ปากของเหอเฟิงบิดมุมปาก ทำให้เห็นรอยยิ้มจางๆ “ฉันเป็นตัวแทนของฉันเองและก็สามารถเป็นตัวแทนของทั้งทีมฮูหยาได้เช่นกัน ขอความร่วมมือหน่อยละกัน?”
ปึก! เปรี้ยะ!
ปากกาในมือซางจิ่วตี้ตกลงพื้นทันที สีหน้าของเธอดูว่างเปล่า คำพูดของเหอเฟิงนั้นตรงชัดแจ่มแจ้ง เขาต้องการถอนการควบคุมของทีมฮูหยาออกจากค่ายซางจิง นี้มันเกิดขึ้นได้จริงงั้นเหรอ?!
ติงซือเย้าที่อยู่ด้านข้างเองก็ตกใจเช่นกัน เหอเฟิงเป็นคนที่ชัดเจนเสมอ แต่เขาสามารถพูดอะไรแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?
หลังจากความเงียบผ่านไปครู่ใหญ่ ซางจิ่วตี้ก็เอนหลังผิงกับพนักเก้าอี้และเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงคมเฉียบ “เกี่ยวกับอะไร?”
เหอเฟิงยิ้มและกางนิ้วขึ้นสองนิ้ว “สองข้อความ ข้อความแรกคือชูฮันหายตัวไป คนในซางจิงเป็นกังวลมาก ข้อความที่สองคือกัปตีนทีมเขี้ยวหมาป่าสำรองเจียงหลิงโหลวกำลังเดินทางกลับมาได้ครึ่งทางแล้วตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว”
ซางจิ่วตี้พึมพำ “หลิงโหลว? ตอนนี้เธออยู่ไหน?”
“เธอเองก็หายตัวไปเช่นกัน” เหอเฟิงยักไหล่ “หลังจากรู้ว่าทีมสำรองของเขี้ยวหมาป่าได้ถูกยุบไปแล้ว เธอบอกไว้ก่อนจะไปจากซางจิงว่าเธอมีเรื่องส่วนตัวต้องไปจัดการ”
ซางจิ่วตี้นิ่วหน้า ทันใดนั้นเธอก็มองไปที่ของสองสิ่งบนโต๊ะ
“จะเปิดดูข้างในมั้ย?” เหอเฟิงยิ้มและพูด “นี่คือความจริงใจของฉันเพื่อแสดงจุดยืนในการอยากความร่วมมือกับคุณ”
ซางจิ่วตี้เปิดเอกสารซองแรกออก มันเป็นปึกกระดาษหนาและเพียงแวบเดียวที่สายตาของซางจิ่วตี้กวาดผ่าน รูม่านตาของเธอก็หดตัวทันที “การโหวตลงนาม?!”
“ใช่” เหอเฟิงพยักหน้าน้ำเสียงลึก “นี่คือเมื่อสามเดือนก่อน เมื่อตอนแรกเริ่มที่ซางจิงค้นหาตัวชูฮันและเมื่อตอนที่เขาได้รับตราตำแหน่งแต่ไม่มีใครสามารถหาตัวเขาได้เจอ การโหวตลงนามโดยทหารระดับสูงของซางจิงจะเป็นตัวตัดสินว่าตำแหน่งพลเอกของชูฮันจะอยู่ต่อหรือถูกถอนออก”
“แล้วมันมีเหตุผลอื่นอีกมั้ย?” ซางจิ่วตี้ประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยิน เธอไม่คิดเลยว่าเรื่องราวมันจะน่าตื่นเต้นขนาดนี้ “จากข้อมูลนี่เสียงข้างมากลงนามให้ปลดเขาออกแล้วทำไมสุดท้ายเขาถึงไม่โดนปลด?”
“มันเป็นเรื่องบังเอิญ” เหอเฟิงพูดอย่างค่อยเป็นค่อยไป “วันที่ลงผลโหวต ชูฮันได้คะแนนประเมิณโดยรวมของวิวัฒนาการระยะ 3 เป็น S+ และยังขึ้นเป็นอับดับที่หนึ่งในรายชื่ออีก ซึ่งมันได้คลี่คลายสถานการณ์ทุกอย่างทันที”
ซางจิ่วตี้ถอนหายใจอย่างโล่งอก และอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น “สมกับเป็นเขาจริงๆ!”
