บทที่ 1514 – แผนที่สมบัติคือกุญแจสำคัญ เจตนามุ่งร้าย
ชิงสุ่ยและฉินชิงเข้าไปในซากโบราณสถาน ทั้งคู่ต่างตกตะลึงกับการค้นพบของพวกเขา มีเพียงทางเดียวที่จะเข้าและออกจากที่นี่ แม้ว่าพวกเขาจะเจอใครหรือไม่ก็ตาม พวกเขาก็สามารถเดินทางไปได้เพียงเส้นทางเดียวเท่านั้น
นี่คือตำแหน่งที่ระบุไว้ในแผ่นที่ขุมทรัพย์ ดังนั้นซากโบราณสถานแห่งนี้น่าจะมีสมบัติซุกซ่อนอยู่ ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่พบอสูรผู้พิทักษ์ใดๆที่จะมาขัดขวางการเดินทาง
พวกเขาเดินทางอย่างระมัดระวังไปตามภูเขา ขณะที่เข้าไปเรื่อยๆ ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจที่เห็นกลุ่มคนกว่า 20 คนห่างออกไปไกล อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่สิ่งที่ทำให้แปลกใจที่สุด สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจมากคือรูปปั้นด้านบน
รูปปั้นเทพสงคราม!
สถานที่แห่งนี้คล้ายคลึงกับซากโบราณสถานที่เขาได้รับมรดกแห่งเทพสงคราม ถ้าเขาจำได้อย่างถูกต้อง นี่ยังเป็นสถานที่แห่งการต่อสู้แย่งชิงมรดกแห่งเทพกับสุสานที่แสดงถึงชัยชนะจากการต่อสู้
ยอดเขาที่อยู่ห่างออกไปมีรูปปั้นเทพสงครามตั้งอยู่ แต่จากรูปลักษณ์ของมัน ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเทพธิดาแห่งสงครามมากกว่า
ในเวลานี้ชิงสุ่ยมองไปยังกลุ่มคนเบื้องหน้า ส่วนใหญ่ล้วนเป็นชายชรา แต่ก็มีชายวัยกลางคนปะปนอยู่บ้าง ส่วนอีกสองคนด้านข้างดูเหมือนจะยังเยาว์วัย
ชิงสุ่ยและฉินชิงได้มุ่งหน้าไปทางพวกเขา ณ จุดนี้พวกเขากำลังสังเกตและเฝ้าดูอย่างสงสัย
คนเหล่านี้แต่งกายธรรมดาและไม่มีอะไรพิเศษ พวกเขาทั้งหมดแต่งกายด้วยชุดฝึกตน จะมีก็เพียงแต่วัสดุที่ใช้ทำเสื้อนั้นค่อนข้างมีคุณภาพสูง ชายชราจำนวนหนึ่งที่ดูเป็นผู้นำมีกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดา
ความแข็งแกร่งของเหล่าชายชรานั้นมีมากกว่าชิงสุ่ย แต่หากเขาได้ต่อสู่ตัวต่อตัวกับพวกเขา เขาแน่ใจว่ายังพอมีโอกาสที่จะชนะได้ เขาสังเกตเห็นว่าชายชราดูไม่พึงพอใจต่อการปรากฏตัวของพวกเขา
ชิงสุ่ยเข้าใจมันดี เนื่องจากพวกเขามาถึงก่อน มันทำให้นึกถึงคำกล่าวที่ว่า “ใครมาก่อนคือเจ้าของ” ทำให้พวกเขารู้สึกส่าสถานที่แห่งนี้ตกเป็นของพวกเขาแล้ว สิ่งที่ชิงสุ่ยไม่เข้าใจคือเหตุผลที่อีกฝ่ายหยุดอยู่ที่นี่ มันอาจเป็นไปได้ว่าพวกเขาไม่สามารถทำลายรูปปั้นเทพสงครามลงได้
อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยโยนความคิดนั้นทิ้งไป การทำลายมันไม่น่าจะมีปัญหาใดๆ เช่นนั้นมันต้องมีเหตุผลอื่น
ด้วยการเข้าไปดูใกล้ขึ้น ชิงสุ่ยตระหนักว่าสถานที่นี้แตกต่างจากซากโบราณสถานก่อนหน้า มีเพียงรูปปั้นเทพสงครามอยู่ที่นี่ ด้านเป็นเพียงห้องโถง นอกเหนือจากนั้นไม่มีอะไรอื่นแตกต่างกัน
ชิงสุ่ยระแคะระคายใจถึงสิ่งที่เขาไม่รู้ ณ ขณะนี้ ชายชราคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้นำมองมาทางชิงสุ่ย คิ้วของเขาขมวดและยกขึ้น “ช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่พวกเราได้มาเยือนสถานที่แห่งนี้ในเวลาเดียวกัน”
ชิงสุ่ยไม่เข้าใจคำพูดของชายชราและไม่รู้ว่าชายชราพยายามจะพูดอะไร เขายิ้มและกล่าว “ข้าก็คิดอย่างนั้น ไม่ทราบว่ากลุ่มของท่านพบที่นี่ได้อย่างไร?”
