป็นไปได้สูง”
…
ไมว่าอย่างไรในระหว่างเดินทางพวกเขาก็ไม่มีอะไรทำมากไปกว่าการพูดคุยกันเพื่อคลายความเบื่อหน่อย
บางครั้งชิงสุ่ยจะปล่อยอสูรสยบมังกรออกมา มันมีความสามารถเช่นเดียวกับหมูป่านักล่าสมบัติ พวกเขาไม่สามาถหาสมบัติไปด้วยในขณะเดินทาง ด้วยเหตุนี้ เมื่อหยุดพักแล้วเขาก็จะปล่อยให้มันค้นหาภายในบริเวณใกล้เคียง
ครึ่งเดือนผ่านไปเพียงพริบตา เทือกเขาคุนเผิงมีขนาดใหญ่โต แม้ชิงสุ่ยจะสามารถเดินทางไปได้ไกลด้วยทักษะย่างก้าว 9 เทวาในทุกๆวัน เขาก็ยังไม่สามารถเข้าไปถึงจุดศูนย์กลางของเทือกเขาได้
เสียงคำรามดังกึกก้อง!
ไม่นานหลังจากที่ชิงสุ่ยเก็บที่พัก เขาได้ยินเสียงคำรามมาจากที่ไกลๆ เขายังคงปล่อยให้อสูรสยบมังกรค้นหาสมบัติต่อไปแม้จะมีเสียงคำรามดังก้องท้องฟ้า เขาคาดคะเนว่ามันน่าจะมาจากสัตว์อสูรที่ทรงพลัง
“ข้าจะลองไปดูมันสักหน่อย” ชิงสุ่ยไม่ได้กังวลเกี่ยวกับอสูรสยบมังกร เขาตัดสินใจที่จะสังเกตดูพื้นที่โดยรอบ
“ข้าจะไปกับเจ้าด้วย!”
ชิงสุ่ยพยักหน้าตอบ ทั้งคู่บินตรงไปยังต้นเสียง ความแข็งแกร่งของชิงสุ่ยยังเทียบไม่ได้กับหญิงสาว แต่หากเป็นเรื่องความเร็ว เขานั้นไม่ได้ด้อยกว่า
บางสิ่งปรากฏแก่สายตาของพวกเขา ฉินชิงเกิดอาการหน้าแดง ขณะที่ชิงสุ่ยมีสีหน้าที่แปลกไป
อสูรสยบมังกรไม่ได้อยู่ที่นี่ กลับกันมันเป็นสัตว์อสูร 2 ตัวที่กำลังร่วมรักซึ่งกันและกัน
ช้างสีขาว 2 ตัวขนาดใหญ่กำลังพัวพันอยู่กับการสร้างทายาท ส่วนของอวัยวะสืบพันธุ์นั้นใหญ่มากและมันตรงข้ามกับส่วนที่เหลือของร่างกาย มันไม่มีสีขาว มันค่อนข้างดำเล็กน้อย สิ่งนั้นขยับเข้าออกตลอดเวลาพร้อมกับเสียงกรีดร้องของพวกมัน
“มันใหญ่มาก!” ชิงชิงร้องตะโกน
ฉินชิงเขินอายอย่างฉุนเฉียว ในอารมณ์ที่ขุ่นเคือง เธอจ้องมองไปที่ชิงสุ่ยก่อนจะหลบออกมา
พลังของช้างทั้งสองค่อนข้างมาก แม้ว่าพวกมันจะไม่ได้อยู่ในส่วนลึกของเทือกเขาคุนเผิง แต่สัตว์ที่นี่ก็ทรงพลัง
ชิงสุ่ยมองไปยังช้างทั้งสองที่กำลังทำกิจกรรมครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับว่าไม่มีใครอยู่รอบตัวพวกมัน เขาหันมองดูและไม่พบร่องรอยของฉินชิง เขากลับมาและพบว่าเธออยู่ในที่พัก
เมื่อถึงเวลา ชิงสุ่ยเริ่มจัดเตรียมอาหาร กลิ่นหอมลอยคละคลุ้งไปในอากาศ ฉินชิงออกมาจากที่พักและยืนอยู่ข้างชิงสุ่ย ขณะที่เขาลงมือทำอาหาร
