Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล – ตอนที่ 1307

ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 1307 – จักรวรรดิปราณทวะ นิกายพุทธองค์ทองคำแห่งมหาทวีปอู่เซียตะวันตก อีกครั้งที่ได้ยินชื่อของจักรวรรรดิอุดรเทวะ

 

ชิงสุ่ยพยักหน้าและเดินเข้าไปในนิกายรูปแบบอมตะพร้อมกับทุกคน สภาพแวดล้อมเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วด้วยรูปแบบ สิ่งนี้ช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางของพวกเขาถึง 99% ภายในเวลาอันสั้น พวกเขาก็มาถึงพระราชวังศิลา

 

พระราชวังศิลามีขนาดใหญ่มากและภายในสะอาดหมดจด ส่วนใหญ่สิ่งของทั้งหมดเงาวับและทำมาจากศิลาที่สะอาด พวกมันดูเหมือนศิลาหยกมาก โลกนี้เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ มันเทียบไม่ได้กับสิ่งที่เขาเคยรู้จักในภพก่อนหน้านี้ หลายสิ่งที่เคยได้ยินหรือจินตนาการในอดีตกลายมาเป็นสิ่งของปกติรอบๆตัวเขาที่นี่

 

“น้องชาย เจ้าอยู่ที่ไหนในตอนนี้?” ชุ่ยเฟิงรู้ว่าชิงสุ่ยอยู่กับถานท่ายหยวน ดังนั้นทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย อย่างไรก็ตามแม้ว่าเทือกเขาปู๋โถวจะไม่ยอมรับสาวกชาย แต่ก็ยังง่ายสำหรับพวกเขาที่จะช่วยให้ชิงสุ่ยหานิกายอยู่ เขาเป็นคนหนึ่งที่รู้ดีว่าชิงสุ่ยมีพรสวรรค์ แน่นอนว่าไม่นานก็จะมีนิกายเข้ามาเชื้อเชิญชิงสุ่ย

 

ในขณะนี้เขารู้แค่ว่าชิงสุ่ยแข็งแกร่งมาก แต่จะแข็งแกร่งมากแค่ไหน เขายังไม่ค่อยแน่ใจ อย่างไรก็ตามด้วยการตัดสินจากท่าทีประหลาดใจของเหล่าผู้อาวุโสและสายตาของผู้นำนิกาย เขารู้อย่างแน่ชัดว่ามันช่างน่าเกรงขาม

 

ชุ่ยเฟิงรู้ว่าเทือกเขาปู๋โถวทรงพลังมาก แต่เขาไม่เคยคิดว่าจะสามารถเทียบเคียงกับสำนักสวรรค์เร้นลับได้ ในทางกลับกันนิกายรูปแบบอมตะเป็นเพียงแค่นิกายระดับหนึ่ง

 

“ก่อนหน้านี้ข้าอยู่ที่เมืองเหยียน หลังจากนั้นข้าก็เดินไปที่สำนักสวรรค์เร้นลับ วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อขอบางสิ่งบางอย่างจากพี่ใหญ่และใช้เวลาอยู่กับท่าน ก่อนหน้านี้ข้ายุ่งมาก เพราะฉะนั้นข้าจึงไม่สามารถทำมันได้” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

“ข้าจะช่วยอะไรเจ้าได้บ้างหล่ะ?” ชุ่ยเฟิ รู้สึกประหลาดใจมาก เพราะเขาไม่รู้ว่าเขาจะช่วยชิงสุ่ยได้อย่างไร

 

“นิกายรูปแบบอมตะคอยปกป้องแท่นเคลื่อนย้ายบรรพกาลมานานหลายปี ข้าอยากรู้ว่านิกายพุทธองค์ทองคำใน 5 มหาทวีปคือนิกายเดียวจกันจากมหาทวีปอู่เซียตะวันตกหรือไม่ มันจะใช้เวลามากเกินไปถ้าข้าพยายามค้นหาข้อมูลนี้เพียงลำพัง ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากท่าน”

 

“นิกายพุทธองค์ทองคำ? ตระกูลเป่ยถัง หนึ่งในสันเขาราชันย์ราชสีห์งั้นหรือ?” ชุ่ยเฟิงกล่าวในขณะที่เขามองไปที่ชิงสุ่ย

 

“ถูกต้อง!”

