เขาไม่รู้ว่ามันยาวนานขนาดไหน การสั่นสะเทือนของหิมะถล่มค่อยๆลดความแรงลง
“พรึบ!”
ชูฮันที่กลิ้งไปหลายตลบก็ปีนตัวขึ้นมาจากกองหิมะและพยายามฝืนอาการวิงเวียนศรีษะและความไม่สบายตัวไว้ เฉินช่าวเย่ที่กำลังช็อคค้างแหกปากร้องขึ้นมา “นี่มันบ้าบออะไร!”
“อ่า? ขาไก่?” เฉินช่าวเย่ลุกขึ้นนั่งอยู่บนหิมะ ถึงแม้เขาจะเจอกับความลำบาก เจอหิมะถล่ม และเกือบจะโดนพายุถล่มทับตาย หากยังไงก็ตามในมือก็ยังคงกำขาไก่ไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
ชูฮันมองไปรอบๆและเจอแต่ความว่างเปล่า หิมะถล่มก่อนหน้านี้จู่ๆก็โผล่มาอย่างกระทันหันและจุดที่เกิดผลกระทบรุนแรงที่สุดก็คือจุดที่เขานั่งอยู่ ดังนั้นเขาคาดว่ากลุ่มของเขาน่าจะแตกกระเจิงออกไปเป็นสองทิศทางแยกกันกับเขา ในตอนนั้นชูฮันจับเฉินช่าวเย่เอาไว้ทำให้ตรงจุดนี้ไม่น่าจะมีใครอยู่ได้นอกเหนือจากพวกเขาทั้งสองคน
แต่เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้มันมีถุงพัสดุใส่ของกว่ายี่สิบถุงอยู่ด้านหลังเขา ถึงแม้ประตูมิติของเขาในตอนนี้จะอัดแน่นไปด้วยอาหารมากมายที่เขาเก็บไว้ แต่ภายในยี่สิบถุงนั่นเป็นของที่ค่อนข้างสำคัญ นอกเหนือจากอาหารแล้วมันยังมีอาวุธมากมายอยู่ในนั้นอีกด้วย ทว่าหิมะถล่มที่เกิดขึ้นได้ส่งผลให้ทุกอย่างหายสาปสูญไปหมดแล้ว!
เขาไม่รู้ว่าคนอื่นๆอยู่ไหน? มีใครได้ยินคำสั่งสุดท้ายของเขาก่อนที่จะแยกตัวกันมั้ย? ในสถานการณ์แบบนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่จะช่วยเหลือทุกคนโดยไม่มีการสูญเสีย มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ชูฮันทำได้แต่แนะนำแนวทางที่ดีที่สุดแก่ทุกคนและชี้แนะทิศทางเพื่อที่เมื่อพวกเขาแยกจากกันแต่ในที่สุดพวกเขาก็จะกลับมาเจอกันได้
และในจังหวะที่เฉินช่าวเย่กำลังค่อยๆลืมตาขึ้น—–
“เฮ้ยยยย!”
ทันใดนั้นมันก็มีจุดสีดำบนฟ้าหลายจุดร่วงลงมาตามมาด้วยเสียงร้อง มันคือถุงพัสดุใส่ของกว่ายี่สิบถุงที่กำลังร่วงลงมาตกจุดที่เฉินช่าวเย่ยืนอยู่ห่างออกไปไม่ถึงหนึ่งเมตรด้วยซ้ำ ผลกระทบจากแรงปะทะที่เกิดขึ้นคือคลื่นน้ำแข็งและหิมะขนาดใหญ่ที่ก่อตัวขึ้นสูงจากนั้นก็ตกลงมาเกือบจะใส่เฉินช่าวเย่ที่พึ่งจะฟื้นขึ้นมาก็เกือบจะได้เป็นลมไปอีกรอบ
ชูฮันเหลือบตามองจากนั้นก็พยักหน้า เขาไม่คิดเลยว่าพัสดุของพวกนี้จะกลับมาที่เดิมอีก
“ขาไก่ของฉัน—-” เฉินช่าวเย่แหกปากร้อง
“อย่ายุ่งกับขาไก่ของหวังไค!” เสียงบ่นของหวังไคดังขึ้นถัดจากเฉินช่าวเย่
เฮ้!
