“ไม่!” เด็กชายตะเกียจตะกายตัวขึ้นเงยหน้าจ้องเขม็งไปที่คู่รักนั่นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความแค้นใจและเกลียดแค้น “พวกเขาจะขโมยของของผม! ผมก็แค่สู้สุดชีวิต พวกพี่ชายดูสิ พวกเขาต่างหากที่รังแกผม!”
น้ำเสียงของเด็กชายเต็มไปด้วยความคับแค้นใจและเกลียดชังและความรู้สึกซับซ้อนที่อัดแน่นเต็มไปหมด แววตาของชูฮันเป็นประกายขณะมองเด็กชาย
“ช่างเป็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมสุดๆ!” หวังไคในกระเป๋าชูฮันส่งเสียงประชด
“แก ไอ้เด็กเหลือขอ อยากจะตายเหรอไง!” ชายที่เป็นคู่รักกับหญิงสาวโกรธจัด เขาก้าวเท้าเข้าไปใกล้เด็กชายที่นั่งอยู่ที่พื้นและเตะเข้าไปที่ลำตัวเด็กชายอย่างแรงจนเด็กชายคนนั้นกระอักออกมาเป็นเลือด
เด็กชายตัวน้อยไม่มีกำลังที่จะขัดขืนอะไรทั้งนั้น ได้แต่เพียงมองไปที่ฝูงชนที่ยืนดูอยู่ด้วยแววตาเกลียดแค้น
“พี่หวังไค พี่ว่าใครโกหก?” ไก๋หนานเอ่ยปากถามชูฮันที่เป็นวิวัฒนาการระยะ 3
คนอื่นๆเองก็ต่างมองมาที่ชูฮันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามเหมือนกัน เด็กชายได้รับบาดเจ็บและยังคงอ้วกออกมาเป็นเลือด ขณะที่คู่รักก็มีสีหน้าท่าทางที่ดูหวาดกลัวเหลือเกิน ทว่าเมื่อสังเกตทั้ง 3 คนแล้ว ทุกอย่างมันชัดเจนสำหรับชูฮันว่าเด็กชายถูกใครทำร้ายและภาพฉากที่เด็กชายร้องไห้ท่ามกลางฝูงชนก่อนหน้านี้ก็พอจะทำให้เหล่าทหารเดาสาเหตุที่มาของเหตุการณ์นี้ออกได้และพวกทหารก็เชื่อในคำพูดของคู่สามีภรรยาคู่นี้
เห็นได้ชัดว่าเด็กชายนี้จะฆ่าคู่รัก!
เด็กชายตัวเล็กจ้องไปที่ชูฮันด้วยสายตาอ้อนวอน จากนั้นก็จ้องเขม็งไปที่คู่รักด้วยแววตาโกรธเกลียด
ชูฮันจับคางตัวเองพร้อมกับพูดบางอย่างที่ทำให้ทุกคนมองมาด้วยสายตาประหลาดใจ “ฉันก็เห็นแบบนั้น”
ใบหน้าโกรธจัดของคู่สามีภรรยาเปลี่ยนเป็นตกใจภายในฉับพลัน จากนั้นก็จ้องมาที่ชูฮันด้วยแววตาโมโห ฝ่ายผู้ชายจึงเปิดปากพูด “ไอ้เด็กนี้โจมตีใส่เรา นายไม่เห็นเหรอไงตอนที่มาถึง? อาวุธของไอ้เด็กนี้ยังอยู่ที่พื้นอยู่เลย และพวกเราไม่ได้ขโมยของอะไรของมันมาเลยสักนิด เราไม่รู้จักเด็กนี้ เด็กนี้ต่างหากที่จะฆ่าเรา!”
คู่รักสามีภรรยาไม่คิดว่าชูฮันจะยื่นมือเข้ามาท่ามกลางสภานการณ์แบบนี้ นี่ชูฮันจงใจจะช่วยเด็กนั่นใช่มั้ย?