 

“นิกายพุทธองค์ทองคำตั้งอยู่ภายในจักรวรรดิปราณทวะ นิกายพุทธองค์ทองคำเป็นที่นิยมมากในจักรวรรดิดังกล่าว แม้ว่าจะเป็นจักรวรรดิระดับหนึ่ง แต่ก็มีสถานะที่สูงมากในจักรวรรดิปราณทวะและยังเป็นปริศนาที่ลึกลับจริงๆ”

 

ชิงสุ่ยไม่เคยคาดคิดว่าจะได้รับข่าวเกี่ยวกับนิกายพุทธองค์ทองคำเร็วๆนี้ มันทำให้เขามีความสุขจริงๆ อย่างน้อยตอนนี้เขาก็มีตำแหน่งของมันแล้ว สิ่งต่างๆดูเหมือนจะแตกต่างจากนิกายพุทธองค์ทองคำใน 5 มหาทวีป แม้จะเป็นจักรวรรดิระดับหนึ่ง แต่พวกเขาก็ถือว่าทำได้ดีทีเดียว แต่แน่นอนถ้าพวกเขาถูกรังแกโดยผู้มีอำนาจอื่นๆ มันก็ไม่มีใครสามารถรู้ได้เช่นกัน …

 

“ตระกูลเป่ยถังเป็นแซ่ของตระกูลราชวงศ์ในมหาทวีปอู่เซียตะวันตกซึ่งก็คือจักรวรรรดิอุดรเทวะ พวกเขาเป็นจักรวรรดิระดับสามและตั้งอยู่ทางใต้ของมหาทวีปอู่เซียตะวันตกใกล้กับจักรวรรดิปราณทวะ”

 

ชุ่ยเฟิงกล่าวเฉพาะประเด็นหลัก แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่สิ่งที่เขาพูดก็มีใจความสำคัญจริงๆ ด้วยชื่อที่เอ่ยถึงและสถานที่ เหตุนี้จึงทำให้ชิงสุ่ยหามันพบได้ง่าย

 

คนอื่นๆจากนิกายรูปแบบอมตะได้จัดเตรียมเลี้ยงอาหารเอาไว้และกล่าวขอตัวออกไป ภายในห้องโถงใหญ่เหลือเพียงชิงสุ่ยและชุ่ยเฟิงเท่านั้น

 

“พี่ชาย ท่านเคยคิดถึงการขึ้นครองนิกายรูปแบบอมตะหรือไม่?” ชิงสุ่ยและชุ่ยเฟิงชนจอกสุรากันและยิ้ม

 

ชุ่ยเฟิงมองไปที่ชิงสุ่ยและส่ายหน้า “ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง พลังของข้าไม่เพียงพอที่จะเข้ารับตำแหน่งผู้นำนิกายรูปแบบอมตะ”

 

“เช่นนั้นท่านต้องแข็งแกร่งแค่ไหนหากจะทำมัน?” ชิงสุ่ยยิ้มและพูด

 

เมื่อชุ่ยเฟิงได้ยินคำพูดของชิงสุ่ย ดวงตาของเขาก็ส่องสว่างขึ้น เขารีบมองไปที่ชิงสุ่ยด้วยความไม่เชื่อ “น้องชาย เจ้าสามารถช่วยยกระดับพลังของข้าได้ไหม?”

 

“แน่นอน ตราบเท่าที่ความแข็งแกร่งของท่านเพิ่มขึ้น มันคงไม่เป็นปัญหาสำหรับท่านที่จะเข้ารับตำแหน่งผู้นำนิกายรูปแบบอมตะ” ชิงสุ่ยรู้ว่าตำแหน่งผู้นำนิกายรูปแบบอมตะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชุ่ยเฟิงมากขึ้น

 

หลังจากที่อิ่มท้องและผ่อนคลายแล้ว ชิงสุ่ยช่วยชุ่ยเฟิงฟื้นฟูร่างกาย นอกจากนี้เขายังใช้ฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิตและสิ่งอื่น ๆ เพื่อช่วยให้ชุ่ยเฟิงเพิ่มขึ้น อย่างน้อยตอนนี้เขาเป็นผู้พิทักษ์ธรรมในแง่ของความแข็งแกร่ง ต่อไปพลังของเขาจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เร็วๆนี้ชุ่ยเฟิงคงอยู่ในระดับเดียวกันกับผู้นำนิกายรูปแบบอมตะ

 

……

 