เฉินช่าวเย่หลุบตามองไปตามเสียงที่ได้ยินแล้วก็ต้องตะลึงค้างกับสิ่งที่ได้เห็น หวังไคที่ยืนห่างออกไปแค่ไม่กี่เซนติเมตร ในมือถือขาไก่ไว้แน่นไม่ต่างกับตัวเฉินช่าวเย่
“แกเป็นใคร!?” เฉินช่าวเย่ที่เกือบจะเป็นลมแหกปากถาม ขณะมองหวังไคราวกับเห็นผี
“อ่าาา… ” หวังไคตบหัวตัวเองพลางมองไปที่เฉินช่าวเย่ด้วยท่าทางใสซื่อ “ฉันคือหวังไค”
เพี้ยะ! เพี้ยะ!
เกิดเสียงตบดังขึ้นสองครั้ง
เฉินช่าวเย่และหวังไคโดนตบเข้าที่กกหูทั้งคู่ ตามมาด้วยเสียงเย็นๆของชูฮัน “รู้จักกันซะ นี่คือเฉินช่าวเย่ และนี่คือหวังไค”
เจ้าหวังไค แกตายแน่!
หวังไคสะดุ้งตื่นตัวทันทีหลังจากโดนฝ่ามือของชูฮันเข้าไป ทันใดนั้นมันก็พึ่งตระหนักได้ว่าตัวมันกำลังทำอะไรอยู่ มันรีบคว้าหูขนาดใหญ่ทั้งสองข้างของมันมาปิดปากตัวเองทันที
เฉินช่าวเย่จ้องหวังไคด้วยสายตาตะลึงค้างและตกใจ และหวังไคเองก็มองเฉินช่าวเย่กลับไปด้วยความกลัวเช่นกัน
ห้านาทีต่อมา…
“ว้าวววว หัวหน้า! หัวหน้าสุดยอดมาก! คุยกับกระต่าย หัวหน้า! หัวหน้าคุยกับกระต่ายได้! นี่เป็นสัตว์เลี้ยงของหัวหน้าเหรอ?” เฉินช่าวเย่ตื่นเต้นจัด เขาวิ่งวนรอบชูฮันพร้อมถามไปด้วย
หวังไคได้แต่นั่งเงียบๆอยู่บนไหล่ชูฮันและกินขาไก่ในมือตัวเอง จากนั้นมันก็แทะกระดูกพร้อมเลียต่อไม่หยุด!
“ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงแต่เป็นทาส” น้ำเสียงของชูฮันนิ่งเรียบไร้อารมณ์ คิ้วของเขาย่นเล็กน้อยขณะมองไปที่หิมะขาวโพลนที่ไม่มีที่สิ้นสุดตรงหน้า พร้อมกับพัสดุกว่ายี่สิบถุงที่บรรจุสิ่งของมากมายเต็มไปหมด
หวังไคที่กำลังแทะเลียกระดูกอยู่ชะงักไปครู่หนึ่ง หากต่อมามันก็ทำสีหน้าใสซื่อดังเดิม มันไม่ได้ตั้งใจจะเปิดเผยตัว มันก็แค่กลัวหิมะถล่ม!
ชูฮันถอนหายใจ ณ ตอนนี้พวกเขาถูกแยกออกจากกองกำลังทั้งหมด มันน่าเสียดายเปล่าถ้าสิ่งของมากมายพวกนี้จะต้องถูกทิ้ง อาหารไม่ใช่ปัญหาใหญ่แต่ที่เป็นประเด็นหลักก็คืออาวุธมากมายในถุงพัสดุที่ยากที่จะทำใจปล่อยทิ้งไปได้ อีกทั้งอัตราการผลิตในยุคโลกาวินาศนั้นก็ดิ่งฮวบเนื่องจากมันเป็นเรื่องลำบากที่จะดำเนินการอุตสาหกรรมในสถานการณ์แบบนี้
ในเมื่อตัวตนของหวังไคถูกเปิดเผยแล้ว และเฉินช่าวเย่ก็ภักดีต่อเขาอย่างถึงที่สุดเพราะฉะนั้นมันจึงไม่เป็นปัญหาถ้าจะให้เฉินช่าวเย่รู้เรื่องประตูมิติ
“มีพื้นที่เหลือในประตูมิติของนายเท่าไหร่?” ชูฮันสื่อสารกับหวังไคผ่านทางระบบล่มสลาย
หวังไคแอบย่องหนีออกมาและใช้พลังตรวจสอบพื้นที่ในประตูมิติของชูฮัน จากนั้นมันก็ตะโกนด้วยน้ำเสียงโมโหอยู่ในหัวชูฮัน “นายเอาเพิ่มอีกไม่ได้แล้วและนายก็จะไม่ให้คะแนนฉันเพื่อเพิ่มพื้นที่อีกเหมือนเดิมใช่มั้ยล่ะ? นายใช้ให้ฉันกี่คะแนนกันเถอะทั้งหมด? นี่มันเกินไป นายจะเอาจากฉันอย่างเดียว? ฉันไม่ยอม ฉันจะไม่ช่วยนายอีกแล้ว!”