ในหลายๆวันของการเดินทาง ชิงสุ่ยจะรับหน้าที่เป็นคนทำอาหาร แรกๆพวกเขาแบ่งกันทำอย่างเท่าเทียม แต่หลังจากนั้นฉินชิงเริ่มที่จะตระหนักว่าความสามารถในการทำอาหารของชิงสุ่ยมีมากเกินกว่าตัวของเธอ เช่นนั้นเธอจึงถอนตัวมา
ความแข็งแกร่ง สัตว์อสูรที่ทรงพลัง การปรุงยา และทักษะการทำอาหาร เธอพบว่าชายคนนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรที่เขาไม่สามารถทำได้
เธอมีความอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นต่อตัวชายหนุ่มคนนี้
ชิงสุ่ยทำซุปปลาเสร็จแล้ว เขาจับกระต่ายมาได้ก่อนหน้านี้รวมทั้งพืชป่าบางชนิดและนำมันไปอบรวมกัน เขาแนะนำให้ฉินชิงลองชิม “ด้วยรสชาติเช่นนี้ เจ้าไม่สามารถหามาลิ้มลองได้แม้จะอยู่ส่วนไหนภายในทวีป”
คำพูดของชิงสุ่ยไม่ได้สิ่งที่กล่าวเกินไป ในช่วงชีวิตก่อนหน้า มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะอบกระต่ายเช่นนี้ ที่นี่พวกเขาสามารถเพลิดเพลินไปกับมื้ออาหาร แม้ว่าในอดีตเขาจะไม่สามารถทำมันได้อร่อยแบบตอนนี้
ฉินชิงตกลงขณะหัวเราะ “ขอบคุณ!”
ดวงอาทิตย์เริ่มลาลับไป เมฆสีแดงเข้มบนขอบฟ้าดูสวยงาม สภาพอากาศไม่ได้หนาวเย็นมากนัก เขานั่งชื่นชมกับภาพบรรยากาศตรงหน้า นี่เป็นสิ่งที่ดีกว่าในช่วงชีวิตที่ผ่านมาของเขา
สายลมเย็นอ่อนๆพัดผ่านมา แต่อากาศยังคงสดชื่น พวกเรามีเนื้อแต่ปราศจากสุราได้อย่างไร? ชิงสุ่ยคิดขึ้นมาขณะนำเหล้าดอกบ๊วยผลิบานออกมาและรินลงไปในถ้วยของพวกเขา
ฉินชิงอยากจะบอกว่าเธอไม่ต้องการดื่ม แต่กลิ่นหอมหวลของมันกลับทำให้เธอเงียบลง เธอรับถ้วยที่ชิงสุ่ยรินให้เอาไว้
“ในโลกอันกว้างใหญ่ การรู้จักกับผู้อื่นเป็นเหมือนโชคชะตา เจ้านั้นงดงามและมีความมั่นใจ ลองชิมมันดูสิ เจ้าจะต้องชอบ” ชิงสุ่ยหัวเราะและเหล้าเข้าปาก
“เจ้ามันเหมือนสัตว์ร้าย” หญิงสาวร่วมหัวเราะและซดเหล้าตามเขา
ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าเธอหมายถึงอะไรในคำพูดนั้น แต่เขาก็ไม่ได้ติดใจกับมัน
เขารู้สึกถึงคลื่นแห่งความเหงาที่มาโดยไม่รู้ตัว มันเป็นความเหงาที่อยู่ลึกในจิตใจ เป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้และอึดอัดมาก
ฉินชิงสังเกตเห็นท่าทีของชิงสุ่ยที่เปลี่ยนไป เธอดูเหมือนจะรู้สึกถึงความเหงาที่ปล่อยออกมาจากตัวเขา เธอเริ่มสนใจมากขึ้น คนที่ชอบเขาจะรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนกันหรือไม่? เขามีพรสวรรค์และทักษะที่ยอดเยี่ยม อะไรเป็นสิ่งที่เขาทำให้เขาดูไม่มีความสุข? เป็นเพราะภรรยาของเขาหรือไม่?
