บทที่ 1272 – หุ่นเชิดสวรรค์อันน่าตกตะลึง 3 ปีก็มากพอ
สารานุกรมแห่งหุ่นเชิดสวรรค์!
เพียงแค่ชื่อของมันอย่างเดียวก็รู้ได้ว่ามันคืออะไร แต่เขาก็ไม่รู้รายละเอียดของมันมากนักและทำได้เพียงรับมันมา เขาเห็นว่าชายชราผู้นี้ดูธรรมดายิ่งนัก เขาดูมีสุขภาพที่ดีแต่ก็ดูไม่ใช่ยอดฝีมือ เขาไม่ใช่แม้แต่ผู้ฝึกยุทธระดับเซียนเทียน แต่ชิงสุ่ยนั้นบอกได้เลยว่าชายชราผู้นี้นั้นฝึกฝนร่างกายอย่างดีมาโดยตลอด
“ท่านปู่ ท่านปู่!”
มีเด็กคู่หนึ่งที่มีอายุประมาณ 5-6 ปียืนอยู่ไม่ไกลออกไป เด็กผู้ชายนั้นดูสุขภาพดีและสมส่วนในขณะที่เด็กผู้หญิงนั้นดูเฉลียวฉลาดและมีร่างกายที่ดี ชิงสุ่ยจำได้ว่าชายชราผู้นี้ได้บอกว่าหุ่นเชิดสวรรค์นั้นส่งต่อมาจากบรรพบุรุษของเขา นี่แสดงให้เห็นว่าตระกูลของเขานั้นเป็นผู้ฝึกยุทธมาเนิ่นนานแล้ว
ชิงสุ่ยรักทุกๆอย่างที่ชายชราผู้นี้ได้มอบให้ มันอาจคิดได้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นแน่นแฟ้นกันมากยิ่งขึ้น เพราะหากเป็นคนอื่นคงไม่มีใครที่จะมอบหุ่นเชื่อเช่นนี้ให้แก่เขาได้ แต่อย่างไรก็ตามในตอนนี้เขาไม่อาจทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้
เขานำ “ผลไม้มหัศจรรย์” ออกมา 2 ลูกและมอบให้กับเด็กทั้งสองคน ชายชราไม่ได้ห้ามปรามเขาแต่อย่างใด เมื่อเห็นว่าเด็กทั้งสองคนนั้นกินผลไม้ได้อย่างมีความสุขชิงสุ่ยมอบรูปแบบพยัคฆ์ฉบับคัดลอกที่เขาได้เขียนขึ้นเองให้กับชายชราอย่างลับลับ
ชิงสุ่ยยังมีพวกมันอีกมากมายภายในดินแดนหยกยุพราชอมตะ นอกจากนี้ยังมีรูปแบบอื่นที่เขาได้ฝึกฝน ดังนั้นเขาจึงมอบหนังสืออีกเล่มหนึ่งให้แก่ชายชรา แม้ว่าเขาต้องการจะเผยแพร่รูปแบบพยัคฆ์ออกไป แต่เขาก็ไม่ได้คิดที่จะให้ทุกๆคนได้รับรู้ เขาจะมอบให้แก่ผู้คนที่เหมาะสมเท่านั้น
สายตาของชายชราก็เป็นประกายออกมาและชิงสุ่ยก็ได้กล่าวขึ้น “ในตอนนี้ไม่มีผู้ใดได้ยินในสิ่งที่ข้าพูด โปรดฟังในสิ่งที่ข้ากำลังจะกลับ หนังสือเล่มนี้ที่ข้ามอบให้จะเป็นแนวทางในการฝึกยุทธให้แก่ท่าน นอกจากนี้ก็จะช่วยเปลี่ยนแปลงร่างกายให้แก่หลานของท่าน ท่านสามารถตัดสินใจได้ว่าจะให้พวกเขาเป็นผู้ฝึกยุทธหรือไม่ พวกเรากําลังจะจากที่นี่ไปแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นที่สนใจของคนอื่นๆท่านอย่ากระโตกกระตากไป”