ชิงสุ่ยอยู่ในนิกายรูปแบบอมตะเพียงช่วงวันเท่านั้น ถึงแม้ว่ามันจะมืดลงแล้ว แต่เขายังยืนกรานที่จะออกเดินทาง ชุ่ยเฟิงออกมาส่งชิงสุ่ยจนถึงตีนเขา ไม่ว่าในกรณีใดสิ่งที่ชิงสุ่ยให้แก่เขาอาจพิจารณาได้ว่าเป็นการเปลี่ยนชีวิตทั้งหมดของเขาไปเลย

 

มนุษย์เป็นเช่นนี้เสมอ เช่นเดียวกับในภพที่ผ่านมาของเขา มีบางอย่างที่คนสามัญไม่สามารถบรรลุได้แม้ว่าจะใช้ทั้งชีวิตของพวกเขาก็ตาม แต่สำหรับคนที่มีเงินและอำนาจทั้งหมดที่ต้องใช้ก็เพียงแค่คำพูดหนึ่งคำ คนส่วนใหญ่ในโลก 9 มหาทวีปไม่สามารถแม้แต่จะเข้าถึงระดับปราณเทวะเซียนเทียนได้ แต่สำหรับบางคนเพียงแค่มรดกของตระกูลที่มีอยู่ พวกเขาก็แทบจะเหนือกว่าระดับปราณนักบุญพิโรธแล้ว นับตั้งแต่พวกเขาเกิดมาพวกเขาก็เพียบพร้อมไปด้วยยาสมุนไพรและเคล็ดวิชาการต่อสู้ นอกจากนี้พวกเขายังมีผู้เชี่ยวชาญที่ช่วยในการเสริมสร้างรากฐาน พวกเขาทะลวงเข้าสู่ระดับปราณนักบุญพิโรธตั้งแต่ยังเยาว์วัย นี่คือความแตกต่างระหว่างพวกเขาและคนธรรมดา ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าไม่มีความเป็นธรรมอย่างแน่นอนไม่ว่าคนเราจะอยู่ที่ไหน บางคนอาจเกิดมาพร้อมกับสิ่งที่คนอื่นไม่สามารถทำได้ แม้อีกฝ่ายจะทำงานอย่างหนักมาเป็น 10 ปี

 

ตอนนี้การฝังเข็มและยารักษาโรคของชิงสุ่ยซึ่งอาจดูเหมือนธรรมดา แต่จริงๆแล้วมันมีมูลค่ามากในหลายๆเมือง มันมาพร้อมกับผลประโยชน์อันมหาศาล

 

ชิงสุ่ยตัดสินใจที่จะไปยังจักรวรรดิปราณทวะเพื่อสังเกตการณ์ สถานที่แห่งนี้อยู่ใกล้กับที่นี่มาก แต่อย่างไรก็ตามเขาเกือบจะถึงขีดจำกัดของการใช้ทักษะย่างก้าว 9 เทวา บางทีเขาอาจจะไปถึงที่นั่นในวันพรุ่งนี้

 

เขาอยู่บนหลังของวิหคเพลิงและบินไปอย่างเรื่อยเปื่อย ตอนนี้ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว แต่ท้องฟ้ายังไม่มืดสนิท

 

จักรวรรรดิอุดรเทวะ

 

มันเป็นจักรวรรดิระดับสาม หากมองดูผิวเผินมันยากที่จะตัดสินความแข็งแกร่งของพวกเขา นี่ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจมากในขณะที่เขาไม่เคยคิดว่าตระกูลเป่ยถังจะประสบความสำเร็จในมหาทวีปอู่เซียตะวันตก

 

อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยไม่แน่ใจว่าตระกูลเป่ยถังได้ทำอะไรที่ทำให้พวกเขากลับไปยัง 5 มหาทวีปหรือไม่ เมื่อตอนที่เขาอยู่ใน 5 มหาทวีป ด้วยการสัมผัสกับตัวเอง เขาเคยได้ยินมาก่อนว่าตระกูลเป่ยถังในอีก 4 มหาทวีปนั้นทรงพลัง

 

ในวันที่สองหลังจากที่เขาออกมาจากดินแดนหยกยุพราชอมตะ ชิงสุ่ยได้ใช้ทักษะย่างก้าว 9 เทวาและเดินไปทางไปยังจักรวรรดิปราณทวะ ชิงสุ่ยไม่ค่อยรู้สึกเหมือนกำลังเดินทางไปที่นั่น ช่วงเวลานี้จิตใจของเขาจดจ่ออยู่กับการแก้ปัญหากับตระกูลเป่ยถัง เขากลัวว่าถ้าแท่นเคลื่อนย้ายบรรพกาลถูกปลดล็อคภายใน 5 ปี ใครบางคนจากตระกูลเป่ยถังอาจมุ่งหน้าไปยังตระกูลชิงและพวกเขาอาจไม่สามารถรับมือได้