เขานึกถึงสิ่งของที่พบก่อนหน้านี้ จากสายตาของฉินชิง เขาคิดว่าตอนนี้เธอคงกำลังระมัดระวังตัว
“พวกเราเข้ามาที่นี่โดยบังเอิญ ช่างน่าเสียดาย พวกเราไม่มีโชคมากนัก มรดกแห่งเทพสงครามกลับกลายเป็นเทพธิดา พวกเราไม่แม้แต่จะพบวิธีเข้าไป” เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าชายชรากล่าวด้วยความรู้สึกสังเวช
ชายชราคิดว่าแม้เขาจะไม่ได้รับมรดกแห่งเทพสงคราม เขาก็อาจพบสมบัติอื่นๆเป็นอย่างน้อย ในความเป็นจริงมรดกแห่งเทพสงครามไม่ได้เฉพาะเจาะจงเพศ ทั้งชายหรือหญิงต่างก็เป็นที่ยอมรับ
“ช่างน่าเสียดาย ข้าสงสัยว่าพวกท่านมาที่นี่นานแค่ไหนแล้ว ทำไมพวกท่านจึงไม่จากไปหากไม่พบอะไร?” ชิงสุ่ยถาม เขายกริมฝีปากขึ้นและยิ้ม
“พวกเรามาอย่างเร่งรีบและล้วนเป็นเหล่าคนชรา ดังนั้นคนอื่นๆจึงได้กลับไปตามคนที่เหลือมาที่นี่”
ความหมายที่อยู่เบื้องหลังคำพูดของเขานั้นชัดเจน พวกเขาอ้างว่านี่เป็นสถานที่ของตน อย่างน้อยจนกว่าพวกเขาจะตัดสินใจจากไป คนอื่นๆจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามา
“ผู้อาวุโส แม้จะไปตามผู้อื่นมาก็คงจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร ข้าไม่รู้ว่าท่านจะเชื่อข้าหรือไม่?” ชิงสุ่ยกล่าวขณะยังคงสวมรอยยิ้มบนใบหน้า
“ใครกันที่เป็นผู้ยืนยันเรื่องนั้น? อย่างน้องก็ยังดีที่ได้ลองมัน?” ชายชราตอบเบาๆ
“ข้าสงสัยว่าพวกเขาจะขอลองดูได้หรือไม่?” ชิงสุ่ยถามและหัวเราะ แต่น้ำเสียงของเขาฟังดูสงบ
สภาพแวดล้อมโดยรอบดูดี มันอบอุ่นไปด้วยช่วงแห่งฤดูใบไม้ผลิและสดใส แน่นอนว่ามันไม่ได้น่าพอใจเหมือนข้างนอก มีเพียงหิมะและน้ำแข็งที่ปกคลุมอยู่ แต่มันก็เป็นความชอบของแต่ละบุคคล
สักครู่หนึ่งชายชราก็ต้องแปลกใจ เขามองไปที่ชิงสุ่ยอยู่นานก่อนพยักหน้าตกลง ชายชรารู้ว่าหากกล้าที่จะลองดู ชิงสุ่ยต้องมีความสามารถในระดับหนึ่ง นอกจากนี้สิ่งต่างๆมักจะเกิดขึ้นกับผู้ที่ถูกกำหนดไว้เท่านั้น ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องระรานกับใคร
ชิงสุ่ยยิ้ม “ขอบคุณ!”