ชิงสุ่ยและกลุ่มของเขาก็เดินออกไป ชายชราเห็นเด็กทั้งสองคนกำลังกินผลไม้นี้ในขณะที่มองไปทางชิงสุ่ยและกลุ่มของเขาด้วยความโหยหา
เคล็ดวิชาฝึกยุทธ… ชายชรารู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่ง บรรพบุรุษของเขาก็เป็นผู้ฝึกยุทธเช่นเดียวกัน แต่มันน่าเสียดายที่พวกเขาอ่อนแอลงเรื่อยๆและกลายเป็นครอบครัวของคนธรรมดาในที่สุด ชายชรานั้นมีลูกชาย และปกติแล้วลูกชายกับลูกสะใภ้ของเขาจะเป็นผู้ทำงานหาเงินในขณะที่ชายชราจะช่วยดูแลเด็กๆ เพราะเขามีเวลาว่างมากมายจากการเปิดร้านขายหุ่นเชิดเช่นนี้
เขาเองก็ไม่ได้อายุน้อยแล้วและมักจะคิดหาหนทางที่จะทำให้ลูกหรือหลานของเขากลายเป็นผู้ฝึกยุทธได้ เพราะนี่จะเป็นหนทางเดียวที่จะสามารถสร้างชื่อเสียงให้แก่วงศ์ตระกูลได้ แต่คนธรรมดาอย่างพวกเขาฝึกฝนได้แค่เคล็ดวิชาระดับพื้นๆและไม่อาจก้าวข้ามผ่านระดับโฮ่วเทียนไปได้
ในตอนนี้เขาไม่รู้แม้แต่ชายหนุ่มผู้นี้ได้มอบเคล็ดวิชาอะไรให้แก่เขาหรือเคล็ดวิชานี้จะสามารถพาเขาไปถึงระดับใดได้ แต่เขารู้สึกว่าชายหนุ่มผู้นี้มีจิตใจที่ดีและมันต้องเป็นอะไรที่เกินกว่าที่เขาคาดไว้อย่างแน่นอน
เพื่อไม่ให้เกิดความสงสัยชายชราจึงยังคงเปิดร้านของเขาจนถึงเวลากลางคืนก่อนที่จะปิดไป!
ชิงสุ่ยไม่ออกมาแล้วนะดังนั้นจึงไม่รู้ว่าชายชรานั้นคิดอะไรอยู่ เขาไม่อยากคิดอะไรมากเพราะพวกเขายังมีโอกาสที่จะได้พบกันในอนาคตและมันก็มีความเป็นไปได้มาก
ก่อนหน้านี้ชิงสุ่ยไม่ได้พูดถึงหุ่นเชิดที่เขาได้รับมาเลย นั่นเป็นเพราะมีคนมากมายอยู่รอบตัวเขาในเมื่อพวกเขาเห็นว่ามันเป็นเพียงหุ่นเชิดเก่าๆก็จะไม่สนใจทันที หุ่นเชิดที่มีสีสันสดใสในร้านนั้นยังดูดีกว่ามาก
…
“หุ่นเชิดพวกนี้เป็นของดีงั้นหรือ?” ติ๊เฉินเล่นกับหุ่นเชิดสีสันสดใสที่นางถืออยู่ก่อนที่จะถามขึ้น
“หุ่นเชิดนี้คือหุ่นเชิดสวรรค์และมันยังสามารถเพิ่มพลังป้องกันของผู้ใช้ขึ้นได้ในระดับหนึ่ง รวมถึงการโจมตีด้วยพลังวิญญาณเช่นกัน แต่แล้วมันจะเพิ่มขึ้นเท่าไหร่นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง มันน่าจะขึ้นอยู่กับอะไรบางอย่าง” ชิงสุ่ยยิ้มหน้ากากขึ้น
“โอ้? หากเป็นเช่นนั้นก็ถือว่าดียิ่งนัก มันจะทำงานเมื่อผู้ใช้สวมใส่มันงั้นหรือ?”