เด็กชายตัวเล็กที่นั่งอยู่ที่พื้นกระพริบตาอย่างมึนงงขณะมองไปที่ชูฮันด้วยสายตาประหลาดใจและซาบซึ้ง แม้จะยังไม่เข้าใจว่าชูฮันมองออกได้อย่างไรว่าสองสามีภรรยานั้นโกหก
เหล่าทหารทั้งกองนิ่วหน้าด้วยความไม่เข้าใจ คำตอบของชูฮันอยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขากันหมด พวกเขาจึงเลือกที่จะฟังอย่างเงียบๆแทน
ไก๋หนานขมวดคิ้วขณะจ้องไปที่คน 4 คนตรงหน้าเขาที่รวมถึงชูฮันผู้ซึ่งได้กลายเป็นเป้าหมายหลักของความสงสัยทุกอย่างไปแล้ว ใครโกหกกันแน่?
“พาทั้ง 3 คนนี้ไป” เสียงของไก๋หนานเต็มไปด้วยพลังและความแข็งขัน เขาเผชิญหน้ากับชูฮันพลางพูด “หวังไค สองสามวันนี้นายไม่ควรห่างจากตัวฉันเกิน 10 เมตร”
ปรากฏว่าแม้แต่ชูฮันก็กลายเป็นผู้ต้องสงสัยไปด้วย วิวัฒนาการคนอื่นๆรีบมาที่จุดเกิดเหตุทันทีที่ได้ยินข่าว โดยเฉพาะหลูชูซเวที่มึนงงมากกับผลตัดสินที่ชูฮันได้รับ ชูฮันผู้ซึ่งมักจะได้รับความนับถือและไว้วางใจจากไก๋หนานกลับกลายเป็นผู้ต้องสงสัยเหมือนกันงั้นเหรอ?
“ฮ่าฮ่าฮ่า! โง่ โง่เง่าสุดๆ” ตวนฮงไม่ยอมปล่อยโอกาสที่จะได้ทับถมชูฮันหลุดไป “เป็นไงล่ะ เชื่อมันหนักหนา ฉันบอกแล้วว่ามันก็แค่ขยะ!”
เป็นครั้งแรกที่ไม่มีใครขัดคำสบถด่าของตวนฮง บางคนเริ่มสงสัยชูฮันอย่างจริงจัง บางคนก็มองไปที่ชูฮันด้วยสายตาเย็นชา
บางคนคิดว่าชูฮันอาจจะบงการความคิดพวกเขาอยู่? เพราะสุดท้าย ระยะเวลาที่เริ่มมีการหายตัวไปของผู้คนนั้นก็เป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับการปรากฏตัวของชูฮันพอดี
หวังไคที่อยู่ในกระเป๋าชูฮันไม่เข้าใจ “ทำไมนายไม่บอกความจริงไปเลย?”
ชูฮันที่ยังคงเดินตามกลุ่มที่เดินนำหน้าอยู่ตอบหวังไคในหัว น้ำเสียงหมองๆ “ฉันไม่รู้สถานการณ์จริงๆ”
“เหอะ” หวังไคพูด “นายแน่ใจเหรอว่านายอยู่ที่นั่นจริงๆ?”
“แต่ฉันไม่ได้ทำ ฉันแค่เห็นเด็กนั่นกำลังจะฆ่าคู่สามีภรรยา เพราะสองสามีภรรยานั่นเอาแต่ทำร้ายเขา แต่เด็กมันโกหก?”
“นี่อาจจะเป็นสาเหตุของการโกหก?” ชูฮันยิ้มและยิ้ม ทว่ามันมาพร้อมกับความเย็นยะเยือกที่ระงับไว้ในอก “คู่รักคู่นี้น่าสนใจมาก เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้สึกละอาย”
“แต่ตอนนี้นายเป็นคนที่โดนเพ่งเล็ง!” หวังไคพูดขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงแฝงไปด้วยความกังวลง “ไก๋หนานที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับนายก็ยังสงสัยในตัวนาย นายจะมากังวลเรื่องคู่สามีภรรยานั่นทำไม?”