ชิงสุ่ยสามารถบอกได้ว่าชายชราเป็นคนฉลาด เขาสงสัยว่าคนอื่นจะทำอะไรบ้างหากรู้ว่าชิงสุ่ยครอบครองแผนที่สมบัติอยู่
ชิงสุ่ยและฉินชิงมุ่งหน้าไปยังภูเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของรูปปั้นเทพสงคราม
“เจ้ารู้หรือไม่ว่ารูปปั้นเทพสงครามคืออะไร?” ชิงสุ่ยไม่สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายของมรดกแห่งเทพสงครามหรือความเป็นผู้สืบทอดจากฉินชิง
หากสิ่งที่ชิงสุ่ยคิดเป็นความจริง สมบัติที่จะได้รับอาจเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับผู้หญิง มันช่างน่าเสียดาย ดูเหมือนว่ามรดกในครั้งนี้น่าจะเป็นชุดสำหรับผู้หญิง
“นี่มันหงส์เพลิงเทพสงคราม” ฉินชิงกล่าวเบาๆ ดวงตาของเธอมองเห็นเทพธิดาแห่งสงคราม
ชายชราคนหนึ่งค่อยๆเฝ้าดูชิงสุ่ยและฉินชิง
“ท่านพี่ มันจะไม่ผิดพลาดหรือที่ปล่อยให้เขาเข้าไป?” หนึ่งในชายชราคิดครู่หนึ่งก่อนถาม
“มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะสามารถมายังที่นี่ได้ ชายหนุ่มคนนี้ยังเยาว์ ย่อมต้องมีคนคอยสนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลัง พวกเราได้เตรียมทางออกเอาไว้แล้ว หากมีสิ่งของล้ำค่าที่นี่ พวกเราจะต้องกอบโกยเพื่อให้คุ้มค่า การบุ่มบ่ามลงมือทำร้ายใครนั่นแหละคือสิ่งที่เรียกว่าไม่ฉลาด” ชายชราตอบกลับโดยไม่เห็นไปมอง
“พวกเราจะทำอย่างไร หากพวกเขาสามารถทำได้?” ชายชราคนอื่นถามอีกครั้ง
“เจ้าคิดว่าจะเป็นไปได้งั้นหรือ? เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ไม่มีอะไรที่พวกเราสามารถทำได้ หากพวกเขาเข้าไปข้างใน พวกเขาจะต้องแบ่งปันสิ่งของที่พบให้กับพวกเรา” ชายชรากล่าวอย่างสงบ แต่น้ำเสียงของเขาบ่งบอกว่าเขาไม่คิดว่าชิงสุ่ยและฉินชิงจะสามารถเข้าไปได้
……
แม้ว่าชิงสุ่ยและฉินชิงจะไม่รู้ว่าคนกลุ่มนั้นวางแผนอะไรไว้บ้าง พวกเขาก็ไม่ได้กลัวมัน ชิงสุ่ยรู้สึกว่าการเอาชนะพวกเขาคงใช้เวลาเพียงไม่นานและหวังว่าพวกเขาจะไม่ทำมัน
“เอามันติดตัวไว้!” ชิงสุ่ยส่งแผนที่สมบัติให้กับฉินชิง
ฉินชิงตกตะลึง “เจ้ามีมันงั้นหรือ?”
