บทที่ 1607 – นิกายจันทรานิรันกาล อาชามังกรทองคํา หญิงสาวลึกลับ
ฉินชิงนั้นฝึกฝนในตอนเช้าเป็นประจําอยู่แล้ว จากนั้นนางกับชิงสุ่ยก็ได้เห็นหยิน ต่ง หลินเฟย เหลียนหลิงเฟิง และซีฉีชากําลังฝึกฝนอยู่ หยิน ต่งและหลิน เฟยนั้นได้แต่งงานกันแล้วขณะที่ เหลียนหลิงเฟิงและชีฉีชานั้นกําลังจะแต่งงานกันในปีนี้
คงจะดีถ้าหากพวกเขาได้เคียงคู่กันไปตลอดชีวิตชิงสุ่ยก็วาดฝันเรื่องนี้ไว้ด้วยเช่นกัน ความจริง แล้วเมื่อเขาได้อยู่กับหญิงสาวของตนเองนั้นก็รู้สึกแบบนี้เช่นกันแต่เขารู้ว่าหยินต่ง หลิน เฟยและ คนอื่นๆนั้นคงไม่เหมือนกัน
ชิงสุ่ยยังคงฝึกฝนเพลงหมัดไทเก๊กของเขาแต่มันได้เปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้อย่างชัดเจนชิง สุยได้ยกระดับของเคล็ดวิชานี้จนเกินกว่าระดับที่เขาเคยรู้จักแล้ว เมื่อใช้เพลงหมัดนี้ออกไปแม้แต่ชิงสุ่ยก็ไม่รู้ด้วยซ้ําว่ามันคือท่วงท่าอะไร
เขาปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติแต่ทุกๆการโจมตีของเขานั้นก็แฝงไปด้วยพลังแห่งดิน แดนพลังเทวะแห่งเต๋มันดูมีเสน่ห์จนอธิบายไม่ถูกเมื่อฉินชิงได้เห็นเขาฝึกฝน
แน่นอนว่านางไม่ได้บอกว่าชิงสุ่ยนั้นมีเสน่ห์แต่เป็นเพราะเพลงหมัดที่เขากําลังฝึกฝน นางไม่รู้ว่า
“สนุกหรือไม่ที่ใด?” ชิงสุ่ยรับรู้ได้ว่าฉันชิงกําลังจ้องมองอยู่จึงยิ้มตอบกลับไป
ฉินชิงพยักหน้า “ท่วงท่านั้นช่างงดงามยิ่งนักแต่ผู้ใช้นั้นไม่เลย”
ชิงสุ่ยหัวเราะออกมาเพราะหญิงสาวผู้นี้มักจะหักหน้าเขาอยู่เสมอ ฉันชิงนั้นเป็นหญิงสาวที่งดงามราวกับเทพธิดาแต่ก็ยังมีความขี้เล่นเหมือนคนทั่วๆไป นี่ทําให้เขาหลงรักนาง
“เจ้าอยากจะลองเรียนรู้มันหรือไม่? มันคงจะดีหากเจ้าเรียนรู้และฝึกฝนมันได้ในเวลาว่าง” ชิงสุ่ยรู้สึกดีอย่างยิ่งในวันนี้
“แน่นอนข้าอยากจะลองเรียนรู้มันดู”
เมื่อได้ฝึกฝนร่วมกันความสัมพันธ์ย่อมเพิ่มมากขึ้น พวกเขาจะได้ใกล้ชิดกันเพื่อฝึกฝนหลายร้อยรอบ
ชิงสุ่ยได้สอนฉินชิงในเรื่องท่วงท่าการโจมตีรวมไปถึงส่วนสําคัญต่างๆของเคล้ดวิชานี้และยังมีท่วงท่าพื้นฐาน 24 ท่วงท่าของเพลงหมัดไทเก๊ก ฉินชิงนั้นสามารถลอกเลียนแบบการเคลื่อนไหวของเขาได้เพียงแต่ได้เห็นครั้งเดียวแต่นางยังไม่เข้าใจมันอย่างลึกซึ้ง
ฉินชิงนั้นมีพรสวรรค์อย่างมาก หลักจากที่ชิงสุ่ยได้อธิบายส่วนสําคัญของเพลงหมัดไทเก๊กไปนางก็สามารถเคลื่อนไหวตามท่วงท่าต่างๆได้อย่างราบรื่น
การเคลื่อนไหวของฉันชิงนั้นดูลื่นไหลและงดงามอย่างยิ่ เมื่อเวลาผ่านพ้นไปก็ถึงเวลาอาหารเช้าแล้ว
หลังจากที่ทั้งสองคนเดินออกมาเหลียนหลิงเฟิงและคนอื่นๆก็เดินออกมาเช่นเดียวกัน
“ตระกุลนั่วได้จากไปแล้วเมื่อคืนนี้” เหลียนหลิงเฟิงกล่าวกับชิงสุ่ย
“พวกเขาไปเร็วกว่าที่ข้าคิดไว้ซะอีก ข้าคิดว่าพวกเขาจะอยู่ที่นี่นานกว่านี้สักหน่อย แต่เช่นนี้ก็ดี ” ชิงสุ่ยไม่ได้ยินดียินร้ายต่อสถานการณ์ของตระกุลนัว
“ท่านคิดว่าตระกุลถั่วจะกลับมาที่นี่อีกหรือไม่?” เหลียนหลิงเพิ่งกลัวว่าพวกเขาจะกลับมาล้างแค้นที่นี้หลัง