 

ยิ่งเขาคิดถึงอะไรมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกไม่สงบ โชคดีที่ตอนนี้ด้วยความแข็งแกร่งของเขา เขาไม่ได้กลัวตระกูลเป่ยถังอีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะจัดการให้เด็ดขาด เมื่อจำเป็นเขาจะไม่ลืมว่าต้องทำลายล้างพวกเขาให้สิ้นซาก เขาไม่ต้องการให้สิ่งใดเกิดขึ้นกับตระกูลชิง

 

จักรวรรดิปราณทวะ!

 

ในสายตาของชิงสุ่ย จักรวรรดิระดับหนึ่งและสองไม่ถือว่ามีอะไร ชิงสุ่ยสามารถปัดกวาดพวกเขาได้อย่างง่ายดาย นี่เป็นการกุมอำนาจเอาไว้อย่างสมบูรณ์ ขณะที่ภายใน 5 มหาทวีป จักรวรรดิระดับหนึ่งและสองถือเป็นขุมกำลังที่ยิ่งใหญ่

 

5 มหาทวีปมีความเจริญรุ่งเรือง มหาทวีปอู่เซียตะวันตกก็เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับจักรวรรดิปราณทวะ มันเป็นข้อได้เปรียบของการมีสินค้าและวัตถุดิบมากมาย ที่นี่แทบจะไม่มีผู้ที่ยากจนหรือหิวโหย มันเป็นสถานที่ที่มั่นคง

 

ถึงแม้ว่าดินแดนนี้จะอุดมไปด้วยทรัพยากร แต่สถานที่ส่วนใหญ่ก็ถูกคุกคามโดยสัตว์อสูร ดังนั้นทั่วทั้งทวีปจึงฝึกฝนศิลปะการต่อสู้เป็นนิสัย เพียงทำเช่นนี้พวกเขาก็สามารถอยู่รอดได้ดียิ่งขึ้น

 

คนสามัญจะซื้อขายทรัพย์สินบางอย่างกับตระกูลขุนนางที่มีอำนาจหรือจักรวรรดิเพื่อแลกกับสภาพความเป็นอยู่ที่สงบ สัตว์อสูรไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาสามารถจัดการได้

 

เมืองหลวง!

 

แม้ว่านิกายพุทธองค์ทองคำจะมีตำแหน่งสูงในจักรวรรดิปราณทวะ แต่นักบวชก็ไม่ใช่สิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปที่นั่น ในความเป็นจริงเขารู้สึกว่าเขาต้องตรวจสอบดูโดยการไปที่เมืองหลวง ถ้าแม้แต่สถานที่นั้นก็ไม่พบนักบวช ทุกอย่างก็จะเป็นเพียงการพูดปากเปล่าเท่านั้น เขารีบเดินทางไปยังเมืองหลวง

 

จักรวรรดิปราณทวะ!

 

ในขณะที่ชิงสุ่ยเห็นวัดอันโอ่อ่าและนักบวช 2-3 คนที่สวมเครื่องแต่งกายที่คล้ายกับนิกายพุทธองค์ทองคำในมหาทวีปธรรมไตร เขารู้ได้ทันทีว่านิกายพุทธองค์ทองคำต้องมีตำแหน่งที่สูงในจักรวรรดิปราณทวะ

 

วัดพุทธองค์ทองคำ

 

สถานที่แห่งนี้เป็นวัดขนาดใหญ่ซึ่งครอบครองพื้นที่จำนวนมากภายในเมืองที่แสนเจริญที่สุด เมื่อมองจากด้านบน สถานที่นี้ถูกกั้นไว้ด้วยประตูสองแห่ง ประตูทางใต้มีธูปหอมที่ถูกจุดไว้จำนวนมากมาย ชาวบ้านสามัญชนจำนวนมากหลั่งไหลผ่านเข้าออกประตู ท้องฟ้าเหนือวัดพุทธองค์ทองคำเต็มไปด้วยควันจากธูปหอม

 

ทันใดนั้นชิงสุ่ยรู้สึกว่ามีกลิ่นอายที่น่ากลัวเล็กน้อยรอบวัดพุทธองค์ทองคำ กลิ่นอายเหล่านี้ไม่ใช่ของที่จักรวรรดิระดับหนึ่งควรจะมี

 

พลังแห่งศรัทธา?