“มันน่าจะมีช่องที่ให้ใส่จิตแห่งปราณของผู้ใช้เข้าไปภายในนั้น ยิ่งจิตแห่งปราณทรงพลังมากเพียงใดก็จะยิ่งเพิ่มพลังได้มากขึ้นเท่านั้น เมื่อจิตแห่งปราณหมดลงผลของมันก็จะหายไป”
“โอ้? มันก็ถือว่าไม่เลว แต่ก็ยังคงธรรมดา” ติ๊เฉินคิดครู่หนึ่งก่อนที่จะกลับขึ้น
“ไว้ค่อยศึกษามันต่อในตอนที่เรากลับกันแล้ว ที่นี่ดูไม่เหมาะสมเท่าไหร่” ชิงสุ่ยโยนหุ่นเชิดนั้นกลับเข้าไปยังดินแดนหยกยุพราชอมตะ
เขายังถือหุ่นเชิดขนาดเล็กสีเขียวที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ ไม้ที่ใช้สร้างมันเป็นไม้ธรรมดาที่มีอายุประมาณ 100 ปี ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาไม้ที่มีอายุ 100 ปีนั้นยากยิ่งนักที่จะหาได้แต่ในโลกใบนี้มันกลับหาได้อย่างง่ายดาย
ฝีมือในการผลิตและพื้นผิวบางส่วนที่ขรุขระไม่ได้ส่งผลต่อความงดงามของมัน สีที่ใช้ในการย้อมอันนั้นได้มาจากพืช มันไม่ได้มีความสามารถไปมากกว่าเป็นของเล่นของเด็กๆ แน่นอนว่ามันยังสามารถใช้ในการตกแต่งบ้านได้เช่นกัน
…
พวกเขาเดินดูรอบเมืองนี้อย่างสบายๆและใช้เวลากว่าครึ่งวันไปกับการเดิน ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในตลอดการเดิน บางครั้งก็จะซื้อของบางอย่างและกินอาหารพื้นเมืองของที่นี่
ชิงสุ่ยชอบบรรยากาศในการทานอาหารพื้นเมืองข้างทางเช่นนี้ อาหารที่ขายตามข้างทางนั้นต่างจากอาหารปกติและอร่อยกว่ามาก โดยเฉพาะอาหารที่มีรสชาติที่เข้มข้น แน่นอนว่าก็ยังมีอาหารข้างทางที่รสชาติแย่ ส่วนที่สำคัญที่สุดนั้นคือน้ำซุปและเครื่องปรุงรส สิ่งที่พวกเขาได้กินในวันนี้นั้นถือว่ารสชาติค่อนข้างดี
ในตอนนี้ชิงสุ่ยคิดว่าเขาสามารถทำของทานเล่นเองได้ นี่เป็นเหมือนเคล็ดลับในการทานอาหารที่เขาได้รับมา ในอนาคตเขาจะสามารถสร้างเครื่องเทศของตนเองเพื่อรสชาติที่แตกต่างจากทุกๆอย่าง
ย้อนกลับไปเมื่อเขาอยู่ในตระกูลชิง เขาก็ได้สร้างขนมง่ายๆให้แก่พวกเด็กๆ นั่นก็ถือว่าเป็นของทานเล่นเช่นกัน
ถ้าเขาไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธเขาก็น่าจะเป็นคนขายอาหารหรือไม่ก็นักชิม แต่ในตอนนี้มันเป็นเพียงแค่ความคิดเท่านั้น เขาทำอาหารเพียงเพื่อทุกๆคนที่อยู่รอบตัวเขาเท่านั้น
เมื่อถึงเวลากลุ่มของเขาก็เดินทางกลับไปยังสำนักสวรรค์เร้นลับอีกครั้ง ตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้วและดอกไม้ไฟก็ก็ขึ้นมาแต่งแต้มท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว เมื่อดอกไม้ไฟลูกแรกขึ้นมาลูกต่อไปก็ตามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
