อะไรคือการฝึกเพื่อเอาชีวิตรอด? ฝึกยังไง อะไรยังไง? นอกเหนือจากชูฮันแล้วไม่มีใครรู้อะไรเลย เมื่อเทียบกับโปรแกรมการฝึกอื่นๆที่มีเนื้อหาอัดแน่น แต่กับโปรแกรมฝึกเอาชีวิตรอดอันนี้มันกลับว่างเปล่าจนทำให้หลิวยู่ติงรู้สึกขนลุก ถ้ามองจากความเข้าใจเกี่ยวกับตัวชูฮันที่หลิวยู่ติงมี เขาบอกได้เลยว่าอะไรก็ตามที่ถูกออกแบบจากชูฮันเองจะน่ากลัวและเลวร้ายอย่างมาก
ครึ่งชั่วโมงต่อมา…หลิวยู่ติงเดินมาหาชูฮันพร้อมกับปึกกระดาษหนา “นี่คือมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ 5 คน มีวิวัฒนาการ 4 และพรสวรรค์ 1 คน ส่วนคนธรรมดาที่เหลือถูกบันทึกไว้ในนี้หมดแล้ว”
“เหนื่อยมามากสินะ” ชูฮันรับเอกสารข้อมูลมาและพลิกหน้าเปลี่ยนดูอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เขาออกคำสั่ง “ให้กองทัพเข้ารวมตัวเข้ากับพวกคนพลัดถิ่นพวกนี้ แล้วแบ่งออกเป็น 20 กลุ่ม”
หลิวยู่ติงกลืนน้ำลายอึกอย่างกังวล จากนั้นก็ถามออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ “ทั้งหมด? กลุ่มละสิบคนงั้นเหรอ?”
“ใช่” ชูฮันเหลือบมองมาอย่างไม่เข้าใจว่าหลิวยู่ติงกลัวอะไร
“ท่าน ผมขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย” หลิวยู่ติงเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นต้องพูดกับชูฮันอย่างสุภาพเอ่ยถาม
“ไม่ใช่ตอนนี้” ชูฮันคัดค้าน “หลังจากเข้าไปในเมืองแล้วนายค่อยถาม”
นี้ยิ่งทำให้หลิวยู่ติงกังวลมากขึ้นไปอีก
ทุกคนรีบกระจายตัวตามคำสั่งของชูฮันและรวมกลุ่มเข้าด้วยกันจนกลายเป็นทั้งหมด 200 คน แต่กระบวนการนี้ไม่ได้ทำอย่างเงียบๆ เกิดเสียงวุ่นวายดังลั่น นายทหารหนึ่งร้อยคนที่ภักดีต่อชูฮันไม่อยากจะแยกจากกลุ่มพรรคพวกของตัวเองไปอยู่กับคนอื่น โดยเฉพาะหลังจากผ่านการฝึกฝนมากมายมาด้วยกันจนเกิดสายสัมพันธ์อันดี และตอนนี้พวกกลุ่มพลัดถิ่นพวกนี้กำลังทำลายการประสานงานของพวกเขา ในความคิดของทีมทหารหนึ่งร้อยคนพวกเขาไม่สามารถยอมรับคนพวกนี้ได้
เมื่อมองไปที่ภาพกลุ่ม 20 กลุ่มที่ถูกจัดแบ่งอย่างเท่าๆกันตามพละกำลังและความสามารถในการต่อสู้ ชูฮันก็ยืนอยู่ตรงหน้าทุกคนพลางกวาดสายมองอย่างทั่วถึง เพียงแค่กวาดตารอบเดียวชูฮันก็สามารถมองทุกอย่างอย่างเห็นได้ชัด เขาดูออกเลยว่าคนไหนคือทหารกลุ่มแรก คนมาใหม่จะไม่ยืนท่าพักระเบียบทหารและไม่เข้าใจสายตาที่มองมาของชูฮัน
หากในใจของเหล่าคนใหม่นั้นต่างดีใจกันหมดเพราะชูฮันปล่อยให้พวกเขาเข้าร่วมกับเหล่าทหารที่ฝึกฝนมาก่อนหนึ่งเดือน พวกเขาทั้งหมดยืนตรงนิ่งด้วยความนับถือต่อชูฮัน
มันไม่มีความประหลาดใจอะไรสำหรับชูฮัน หากหลิวยู่ติงนั้นเต็มไปด้วยความกังวลอยู่ในอก
“พวกคุณรู้จักชื่อของเมืองต่อไปกันมั้ย” ยังคงไม่มีคำกล่าวเปิดใดๆเหมือนเดิม จู่ๆชูฮันก็โพล่งถามขึ้นมา
กลุ่มคนได้แต่ยืนนิ่งและไม่ส่งเสียง พวกเขาไม่รู้เส้นทางไม่รู้แผนที่ พวกเขาเพียงแค่เดินตามถนนที่ชูฮันวางไว้มา เพราะฉะนั้นอะไรที่รออยู่ข้างหน้านั้น…ไม่มีใครรู้เลย
“หลิงเฉิง” น้ำเสียงคมของชูฮันค่อนข้างคมชัดทำให้ทั้งสองร้อยคนได้ยินแจ่มแจ้ง “เมืองนี้ไม่ใช่เมืองใหญ่แต่ก็ไม่ได้เล็ก มีซอมบี้ประมาณ 500,000 ตัวเข้ามาตั้งถิ่นฐาน”
อึก! อึก!