“ข้าเองก็ไม่รู้แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นพวกเจ้าก็ต้องฝึกฝนอย่างหนักเพื่อที่จะสามารถปกป้องตนเองและคนรอบข้างได้” ชิงสุ่ยกล่าวขึ้นทําให้ทุกๆคนรู้สึกตกตะลึง คําพูดพวกนี้มันอาจจะดูธรรมดาแต่หากออกมาจากปากของชิงสุ่ยแล้วมันก็คงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
แม้ว่าชิงสุ่ยจะกล่าวเช่นนี้ เขาก็รู้ดีว่าโอกาสที่ตระกุลนั่วจะกลับมาที่นี่นั้นไม่ได้สูงมากนักเพราะชิงสุ่ยรู้ว่าเด็กปีศาจตระกุลนั่วผู้นั้นไม่อาจเทียบได้กับชายชราที่เสียชีวิตไปได้และพวกเขาคงไม่กล้ากลับมาหาความตายที่นี่อีก การที่เขาได้เอาชนะชายชรานั่นแสดงให้เห็นว่าความสามารถของเขานั้นมีมากเพียงใด
สําหรับเลิงหมิงหากไม่ใช่เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นพลังของเขาย่อมยกระดับไปได้ไกลมากกว่านี้ในตอนนี้คงยากยิ่งนักที่เขาจะยกระดับขึ้นได้อีก
ชิงสุ่ยรู้สึกได้ว่าเลิงหมิงนั้นได้รับมรดกแห่งจอมอสูรเหมือนกับตัวเขาและคนอื่นๆ เขาไม่รู้ว่าเลิงหมิงนั้นจะมีความสุขในตระกูลถั่วหรือไม่เพราะตอนนี้ชายชราผู้นั้นได้ตายไปแล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถต่อกรกับเขาได้อีก
ชิงสุ่ยหยุดคิดเรื่องพวกนี้ สิ่งสําคัญที่สุดสําหรับเขาในตอนนี้คือเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับคนที่อยู่รอบตัวเขา ในตอนนี้ฉินชิงนั้นได้รับกรรไกรวิหคเพลิงทองคํา ถ้าหากนางต้องสู้กับเลิงหมิงคงเป็นเรื่องง่ายสําหรับนางที่จะเอาชนะ ฉันชิงนั้นถือว่าอ่อนแอกว่าเลิงหมิงแต่เมื่อมีกรรไกรวิหคเพลิงทองคํานั้นไม่มีปัญหาเลยที่จะนางจะเอาชนะศัตรู
ชิงสุ่ยยังคิดอีกว่าหากเขาออกจากที่นี่ไปคงไม่มีปัญหาใดๆเกิดขึ้นเขาอยากกลับบ้านแต่ก็ต้อ งอยู่ที่นี่เพื่อดูสถานการณ์ก่อน
ดวงอาทิตย์เริ่มขึ้นสูงบนท้องฟ้าชิงสุ่ยนอนและพักผ่อน หลายวันที่ผ่านมานี้ชิงสุ่ยรู้สึกว่าตัวเขานั้นเป็นอิสระอย่างยิ่ง เขารู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขอย่างยิ่งในตอนนี้
“ชิงสุ่ย มีคนมาขอพบท่านข้างนอกเขามาที่นี่เพื่อขอรับการรักษา” เหลียนหลิงเฟิงกล่าวขึ้น หลังจากเดินเข้ามา
“ไม่มีใครรักษาเขาได้งั้นหรือ?” ชิงสุ่ยลืมตาและกล่าวขึ้น
“พวกเขาบอกว่าต้องการพบกับท่านและยังบอกอีกว่าพวกเขามาจากนิกายจันทรานิรันกาล”
เมื่อชิงสุ่ยได้ยินคําว่า “นิกายนิรันกาล” เขาก็รีบยืนขึ้นทันที เขาไม่ต้องการปฏิเสธคําขอใดๆจากนิกายนิรันกาล แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่านิกายนิรันกาลนั้นทรงพลังมากเพียงใดแต่ระวังเอาไว้ก็ดีกว่า
“ข้าจะออกไปดูหน่อย” ชิงสุ่ยเดินออกไปจากห้องโถงของหอคอยจักรพรรดิหลังจากที่กล่าวจบ
เมื่อเขามาถึงด้านหน้าประตูชิงสุ่ยก็ได้เห็นชายวัยกลางคน 2 คนกําลังยืนรออยู่ แม้ว่าพวกเขาจะดูเป็นชายวัยกลางคนแก่ชิงสุ่ยก็รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงมากมายภายในดวงตาของเขา
ยอดฝีมือระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจขั้นสูง เมื่อได้ตรวจสอบชายทั้งสองคนนี้ก็ทําให้เขารู้สึกประหลาดใจยิ่ง
“พวกท่านทั้งสองเป็นใครกัน?” ชิงสุ่ยถามขึ้น