พื้นที่รอบรอบสำนักสวรรค์เร้นลับนั้นง่ายต่อการจุดดอกไม้ไฟ เพียงแต่หลังจากสำนักสวรรค์เร้นลับได้จุดดอกไม้ไฟแล้วคนที่อยู่รอบๆก็เริ่มจุดดอกไม้ไฟของตัวเองเช่นกัน พวกเขาอยู่ที่ลานฝึกฝนและมองท้องฟ้าที่สว่างไสว โลกใบนี้ช่างงดงามยิ่งนัก
น่าเสียดายที่อวี้ ลู่หยานไม่ได้อยู่กับเขาที่นี่ นี่ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง ในตอนนี้นางก็น่าจะคิดถึงเขาเช่นกัน ตระกูลชิงก็น่าจะเริ่มจุดดอกไม้ไฟแล้วเหมือนกัน… ทุกคนยังสบายดีไหมนะ…
ชิงสุ่ยยังคิดถึงลูกๆของเขา เขาไม่ใช่พ่อที่ดีเลยและได้ทำผิดต่อผู้คนมากมาย แต่พวกนางก็ไม่ได้เกลียดชังเขา ความพยายามที่เขาวางไว้ในวันนี้ก็เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการพร้อมหน้ากัน
“มาเถอะ นำหุ่นเชิดพวกนี้ออกมากัน ดอกไม้ไฟจะมีมาเรื่อยๆและมันน่าจะงดงามยิ่งกว่านี้อีก” ชิงสุ่ยยิ้มและนำหุ่นเชิดสวรรค์ออกมาสวมที่มือของทุกๆคน
หุ่นเชิดพวกนี้ไม่ได้ดูสกปรกเลยเพียงแต่สีสันของมันดูธรรมดาเกินไป
ชิงสุ่ยนำเข็มมาจิ้มนิ้วของตนเองและจากนั้นก็หยดเลือดลงไปบนหุ่นเชิดสวรรค์ ทันใดนั้นเขาก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่แปลกประหลาดและหุ่นเชิดนี้ก็ดูจะมีจิตวิญญาณของตัวเองขึ้นมาทันที หากไม่ใช่เพราะว่าชิงสุ่ยมีความสามารถในการรับรู้ที่ทรงพลัง เขาคงคิดว่านี่เป็นภาพลวงตา
จากนั้นชิงสุ่ยก็พยายามที่จะเชื่อมต่อกับมันด้วยจิตแห่งปราณแต่เขาก็ยังไม่อยู่ในระดับที่สามารถทำได้ เขายังไม่ได้ทดสอบดูว่ามันสามารถเพิ่มพลังของเขาได้มากเพียงใด หญิงสาวทุกคนก็ทำแบบเดียวกับเขาเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของต่อหุ่นเชิดพวกนี้
เรื่องเหล่านี้สามารถเข้าใจได้ง่ายทันทีเมื่อเขาแสดงให้ดูเป็นตัวอย่างแล้ว แม้ว่าพวกนางจะไม่มีความรู้ในเรื่องนี้แต่ก็เข้าใจเรื่องการผูกพันธะความเป็นเจ้าของ นี่เป็นเรื่องที่ธรรมดาอย่างยิ่ง
ชิงสุ่ยคิดว่ามันน่าจะสามารถช่วยลดพลังโจมตีที่เข้ามาได้ 10% แม้เพียง 10% นั้นก็ถือว่าน่ากลัวอย่างยิ่ง แต่มันก็เป็นเรื่องยากที่เขาจะฝึกฝนมันให้ไปถึงระดับนั้นเช่นกัน