นำโดยหลิวยู่ติง ทุกคนเริ่มเหงื่อแตกและลำคอแห้งผาก ซูเฟิงที่ยืนอยู่ข้างๆชูฮันก็กังวลเช่นกันเมื่อได้ยินสิ่งที่ชูฮันพูด โปรแกรมฝึกเมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมาถูกจัดในสถานที่ที่มีซอมบี้จำนวนไม่มากขนาดนี้ในแถบชานเมือง นี่เป็นครั้งแรกที่ชูฮันตั้งเป้าการฝึกไว้ในตัวเมือง แถมยังเป็นตัวเมืองที่มีซอมบี้อยู่มากถึง 500,000 ตัว
มีเพียงเฉินช่าวเย่เท่านั้นที่ไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัว แถมยังกัดปากและเกือบจะหลุดหัวเราะออกมาด้วยซ้ำ
“ไอ้อ้วน! หัวเราะอะไร!?” ติงเซวที่อยู่ข้างฟาดฝ่ามือใส่เจ้าอ้วนเฉินช่าวเย่
“เฮ้!เฮ้!” เฉินช่าวเย่กระซิบพูดกับติงเซว “หัวหน้าไม่เคยพูดจาแบบนี้เลย แถมยังใช้คำว่าตั้งถิ่นฐานอีก”
ติงเซวอึ้ง หัวใจเต้นรัวพลางมองไปที่ชูฮัน
ทำให้ชูฮันต้องปรายตามองมาดูปฏิกิริยาของทั้งสองคนทันทีตามสัญชาตญาณ จากนั้นเขาก็ก้าวเท้าเขยิบไปด้านหน้าเข้าหาทุกคนหากสายตาของเขาไม่ได้จับจ้องไปที่ใครสักคน เขาเพียงแค่มองไปที่แนวขอบฟ้า
มันควรจะเป็นแสงโปร่งแสงจากดวงอาทิตย์ หากมันกลับถูกบดบังด้วยหมอกสีเลือด
ความเงียบอันยาวนานได้แผ่กระจายเข้าสู่หัวใจของทั้งสองร้อยคน ทุกคนต่างจับจ้องไปที่ชูฮันอย่างไม่เข้าใจ…ไม่มีใครเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้เลย
“พวกคุณรู้จักราชาซอมบี้มั้ย?” ชูฮันถามเสียงดังก้อง ดึงสายตาที่งงงวยของทุกคนกลับมา ทุกคนได้แต่เหงื่อแตกพลั่กอย่างเต็มไปด้วยความวิตก
ราชาซอมบี้
ซูเฟิงมีประกายเย็นวาวในนัยน์ตาและมองชูฮันด้วยแววตาคมกริบ
หลิวยู่ติงพลันหน้าซีด เขารู้สึกว่าชูฮันน่ากลัวเกินไป แต่ราชาซอมบี้? ไอ้พวกตำนานเรื่องเล่าอะไรนี้มีอยู่จริงงั้นเหรอ?
เมื่อหันหน้าไปเห็นสีหน้าอึ้งๆและหวาดกลัวของทุกคน รอยยิ้มบนหน้าชูฮันก็ยิ่งโหดร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ “ทุกๆฝูงซอมบี้ 500,000 ตัวจะมีซุปเปอร์ซอมบี้ที่มีพลังเหนือกว่าซอมบี้ตัวอื่นๆอยู่”
ตึก! ตึก! ตึก!