“อย่าได้กังวลเกี่ยวกับมันมากเกินไปเลย ภรรยาของเจ้าคงจะสบายดี”
ขณะที่ฉินชิงพูดถ้อยคำเหล่านั้น เธอพบว่าตัวเองกำลังปลอบโยนถึงใครบางคนที่อยู่ที่ไหนสักแห่ง
ชิงสุ่ยหัวเราะ “ขอบคุณ แต่ข้าไม่ได้เป็นห่วงนาง ด้วยความสามารถของนาง นางย่อมสบายดี มันแค่เพียงเพราะข้ารู้สึกโดดเดี่ยวขึ้นมาชั่วขณะ”
“ตอนนี้เจ้าดูเหมือนกับคนชรา เจ้ารู้สึกถึงมันขึ้นมาอย่างฉับพลัน” ฉินชิงยิ้มและมองไปที่ชิงสุ่ย
รอยยิ้มของเธอดูงดงามดั่งดอกไม้ ชิงสุ่ยรู้สึกดีขึ้นมาก แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเธอกำลังพยายามทำให้ความคิดของเขาหายไป แต่เขายังคงรู้สึกอบอุ่นใจ
มันเป็นความจริงที่ผู้คนต้องการคำปลอบโยนในสภาวะที่จิตใจเปราะบาง แม้ว่ามันอาจเป็นเพียงคำพูดง่ายๆ แต่มันก็ทำให้รู้สึกอบอุ่น
“ชิงสุ่ย พวกเราน่าจะใกล้ถึงที่หมายแล้ว สมบัติต่างๆคงจะได้รับการปกป้องจากอสูรผู้พิทักษ์หรือกลไกบางอย่าง”
“อืมม พวกเราน่าจะเดินทางไปถึงไม่อีกไม่กี่วัน แม้ว่าจะยังไม่พบตำแหน่งที่แน่นอน” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยความกังวล อสูรสยบมังกรน่าจะไม่มีปัญหาในการค้นหามัน รวมทั้งอสูรผู้พิทักษ์และกลไกต่างๆ เขาจะรับมือไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
……
3 วันต่อมา เสียงร้องของอสูรสยบมังกรดังมาถึงชิงสุ่ย
“พวกเราไปกันเถอะ มันน่าจะค้นพบแล้ว” ชิงสุ่ยเรียกฉินชิงก่อนที่จะรีบมุ่งหน้าไปทางอสูรสยบมังกร
ซากโบราณสถาน!
“นี่มันซากโบราณสถาน” ตาของเขามองตรงไปขณะกล่าว
ฉินชิงดูจะประหลาดใจเช่นกัน พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะพบซากโบราณสถาน รอบๆตัวพวกเขาเป็นภูเขาที่สลับ
ซับซ้อน สถานที่แห่งนี้ต้องเป็นความลับ
ชิงสุ่ยนึกถึงครั้งล่าสุดที่สำรวจซากโบราณสถานและได้รับมรดก เขาสงสัยว่าจะได้พบอะไรในซากโบราณสถานแห่งนี้
“ลองเข้าไปดูข้างในกัน บางทีอาจไม่มีใครเคยเข้าไป หากเป็นเช่นนั้นก็จะมีสมบัติล้ำค่าให้ค้นหาและขาย” ดวงตาของเธอกระพริบไปมา ฉินชิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ท่างทางที่แสดงออกมาเล็กๆน้อยๆของเธอเป็นสิ่งที่ดูน่าหลงใหล
“ไปกันเถอะ!” ชิงสุ่ยยิ้ม
“อืมม รอก่อน” ฉินชิงพูดขึ้นมาทันที จากนั้นเธอก็เดินตรงไปไม่ไกลนักตามติดมาด้วยชิงสุ่ย บนพื้นใต้เท้าของพวกเขามีหยกที่ปกคลุมไปด้วยฝุ่น
“ดูเหมือนว่ามันจะมีกลุ่มคนเคยมาที่นี่ก่อนแล้ว”
ชิงสุ่ยรู้สึกไม่พอใจ ภายในซากโบราณจะต้องมีขนาดใหญ่ แม้ว่าคนเหล่านี้จะเข้าไปข้างใน พวกเขาก็อาจไม่พบสมบัติ เฉพาะผู้ที่มุ่งมั่นและมีกำลังใจจึงจะสามารถหาสมบัติเหล่านั้นได้
“พวกเขาเข้าไปกันเถอะ ซากโบราณสถานแห่งนี้กว้างขวาง แม้จะมีผู้อื่นเคยเข้าไปก็ตาม โอกาสที่พวกเขาจะพบสมบัติก็ย่อมมีน้อย”
หลังจากที่เข้ามาพวกเขาก็ตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเอง โบราณสถานแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่โตมาก แม้จริงๆมันจะเล็ก แต่มันก็ดูเหมือนหุบเขา ชิงสุ่ยมองไปรอบๆ หลังภูเขานับไม่ถ้วนเป็นแม่น้ำที่ไม่มีที่สิ้นสุดและเขาไม่รู้ว่ามันเชื่อมต่อไปที่ใด เมื่อมองดูแม่น้ำ สถานที่นี้ช่างดูราวกับเกาะสักแห่ง