แม้ว่ามังกรไอยราเกล็ดทองคำที่ทรงพลังอย่างยิ่งในตอนนี้ มันก็สามารถลดพลังโจมตีของศัตรูลงไปได้เพียง 10% เท่านั้น ฮาหุ่นเชิดสวรรค์สามารถช่วยลดพลังโจมตีที่เข้ามาได้ 10% มันจะเทียบได้กับวชิระสยบอสูรของมังกรไอยราเกล็ดทองคำ ดังนั้นชิงสุ่ยรู้สึกว่ามันไม่ง่ายเลยที่เขาจะเพิ่มความชำนาญของหุ่นเชิดสวรรค์ ในตอนนี้เป้าหมายของชิงสุ่ยนั้นคือช่วยลดพลังโจมตีที่เข้ามา 5%
ยิ่งมันเป็นสิ่งที่ทรงพลังและท้าทายสวรรค์มากเพียงใด มันก็ยิ่งยกระดับขึ้นได้ยากมากเท่านั้น นี่เป็นเหมือนความเท่าเทียมกันของโลกใบนี้ ดังนั้นไม่ต้องคาดเดาก็รู้ว่ามันมีความสามารถที่น่ากลัวเพียงใด แม้แต่ลูกประคำอธิษฐานศักดิ์สิทธิ์ สมบัติที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนักในหมู่สมบัติศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด มันมีความสามารถเพียงลดการโจมตีด้วยพลังวิญญาณที่เข้ามาลงไปได้ครึ่งหนึ่งและเป็นสมบัติที่ไม่สามารถยกระดับขึ้นได้
แต่ลูกประคำอธิษฐานศักดิ์สิทธิ์งั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายสวรรค์อย่างแท้จริง น่าเสียดายที่มันมีผลต่อพลังวิญญาณเท่านั้น
หุ่นเชิดสวรรค์ร้านมีผลทางการโจมตีด้วยพลังวิญญาณและการโจมตีปกติ ดังนั้นเพียงแค่ 10% ก็ถือว่าน่ากลัวมากยิ่งนักแล้ว แต่จะให้มันแสดงผลเช่นนี้ออกมาได้ระดับของมันก็ต้องอยู่ในระดับที่สูง แต่เมื่อเทียบกับตะเกียงร้อยวิญญาณและสมบัติชนิดอื่น มันเป็นเรื่องยากยิ่งนักที่จะเพิ่มระดับของมัน
เขามีเวลาอยู่มากมายและไม่ต่างกันเลยสำหรับเขาที่จะฝึกฝนอะไรเพียงอย่างเดียวหรือฝึกฝนเป็นร้อยอย่าง มันทำให้เขารู้สึกเพลิดเพลินมากยิ่งขึ้น
ท้องฟ้าในตอนนี้มืดสนิทลงไปแล้วแต่ดอกไม้ไฟก็ยังเปล่งประกายอยู่บนท้องฟ้า เสียงของดอกไม้ไฟดังออกไปทุกหนแห่งและสีสันของมันทำให้ท้องฟ้าในคืนนี้ดูมีชีวิตชีวายิ่งนัก ชิงสุ่ยหญิงสาวทุกๆคนนั่งอยู่ในศาลาหินพร้อมกับดื่มชาอย่างมีความสุข มันเป็นความรู้สึกที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก
นี่เป็นปีที่ 2 แล้วที่เขาได้มาถึงมหาทวีปอู่เซียตะวันตก มีเวลาอีก 3 ปีก่อนที่เขาจะจากที่นี่ไป ช่วงเวลา 3 ปีนี้เขารู้สึกว่าเขาสามารถอยู่ได้เพียงที่มหาทวีปอู่เซียตะวันตก หวังว่าเขาจะสามารถไปยังอีกฝั่งนึงของมหาทวีปอู่เซียตะวันตกภายใน 3 ปีนี้และหาหนทางที่จะไปยังอีก 3 มหาทวีปที่เหลือได้
ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าเขาจะสามารถทำมันให้สำเร็จได้หรือไม่หรือเวลา 3 ปีจะเพียงพอหรือไม่ สำหรับชิงสุ่ยเวลา 3 ปีนั้นก็ถือว่ายาวนานยิ่งนัก ความสามารถของเขาควรจะพุ่งทะยานขึ้นไปมากกว่านี้ นอกจากนี้เขายังมีเหล่าสัตว์อสูรและสำนักสวรรค์เร้นลับที่คอยช่วยเหลือเขามากมาย