“ พวกเราต้องการนายท่านชิงรักษาอาการเจ็บป่วย” ชายคนที่อยู่ทางซ้ายกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม เขาดูนอบน้อมและสุภาพอย่างยิ่ง
ชิงสุ่ยยิ้ม เขารู้สึกได้ว่าชายที่อยู่ตรงหน้านั้นไม่ได้เสแสร้งแกล้งทํา
“พาคนป่วยมาที่นี่ได้หรือไม่?” ชิงสุ่ยถามขึ้นหลังจากที่คิดครู่หนึ่ง เขายังไม่สามารถระบุได้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขานี้เป็นคนจากนิกายนิรันกาล
“ไม่สะดวกที่จะมาที่นี้ หากท่านยอมรักษา พวกเราจะออกจากที่นี้ไปเพียงครู่เดียวและค่าตอบแทนย่อมไม่ต่ําอย่างแน่นอน” ชายคนก่อนหน้านี้กล่าวขึ้น
ชิงสุ่ยยังหาเหตุผลไม่ได้ที่จะปฏิเสธพวกเขา ถ้าหากพวกเขามาที่นี่อย่างไม่สุภาพคงจะปฏิเสธได้อย่างง่ายดายแต่นี่กลับต่างออกไป “ไกลจากที่นี่มากหรือไม่? ข้าเองไม่ได้มีเวลามากนัก”
“ไม่ไกลหรอก พวกเราคงไม่รบกวนเวลาของท่านมากนัก”
ชิงสุ่ยรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อเขาเดินออกมาข้างนอก มันมีรถม้าสัตว์อสูรขนาดใหญ่และ หรูหราจอดอยู่ที่นี่ มันมีขนาดประมาณ 30 เมตรและลากด้วยอาชามังกรทองคําที่มีขนาดใหญ่และดุร้ายถึง 4 ตัว อาชามังกรทองคํานั้นล้ําค่ายิ่งกว่าอาชามังกรขาว อาชามังกรทองคํายังสามารถบ่งบอกฐานะของผู้ใช้ได้อีกด้วย มันไม่ได้มีความสามารถในการต่อสู้มากนักแต่เหมาะสําหรับการลากรถม้าเพราะด้วยความเร็วและความทรหดของพวกมัน
ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจกับรถม้าที่หรูหราตรงหน้านี้ อีกอย่างคือชายสองคนนี้เป็นผู้ขับขี่ของรถม้าคันนี้ ถ้าหากว่ายอดฝีมือระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจขั้นสูงถึง 2 คนเป็นผู้ขับขี่รถม้านี้แล้วเจ้าของล่ะ?
“โปรดตามมาขอรับ” ชายผู้นั้นกล่าวพร้อมกับเปิดประตูรถม้า
รถมาคันนี้ใหญ่โตราวกับบ้านที่สามารถเคลื่อนที่ได้ มันสูง 5 เมตรกว้าง 10 เมตรและยาวประมาณ 30 เมตร รวมถึงอาชามังกรทองคําที่อยู่ข้างหน้านั้นทําให้มันดูหรูหราอย่างยิ่ง
ยอดฝีมือระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจระดับสูงถึง 2 คนเป็นคนขับรถม้า…
พื้นที่ภายในรถม้านี้มีขนาดกว้างใหญ่และแบ่งออกเป็นหลายห้อง ชิงสุ่ยนั่งลงข้างใน ในตอนนี้เขากําลังมองดูการตกแต่งภายใน แม้ว่าคนพวกนี้อาจจะเป็นศัตรูแต่เขาก็ยังมั่นใจว่าตัวเองจะสามารถหนีไปได้ นี่เป็นเพียงสิ่งที่ชิงสุ่ยคิดตามที่เขาได้เห็นแต่เขาไม่รู้ว่าจะมีผู้ฝึกยุทธระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่นี่ด้วยหรือไม่
รถม้าที่หรูหราคันนี้เคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่ามันจะมีการโยกไปบ้างแต่ก็ถือว่ายังสบายพวกเขาได้มาถึงพื้นที่ใกล้แดนทะเลน้ําแข็งและเทือกเขาคุนเปิงอย่างรวดเร็ว
ตรงพื้นที่บริเวณนี้มีการตั้งที่พักอยู่มากมาย ชิงสุ่ยสามารถรู้สึกได้ถึงกลิ่นที่รุนแรง มีคนจํานวนมากอยู่ที่นี่และพวกเขาต่างก็เป็นหมอ ชิงสุ่ยรู้สึกตกตะลึง หรือว่าหมอพวกนี้มาเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยของคนๆนั้น?