“ถ้าการคาดเดาของข้าถูกต้อง แผนที่สมบัตินี้จะเป็นกุญแจสำคัญสำหรับสถานที่นี่ เฉพาะผู้ที่มีแผนที่สมบัติเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าไปได้ รับไปและลองดู หากไม่ได้ผล พวกเราจะใช้กำลังเพื่อเข้าไป” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชิงสุ่ยครอบครองแผนที่สมบัติเอาไว้
ฉินชิงคิดครู่หนึ่งก่อนที่จะรับแผนที่สมบัติมา เธอเผยรอยยิ้มและพยักหน้าไปทางชิงสุ่ยก่อนที่จะขึ้นไปยังภูเขา ในวินาทีต่อมา มีสายตาแห่งความประหลาดใจเกิดขึ้น
ฉินชิงสามารถขึ้นไปได้อย่างปลอดภัยและปราศจากสิ่งกีดขวางใดๆ ชิงสุ่ยยิ้มถึงแม้ว่าเขาจะคาดการณ์ผลลัพธ์นี้เอาไว้แล้ว ไม่มีการรับประกันใดๆว่ามันจะได้ผล ดังนั้นเมื่อเธอประสบความสำเร็จ เขาจึงเต็มไปด้วยความปิติยินดี แผนที่สมบัติเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการสืบทอดมรดกนี้
ชิงสุ่ยมีความรู้สึกว่าฉินชิงช่างโชคดียิ่งนัก โดยทั่วไปแล้วมักจะไม่มีผู้หญิงอยู่รอบชิงสุ่ย แต่ในเวลานี้คนเดียวที่อยู่รอบตัวเขาเป็นเธอ แม้เขาจะไม่แน่ใจว่าสิ่งใดผลักดันให้เขามอบมรดกให้กับเธอ
กลับกันชิงสุ่ยสามารถเรียกตัวอี่หวงกู่หวู๋มาได้และมันอาจต้องใช้เวลาสักหน่อย เมื่อเทียบกับเวลาในการตามหามรดกเทพสงคราม มันก็นับว่าไม่สำคัญ เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะมอบมันให้กับฉินชิง…
“ท่านพี่ หญิงสาวผู้นั้นเดินเข้าไปได้จริงๆ”
“จริงหรือ? พวกเราลองไปดูกันอีกสักครั้งเถอะ”
“ทำไมชายหนุ่มผู้นี้ถึงไม่ตามเข้าไป? มีเพียงแค่หญิงสาวเดินไปตามลำพัง”
ชายชรามีท่าทีสนใจขณะที่เขามองดูชิงสุ่ย เขาขบคิดอยู่ภายในหัวและเดินเข้าไปหาชิงสุ่ยพร้อมกับพวก
“ท่านพี่ ข้าจะลองดูอีกครั้ง ใครจะรู้ มันอาจไม่มีข้อจำกัดใดแล้วหลังจากหญิงสาวผู้นั้นเดินเข้าไป” ชายชราคนก่อนหน้ากล่าวอีกครั้ง
“ตกลง!”
อย่างไรก็ตามการเดินเข้าใส่รูปปั้นเทพสงครามเป็นอะไรที่เสี่ยง บางทีพวกเขาอาจจะมีสิ่งของบางอย่างและเตรียมตัวมาเพื่อมรดกแห่งเทพสงคราม
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะเตรียมการมาดี” ชายชรามองไปทางชิงสุ่ยและกล่าวอย่างไม่พึงพอใจ
“ท่านจะพูดอะไรก็ได้ ตอนนี้พวกท่านไม่จำเป็นต้องรออีกแล้ว มันจะดีกว่าหากถอยกลับไป” ชิงสุ่ยอดกลั้น
มุมปากของชายชรายกสูงขึ้นขณะที่เขาจ้องมองชิงสุ่ย พวกเขามาถึงที่นี่ร่วมครึ่งเดือน พวกเขาทำได้เพียงแค่ดอมดมกลิ่นหอมของอาหารอันโอชะตรงหน้า กระนั้นคนแปลกหน้าที่เพิ่งมาถึงเหล่านี้กลับยื่นมือเข้าไปลิ้มลองได้ โดยธรรมชาติพวกเขาย่อมรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
“มันยังคงเป็นความจริงที่พวกเรามาถึงก่อน ผู้ที่เข้ามาก่อนย่อมเป็นเจ้าของ เจ้าพยายามจะกีดกันพวกเรางั้นหรือ?” ชายชราสงบลงเมื่อพูดมันออกไป
ชายชราไม่ใช่คนที่โมโหง่าย อย่างไรก็ตามเขารู้สึกแปลกๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น นอกจากนี้พวกเขาไม่รู้ว่ายังมีสมบัติอื่นใดนอกเหนือมรดกแห่งเทพสงคราม สิ่งนี้ทำให้เขาสูญเสียความมีเหตุผล
ชิงสุ่ยหัวเราะ “ไม่ใช่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะใช้แนวคิดดังกล่าวได้ ผู้ที่เป็นเจ้าของไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ที่พบมัน หากเป็นเช่นนั้นแล้วจะทำการฝึกตนไปเพื่ออะไร?”