…
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วและนี่ก็เป็นวันที่ 3 หลังจากวันปีใหม่แล้ว ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาหุ่นเชิดสวรรค์นั้นสามารถไปถึงระดับขั้นแรกได้ หลังจากลองทดสอบมันดูก็พบว่ามันสามารถลดพลังโจมตีที่เข้ามาได้เพียง 1% เท่านั้น
1% นั้นไม่ถือว่ามากเลยกล่าวตามตรงมันช่างน้อยนิดยิ่งนัก แต่ในภายภาคหน้าเมื่อระดับของมันเพิ่มมากขึ้น มันจะสามารถเพิ่มขึ้นไปถึง 5%ได้หรือไม่? หากมันสามารถเพิ่มขึ้นไปถึง 10% ได้เช่นนั้นเขาย่อมมีความสุขอย่างยิ่ง 10% นั้นถือว่าทรงพลังยิ่งนัก
สิ่งที่ทำให้ชิงสุ่ยมีความสุขมากที่สุดนั้นคือหลังจากที่เขาได้อ่านสารานุกรมแห่งหุ่นเชิดสวรรค์ เขาก็พบว่ามันมีวิธีที่จะสร้างหุ่นเชิดสวรรค์ขึ้นมาได้ ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจกับวัสดุที่จำเป็นในการทำหุ่นเชิดสวรรค์รวมไปถึงไม้อับเฉา 1,000 ปี
อีกเรื่องหนึ่งคือชิงสุ่ยนั้นตระหนักได้ว่าหุ่นเชิดสวรรค์นั้นน่าจะมีความสามารถหรืออื่นนอกเหนือจากการลดพลังโจมตีที่เข้ามาได้ ของพวกนี้เป็นเพียงหุ่นเชิดสวรรค์ระดับต่ำ หุ่นเชิดสวรรค์ระดับสูงนั้นสามารถช่วยเพิ่มพลังโจมตี ความเร็ว หรือแม้กระทั่งสามารถนำมาใช้เพื่อช่วยชีวิตตนเองได้
มันน่าเสียดายที่ชิงสุ่ยไม่อาจสร้างหุ่นเชิดสวรรค์ระดับนั้นได้ในตอนนี้ เขาเองก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะสร้างมันได้เช่นกัน ทำได้เพียงรู้สึกพึงพอใจกับสิ่งที่มีอยู่ หุ่นเชิดสวรรค์นั้นสามารถใช้ร่วมกับเครื่องรางแห่งสวรรค์ได้ เขากำลังศึกษาที่ทุกอย่างในสารานุกรมแห่งหุ่นเชิดสวรรค์และพยายามที่จะยกระดับมันขึ้น
มันไม่มีอันตรายใดๆในการศึกษาเรื่องพวกนี้สิ่งเดียวที่สูญเสียไปนั่นคือเวลาเท่านั้น เขาอาจจะยังไม่สามารถรับรู้ได้ถึงหนทางในการยกระดับคลื่นสวรรค์ขั้นที่ 8 ของเคล็ดเสริมกายาบรรพกาล หลังจากที่ดินแดนหยกยุพราชอมตะของเขาได้ยกระดับมาถึงระดับที่ 8 เขาก็เหมือนเห็นหนทางของการไปสู่คลื่นสวรรค์ขั้นที่ 8 ของเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลแต่น่าเสียดายที่หนทางนั้นยังคงไกลเหลือเกิน มันเหมือนกับก้อนเมฆที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า ยากยิ่งนักที่จะไขว่คว้าเอามาได้