นี่เป็นความจริง หมอทุกๆคนภายในเมืองหลินห่ายต่างก็ถูกพาตัวมาที่นี่ ในที่พักที่อยู่ไกลออกไปมีหมอ 2 คนเดินออกมาและสายศีรษะ
ชิงสุ่ยเดินตามชายวัยกลางคนตรงไปที่ตรงที่พักนั้น
“นายท่านเรียกแล้ว เข้าไปเถอะ!” ชายชราที่อยู่ตรงทางเข้ากล่าวขึ้น
ชายวัยกลางคนผู้นั้นพยักหน้าให้ชิงสุ่ยและเดินเข้าไป ที่เขาได้รับในที่แห่งนี้ทําให้เขารู้สึกตก ตะลึงกลิ่นของมันนั้นรุนแรงมากกว่าที่อื่น แต่เขาไม่อาจบอกได้ว่านี่มันเป็นกลิ่นอะไร
“ท่านต้องเป็นท่านหมอเทวดาชิงแห่งหอคอยจักรพรรดิ!” มีเสียงดังออกมาเบาๆ
หญิงสาววัยกลางคนเดินออกมาจากที่พักนี้ หญิงสาวผู้นี้มีรูปร่างที่สูงและสมส่วน เครื่องประดับและความงดงามของนางบ่งบอกถึงสถานะ
นางเป็นหญิงสาวที่ดูมีเมตตา แม้ว่านางจะยิ้มอยู่ตอนนี้แต่ก็ไม่อาจปิดบังความโศกเศร้าในสายตาของนางได้
“ข้าเองไม่ใช่หมอเทวดาหรอกแต่ข้ามาที่นี่เพราะถูกเรียกตัวมา” ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มสัญชาตญาณบอกเขาบอกเขาว่าหญิงสาวผู้นี้ทรงพลังอย่างยิ่ง
หญิงสาวมองไปที่ชิงสุ่ยและดวงตาของนางก็เบิกกว้างขึ้น พลังของชายผู้นี้สูงอย่างยิ่งและเขายังดูกล้าหาญ แม้ว่าเขาจะดูทรงพลังแต่ความสามารถทางด้านการแพทย์ของเขานั้นจะเป็นของจริงหรือไม่?
“โปรดมากับข้า” หญิงสาวเดินเข้าไปข้างใน
แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่อาจยืนยันความปลอดภัยของตนเองได้เลยแต่เมื่อเขาเดินตามเข้าไปข้างในก็ได้เห็นชายคนหนึ่งนอนอยู่ภายในนั้น ชายผู้นี้ดูหล่อเหลาและเป็นผู้ใหญ่เขานอนอยู่นิ่งๆด้วยดวงตาที่ปิดสนิท
ชิงสุ่ยไม่ได้ถามว่าชายผู้นี้เป็นใครเพราะรู้ว่าคงไม่ได้คําตอบอย่างแน่นอน หญิงสาวผู้นี้ก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมาแม้แต่เรื่องอาการของการเจ็บป่วย
ชิงสุ่ยยิ้มและเดินเข้าไป เขาตรวจชีพจรจากนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้น เขามองไปที่หญิงสาวผู้นี้และกล่าวว่า “เขาหลับไปประมาณ 15 ปีแล้ว!”
ดวงตาของหญิงสาวผู้นี้เปิดกว้างขึ้นอีกครั้ง “มันเป็นเวลา 15 ปีกับอีก 3 วัน”
“เขาถูกลอบสังหาร ภายในร่างกายของเขานั้นมีสารพิษที่สามารถเพิ่มความรุนแรงให้แก่ตัวเองได้ในเวลา 15 ปีที่ผ่านมานี้ เขาต้องทนกับยาพิษที่ได้รับเข้าไป”