“นี่เจ้ากำลังจะบอกว่าเจ้าแข็งแกร่งกว่าพวกเรางั้นหรือ?” ชายชราพูดอย่างจงใจ เขาหูตามืดบอดหวังที่จะสังหารชายหนุ่มตรงหน้า เขาพร้อมที่จะจัดการชายหนุ่มก่อนที่หญิงสาวจะกลับมา อย่างน้อยที่สุดสิ่งที่หญิงสาวนำกลับมาจะเป็นผลกำไรของพวกเขา มิฉะนั้นหากไม่ได้อะไรเลย เขาก็จะรู้สึกเศร้าหมอง
“ผู้อาวุโส ข้าขอแนะนำท่านหน่อย ท่านควรคิดก่อนที่จะลงมือทำ มันอาจกลายเป็นเรื่องที่ต้องเสียใจในภายหลังได้ ท่านไม่ได้อยู่เพียงลำพัง อย่าได้ประมาท ก่อนที่ท่านจะทำอะไร ท่านควรจะไตร่ตรองถึงความสามารถของตัวเองก่อน” ชิงสุ่ยสามารถบอกได้ว่าชายชราไม่ได้มีเจตนาดี แต่เขาก็ยังคงพยายามที่จะเตือนอย่างง่ายๆ
“ฮ่าๆ เจ้ามันก็เหมือนกับไม้เปราะบางที่ข้าจะหักเมื่อไหร่ก็ได้ เจ้ากล้าดียังไงมาสอนข้า? แม้ว่าเจ้าจะดูเก่งกล้าพอตัว แต่เจ้าก็ยังเยาว์วัยนัก” ชายชราหัวเราะเยาะต่อคำกล่าวของชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยหัวเราะ “ข้าได้พูดทุกสิ่งที่ควรพูดไปแล้ว หากท่านยังยืนกรานที่จะแสวงหาความตาย ท่านก็อย่าได้โทษใคร”
“ที่นี่คือสุสานของเทพสงคราม การตายที่นี่นับว่าไม่เลวนัก พูดกันตามตรง ข้าไม่อยากฆ่าเจ้า แต่เจ้าเลือกที่จะรับมันเอง ความเป็นจริงมนุษย์เรานั้นโหดเหี้ยม อย่าได้โทษข้าเลย” ชายชราร้องตะโกน
ชิงสุ่ยไม่ได้ร้องไห้หรือหัวเราะ ท่าทีของเขาดูเงียบสงบ เขาจะทำให้ชายชราต้องร้องไห้
ชายชราพุ่งเข้าใส่ชิงสุ่ยอย่างรวดเร็ว มือของเขากลายเป็นกรงเล็บและมุ่งเป้าไปที่หัวของชิงสุ่ย
กรงเล็บพิษ!
ชิงสุ่ยยิ้มขณะเขายื่นมือออกไปในเวลาเดียวกัน อันที่จริงเขาได้เริ่มไหลเวียนพลังในร่างกายเอาไว้แล้ว พลังธรรมชาติที่รุนแรงหลั่งไหลออกมาที่ฝ่ามือของเขา
ปัง!
อ๊ากกกกกกก!
พลังธรรมชาติเป็นสิ่งที่พิเศษ ยิ่งไปกว่านั้นชิงสุ่ยแข็งแกร่งกว่าชายชรา การโจมตีเพียงครั้งถึงกับทำให้แขนของชายชราพิการ