“มันมีการสมรู้ร่วมคิดมากมายในโลกาวินาศ ฉันต้องทำยังไงดีกับเรื่องนี้?” เสียงของชูฮันนิ่งสงบ “แต่ไม่มีใครเห็นฉัน”
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะพักผ่อนในช่วงกลางดึก ทุกคนต่างเหนื่อยล้าหากความเร็วในการเดินไม่ได้ลดลงเลยโดยเฉพาะกลุ่มทหารและวิวัฒนาการที่นำหน้าอยู่ พวกเขาไม่มีปัญหาเรื่องอาหารและสมรรถภาพทางกายภาพ พวกเขามักจะแข็งแรงและมีพละกำลังอยู่เสมอ ก้าวเดินไปเรื่อยๆอย่างสม่ำเสมอ ทำให้กลุ่มผู้รอดชีวิตขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังไม่สามารถหยุดพักได้
คู่สามีภรรยาถูกล้อมตัวไว้อย่างแน่นหนา เช่นเดียวกับเด็กชาย ทว่าพวกเขาเป็นแค่คนธรรมดาที่แทบจะหมดลมหายใจอยู่ด้านหน้าของขบวน โดยเฉพาะเด็กชายตัวผอมบางที่ดูเหมือนพร้อมจะเป็นลมไปได้ทุกเมื่อ
ไก๋หนานเดินเข้ามาประชิดชูฮันจากทางด้านหลังและพูดด้วยน้ำเสียงกระซิบที่ไม่มีใครสามารถได้ยินนอกจากพวกเขาทั้งคู่ “หวังไค บอกความจริงฉันมา”
ไก๋หนานเฝ้าสังเกตมาทั้งวัน สังเกตได้ว่าตั้งแต่แรกเริ่มเด็กชายไม่ได้มีท่าทียั่วยุใดๆเลยสักนิดและสายตาที่เด็กชายมองมาที่ชูฮันก็มีแต่ความขอบคุณและความอิจฉา ทว่าสายตาที่มองไปที่คู่สามีภรรยากลับเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเด็กชายอาจจะพูดความจริง
ชูฮันบิดริมฝีปากขณะจ้องไปที่ไก๋หนานด้วยสายตาเย็นยะเยือกและพูดน้ำเสียงเบาๆ “แล้วถ้าฉันไม่บอกล่ะ?”
ลมหายใจของไก๋หนานรุนแรงและยุ่งเหยิงทันที เมื่อลองย้อนกลับไปนึกถึงคำพูดของตวนฮงก่อหน้านี้ มันเป็นครั้งแรกที่ไก๋หนานรู้สึกว่าตัวเขากำลังถูกเล่นเกมส์อยู่!
พรึบ!
ไก๋หนานชักมีดสั้นออกมาโดยไม่มีการเตือนใดๆทั้งสิ้นพร้อมกับเล็งเป้าพุ่งเข้าไปที่เอวของชูฮัน!
ในขณะเดียวกัน เสียงของไก๋หนานก็ดังขึ้น “นายเป็นวิวัฒนาการระยะ 3 แต่ฉันลืมบอกนายไปอย่างหนึ่ง ฉันเองก็เป็นวิวัฒนาการระยะ 3 เหมือนกัน”
ตึง!
มีเสียงดังลั่น ไก๋หนานรู้สึกชาที่แขน มันมีกริชที่มีด้ามจับสีดำด้านสกัดมีดสั้นของไก๋หนานเอาไว้ พร้อมกับเสียงที่เบาหวิวของชูฮัน “นายเป็นวิวัฒนาการระยะ 3 แต่ฉันก็ลืมบอกนายไปอีกอย่าง หวังไคไม่ใช่ชื่อจริงของฉัน”