“ตัวตนของแกถูกเฉินช่าวเย่ค้นพบ ซึ่งมันส่งผลกระทบกับฉันโดยตรง แกไม่มีความละอายแก่ใจเลยเหรอไง?” ชูฮันโยนประโยคเย็นชาใส่หวังไคทันที
“แค่ก! มันคือข้อผิดพลาดต่างหาก ข้อผิดพลาด” หวังไคตอบอย่างสำนึกผิด
“รวบรวมของทั้งหมดไป” ชูฮันออกคำสั่งโดยตรง
“นายจะเช่าซื้อพื้นที่ใช่มั้ย?” หวังไคยอมผ่อนปรน “ฉันจะช่วยนาย แล้วนายก็ให้ฉัน 20 คะแนนเป็นค่าเช่าต่อวัน”
“ตัวตนของแกถูกเฉินช่าวเย่ค้นพบ ซึ่งมันส่งผลกระทบกับฉันโดยตรง แกไม่มีความละอายแก่ใจเลยเหรอไง?” ชูฮันทวนประโยคเดิมซ้ำอีกครั้ง
“นายไม่ต้องให้ฉัน 20 หรอก 10 ก็ได้”
“ตัวตนของแกถูกเฉินช่าวเย่ค้นพบ—-“
“โอเค ฉันให้นายเช่าฟรี!” หวังไคกัดฟันตอบ
ห้านาทีต่อมา…เฉินช่าวเย่ยืนตะลึงค้างที่ภาพพัสดุขนาดใหญ่ยี่สิบถุงที่จู่ๆก็หายไปต่อหน้าต่อตา ผสมกับกระต่ายที่ยืนแทะกระดูกอยู่บนไหล่ชูฮันอีก
ชูฮันยื่นมือออกมาตบเข้าที่หน้าเฉินช่าวเย่เบาๆจากนั้นก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นายไม่ได้เห็นอะไรทั้งนั้น เข้าใจมั้ย?”
เฉินช่าวเย่พยักหน้าตามาด้วยเสียงอุทาน “หัวหน้า! สุดยอด! หัวหน้าเก็บของทั้งหมดนั่นไปได้ยังไง? แสดงว่าขวานยักษ์นั่นหัวหน้าก็เก็บไปแบบนี้ใช่มั้ย? หัวหน้าจะเอามันออกมาตอนไหนก็ได้เหรอ? หัวหน้า หัวหน้าทำยังไง?”
ชูฮันกดมุมปาก “นายไม่ได้เห็นอะไรไม่ใช่เหรอไง?”
เฉินช่าวเย่ตื่นเต้นจนแทบกระโดด “ครับ ผมไม่ได้เห็นอะไรเลย ไม่ได้เห็นอะไรทั้งนั้น! แต่หัวหน้า หวัหน้าทำให้ผมดูอีกครั้งได้มั้ย นี่มันเจ๋งชะมัด!”
ชูฮันหมดคำพูด
“โอ้ะ ใช่ หัวหน้า” ทันใดนั้นเฉินช่าวเย่ก็มองไปที่ใบหน้าของชูฮันด้วยสายตาเคารพบูชา “ในเมื่อหัวหน้าสามารถเก็บของทุกอย่างไปได้ ทำไมหัวหน้าไม่เอาภภรรยาผมไปเก็บไว้ในนั้นด้วยล่ะ? ถ้าแบบนั้นเราจะได้มีข้าวและอาหารร้อนๆไว้กินตลอดทาง!”
“ฉันจะทำแบบนั้นได้ยังไง? เธอเป็นคนน่ะ?” ชูฮันกรอกตาและก้าวเดินออกมุ่งหน้าไปที่ยอดเขา “ถ้าติงเซวรู้ว่านายคิดจะทำแบบนั้นกับเธอ เธอจะต้องโกดนายมากแน่”
ชูฮันเหลือบมอง จากนั้นก็ตบเข้าที่ไหล่ของเฉินช่าวเย่อย่างจริงจัง “ความสัมพันธ์ระหว่างสามีและภรรยาของนายนี้มันดีจริงๆ”
หวังไค “โง่เง่า…”