ทันใดนั้น หัวใจของทั้งสองร้อยก็เต้นแรงราวกับจะทะลุออกมา หลายคนเหงื่อแตกพลั่กและช็อคเมื่อเห็นว่าคนที่พูดประโยคนี้คือชูฮัน ซุปเปอร์ซอมบี้จะกำเนิดขึ้นท่ามกลางฝูงซอมบี้ 500,000 ตัว เจ้าซุปเปอร์ซอมบี้อาจจะเป็นซอมบี้จากอนาคต และ…เมืองหลิงเฉิงก็มีซอมบี้ 500,000 ตัวพอดี!
“ลูกทีมทุกคนฟัง!” ทันใดนั้นชูฮันก็พูดเสียงดังและเต็มไปด้วยอำนาจที่น่าเกรงขาม “การฝึกเอาชีวิตรอดหนึ่ง : การเอาชีวิตรอดในเมืองหลิงเฉิงเป็นเวลาสามวัน ค้นหาร่องรอยของซุปเปอร์ซอมบี้ในเมือง หลังจากผ่านไปสามวันลูกทีมทุกคนจะต้องมารวมตัวกันที่ใจกลางเมือง”
“ครับ!” ทหารหนึ่งร้อยนายตอบรับเสียงดังทันที เสียงของพวกดังก้องกังวาน
ส่วนหนึ่งร้อยที่มาใหม่ได้แต่หวาดกลัวจนขาสั่นเข่าอ่อน หลายคนอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามในใจหากเมื่อเห็นภาพสีหน้าจริงจังของทหารหนึ่งร้อยนายของชูฮันพวกเขาก็พูดไม่ออก
“ขอ…ผมขอถามอะไรได้มั้ย?” จู่ๆก็มีคนหนึ่งยกมือขึ้นมา เขาเป็นคนที่ค่อนข้างเตี้ย หากใบหน้าดูไม่ใช่คนมีอายุ สีหน้าเต็มไปด้วยความกลัว
พรึบ! พรึบ!
สายตาของทุกคนหันไปจับจ้องที่ชายคนนี้ทันที ส่งผลให้ชายคนนี้ยิ่งกลัวขึ้นมากกว่าเดิม
“ระเบียบทหาร : คุณต้องแสดงวันทยาหัตถ์ต่อท่าน จากนั้นรายงานชื่อของตัวเองและยศด้วยเสียงดังฟังชัด” หลิวยู่ติงนิ่วหน้าพร้อมกับพูดอธิบายไปด้วย “ไม่มีกฎในกองทัพที่ห้ามถามคำถาม แต่คุณจะไม่สามารถถามคำถามได้ถ้าไม่ทำตามระเบียบก่อน”
คำเตือนนั้นชัดเจนเพียงพอให้ทุกคนเข้าใจถ้าฉลาดพอ ประกอบกับอีกที่วันนี้ชูฮันอยู่ในอารณ์ดี ชายคนนั้นจึงไม่โดนโทษ หลิวยู่ติงพอจะเข้าใจหัวอกของชายคนนั้นดีว่าเพราะว่าเมื่อครึ่งเดือนก่อน ตัวเขาเองมีคำถามจะถามชูฮันและเขาไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบทหาร ส่งผลให้เขาถูกชูฮันอัดยับทันทีต่อหน้าต่อตาทุกคน…
ชูฮันยิ้มและเหลือบมองหลิวยู่ติง จากนั้นก็เบนสายตากลับมาที่ชายคนที่พูดขึ้น
“ผม ผม ผมชื่อ เสี่ยวฉี ไม่มียศ ใช่! วันทยาหัตถ์…วันทยาหัตถ์…” ชายคนนั้นพึมพำอย่างทำตัวไม่ถูกและโค้งคำนับชูฮันด้วยพิธีการทหารเก้งๆก้างๆ โดยไม่มีคำว่าถูกระเบียบมาตรฐานเลยสักนิด
พิธีการของเสี่ยวฉีแสดงออกถึงความเคารพจากใจจริง แต่ทันใดนั้นมันก็มีเสียงระเบิดหัวเราะตามออกมาเป็นพรวน
“ขออนุญาตครับท่าน!” นายทหารคนหนึ่งลุกขึ้นทันที และสาธิตการปฏิบัติพิธีการทางทหารให้ชายคนนั้นดู “ผมชื่อซูเซียงหลง ยศสิบเอก ผมขออนุญาตแสดงการถามคำถามให้เสี่ยวฉีดูได้มั้ยครับ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” ครั้งนี้เสียงหัวเราะยิ่งดังสนั่นกว่าเดิม