 

ชิงสุ่ยจ้องเขม็งไปที่ควันบนท้องฟ้าซึ่งไม่กระจายตัวออก เขานึกถึงเรื่องตำแหน่งของนิกายพุทธองค์ทองคำ สถานที่แห่งนี้เป็นที่แพร่หลาย พลังแห่งศรัทธาช่างน่าจะเหลือเชื่อ จนถึงขณะนี้ชิงสุ่ยก็ยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับมัน

 

ความเชื่อภายในจักรวรรดิมีความสำคัญมาก หากเหล่าตระกูลจักรวรรดิได้รับความนิยมจากประชาชนเป็นอย่างมาก ตัวจักรวรรดิก็จะมีความมั่งคั่ง

 

นี้อาจหมายถึงคำกล่าวที่ว่า ‘หยดน้ำเล็กๆเมื่อรวมกันก็สามารถกลายเป็นมหาสมุทร’ ชิงสุ่ยยืนอยู่บนท้องฟ้าและมองไปทางทิศเหนือของวัดพระพุทธองค์ทองคำ นั่นคือวัดพุทธองค์ทองคำที่แท้จริง บริเวณนั้นมีเพียงนักบวชซึ่งเป็นรากฐานแห่งวัดพุทธองค์ทองคำ

 

ชิงสุ่ยลอยอยู่อากาศ ไม่นานหลังจากนั้นนักบวชสามคนที่แต่งกายด้วยวีจรทองคำก็บินขึ้นมาอย่างรวดเร็วจากด้านล่าง พวกเขาเป็นชายชรา 3 คนผู้มีรูปร่างสูงผิดปกติและดูสงบ

 

แต่ในขณะที่พวกเขาเห็นชิงสุ่ย พวกเขาก็ถึงกับตกใจ สาเหตุเนื่องจากชิงสุ่ยยังเยาว์เกินไป ชายชราคนหนึ่งนำทางเดินไปข้างหน้าและโค้งคำนับด้วยมือทั้งสองข้าง “คุณชาย ข้ามาที่นี่เพื่อแสดงความเคารพต่อท่าน”

 

ความแข็งแกร่งอยู่เหนือทุกสิ่ง จนถึงตอนนี้รูปลักษณ์ของเขาเป็นเพียงเรื่องรอง พวกเขาคิดว่าการปรากฏตัวของชิงสุ่ยไม่ได้แสดงให้เห็นถึงอายุที่แท้จริงของเขา จากเรื่องทั้งหมดมีผู้คนจำนวนมากที่ชำนาญในการรักษาความอ่อนเยาว์ของพวกเขา

 

“ผู้อาวุโส ท่านไม่จำเป็นต้องมากพิธี” ชิงสุ่ยยิ้มและทักทายกลับ เขารู้สึกสงสัยมากขึ้นในขณะที่เขามองไปที่นักบวช 3 คนนี้ นั่นเป็นเพราะพวกเขาสามารถซ่อนพลังที่แท้จริงเอาไว้ได้ พวกเขาอาจดูเหมือนมีพลังแค่ 1,000 สุริยา แต่พลังที่เก็บซ่อนไว้มีประมาณ 5,000 สุริยา

 

ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจและนักบวชทั้งสามก็เป็นเช่นนั้น เพราะความรู้สึกที่พวกเขาสัมผัสจากชิงสุ่ยเป็นเหมือนภูเขาสูงที่ไม่สามารถข้ามผ่านได้

 

“ข้าขอทราบที่ไปที่มาของท่านได้หรือไม่ คุณชาย? ข้าแทบไม่เคยเห็นท่านมาก่อนเลย”

 

“ผู้อาวุโสอย่าได้มากพิธีเลย เรียกข้าว่าชิงสุ่ยเถอะ”

 

“คุณชายชิง มีสิ่งใดที่ท่านต้องการหรือมองหาจากนักบวชเช่นพวกเราหรือไม่?”

 

แม้แต่นักบวชก็พบว่าเป็นเรื่องยากที่จะละทางโลก ต่อหน้าผู้คน พวกเขาเป็นเหมือนเทพและนักบวชที่น่าเลื่อมใส แต่พวกเขาทั้งหมดรู้ดีว่าในสายตาของผู้เชี่ยวชาญ พวกเขาไม่มีอะไรเลย

 

“ข้ามาจาก 5 มหาทวีป ข้าสงสัยว่าท่านยังจำนิกายพุทธองค์ทองคำใน 5 มหาทวีปได้หรือไม่” ชิงสุ่ยยิ้มและพูด

 

“ข้าจำได้ แน่นอนข้าจำได้ นานแล้วที่มีคนมาจาก 5 มหาทวีปมาที่นี่” นักบวชดูเหมือนจะชื่นชมเขาในขณะนี้

 

“บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งของนิกายพุทธองค์ทองคำใน 5 มหาทวีปได้เคยฝากฝังให้ข้าช่วยดูแล แต่ดูเหมือนว่าข้าจะกังวลมากเกินไป”

 

“คุณชายชิง นิกายพุทธองค์ทองคำต้องการให้ท่านดูแล” นักบวชกล่าวอย่างจริงจัง

 

“ผู้อาวุโส มันอาจเป็นไปได้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น?” ชิงสุ่ยไม่ได้คาดคิดว่านักบวชจะกล่าวเช่นนั้น

 

“พวกเราได้รับศิลาพระพุทธรูปมาอย่างลึกลับ ทั้งจักรวรรรดิอุดรเทวะและจักรวรรดิราชสีชาตะได้พยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังจากนั้นพวกเขาก็ร่วมมือกันเพื่อบังคับให้พวกเรามอบศิลาให้” เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ ชายชราก็ไม่รู้จริงๆว่าเขาควรจะทำอะไร มันทำให้เขาไม่ลังเลที่จะพูดออกมา

 

“จักรวรรรดิอุดรเทวะ?”

 

ชิงสุ่ยไม่เคยคาดคิดว่าตัวเองจะได้ยินเกี่ยวกับจักรวรรรดิอุดรเทวะที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งเร็วๆนี้ นี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือเป็นเพราะมีความขัดแย้งกันของตระกูลเป่ยถังและนิกายพุทธองค์ทองคำ?

Ancient Strengthening Technique

Ancient Strengthening Technique

นิยายเรื่องนี้เป็นเกี่ยวกับตัวละครหลักมีชื่อว่า ชิงสุ่ยซึ่งถูกส่งข้ามมิติและมายังทวีปคิวชู ทั้งทวีปเต็มไปด้วยการฆ่าฟันดังพายุโลหิต ส่งผลให้ซากศพ กระดูกและเศษเนื้อ กระจายเกลื่อนไปทั่วทวีปซึ่งถือเรื่องธรรมดามากในโลกใบนี้ นักรบหนุ่มชิงสุ่ยทำการพลิกชะตากรรมชีวิตเพื่อสร้างเส้นในการเพาะปลูกพลังยุทธ เขาใช้เวลากว่า 10 ปีเพื่อฝึกฝนตัวเอง เพื่อที่จะแสวงหาการแก้แค้นบุคคลผู้หนึ่งที่ได้ทอดทิ้งแม่ของเขา! บนเส้นทางชีวิตนี้ เขาได้มีโอกาสพบกับหญิงสาวผู้มีความงดงามดุลรูปปั่นเทพธิดา ( เจ้าหญิงน้ำแข็ง ) ชิชิงซวง ซึ่งเป็นบ่อเกิดของความเกลียดชังและการแก้แค้นจากคู่หมั้นของเธอนามซิตู่บูฟาน หลังจากผ่านพ้นเข้าเมืองร้อยไมล์ ชิงสุ่ยได้พบกับสาวสวยแสนงดงามชื่อ ยูฮี และคนอื่นๆ ที่อาณาจักรเซียนเทียน หลังจากที่เขาเผชิญความทุกข์ยากในเส้นทางชีวิต เขาได้ฆ่านายน้อยของตระกูลกงหยางเพราะยูฮี ทำให้เขาต้องหลบๆซ่อนๆ แต่ในความโชคร้ายก็มีความโชคดี หญิงสาวรูปร่างใบหน้าราวกับนางอัปสรสวรรค์ ชื่อเย่ยีเจียนจี ได้พานพบและได้ช่วยเหลือเขาเอาไว้ ต่อไปนี้เขาจะต้องพบเจอกับสงครามที่ต้องล้างด้วยเลือด ชิงสุ่ยจะสามารถรอดพ้นอันตรายได้หรือไม่ จะรอดพ้นภัยพิบัติได้หรือไม่ และความสัมพันธ์ของเขากับสาวงามต่างๆจะเป็นอย่างไร

Options

not work with dark mode
Reset