เหอเฟิงยิ้มอย่างมีเลศนัย “การโหวตลงนามนี้เองก็ตั้งขึ้นอย่างมีเหตุผล เมื่อตอนที่ท่านเลาให้ฉันรีบเก็บผลโหวตมาก่อนที่ใครจะเห็นและเพื่อที่ฉันจะได้ส่งมอบมันให้ชูฮัน เพื่อแสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ที่แท้จริงของซางจิง ซึ่งทั้งคุณและฉันที่เป็นคนที่มาจากทีมพิเศษจากยุคก่อนก็น่าจะตระหนักดีถึงความสำคัญของข้อมูลนี้”
ติงซือเย้าที่ได้ยินบทสนทนาอันดุเดือดก็รู้สึกเสียใจว่าทำไมเขาต้องมาอยู่ในห้องนี้และฟังเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย? ตอนนี้เขายิ่งอยากจะออกข้างนอกมากกว่าเดิม สถานการณ์ตอนนี้มันคืออะไรกัน? และทีมฮูหยาของเขากล้าที่จะหักหลังซางจิงจริงๆงั้นเหรอ?
ในขณะเดียวกัน ติงซือเย้าเองก็ไม่รู้อะไรเลย ทำไมเหอเฟิงถึงส่งข้อมูลที่สำคัญแบบนี้ให้ซางจิ่วตี้? อย่าลืมว่าเธอเคยเป็นหน่วยพิเศษของทีมเขี้ยวหมาป่า!
ข้อมูลนี้ ซางจิ่วตี้ได้รับมาอยู่ในมือ และด้วยประสิทธิภาพการทำงานที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วของเธอ เธอสามารถแตะตำแหน่งเจ้าหน้าที่อาวุโสของซางจิงได้เลย
“ขอบคุณ” ชางจิ่วตี้เลิกคิ้ว “ความจริงใจนี้เกินความคาดหมายของฉัน”
“ยังมีเรื่องที่สอง” ทันใดนั้นเหอเฟิงก็เริ่มใช้น้ำเสียงจริงจัง เขาชี้ไปที่ข้อมูลชิ้นที่สองที่ถูกวางซ้อนไว้ “คุณจะยิ่งพอใจมากกว่านี้”
โดยไม่คลาดสายตาที่จริงจังของเหอเฟิง ซางจิ่วตี้ขมวดคิ้วและเปิดเอกสารชิ้นที่สองออก ในนั้นมีกระดาษอยู่เพียงแค่แผ่นเดียว เนื้อหาในนั้นมีเพียงแค่ข้อความอยู่ไม่กี่บรรทัดทว่าตัวข้อความกลับพิเศษอย่างมาก
“นี่มัน…” ซางจิ่วตี้มองไปที่เอกสารตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา “จดหมายเข้ารหัส!”
“ใช่” แววตาของเหอเฟิงคมกริบจากนั้นเขาก็ชี้ไปที่มุมล่างขวาของเอกสาร “ดูที่ลายเซ็นสิ”
ซางจิ่วตี้มองกลับไปที่เหอเฟิงพลันก็ต้องด้วยเลิกคิ้วขึ้น…ลายเซ็นนี้เป็นอะไรที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
“นี่คืออะไร?” ซางจิ่วตี้ไม่สามารถยอมรับความไม่รู้นี่ได้ “คุณไปได้เอกสารนี้มาจากไหน?”
“ห้องเก็บเอกสารลับที่เมืองชั้นในของค่ายซางจิง” เหอเฟิงยิ้มมุมปาก “น่าจะเป็นเมื่อตอนปีใหม่ ฉันไม่รู้ว่าใครขโมยเอกสารสองฉบับมาจากห้องเอกสาร ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่ขโมยไปทำยังไงโดยไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลย มันแปลกมาก ข้อมูลสองชุดถูกขโมยมา อันหนึ่งคือรายงานภารกิจของทีมหลงยาและอีกอันคือรายชื่อคุ้มครองของจีน ฉันไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของฝ่ายที่ขโมยไปคืออะไร?”
ซางจิ่วตี้เกิดความสงสัยขึ้น เธอนึกความเชื่อมโยงของเรื่องนี้ไม่ออก
“แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าใครขโมยเอกสารสองชุดนั้น แต่ก็ต้องขอบคุณคนคนนั้น เพราะหลังจากเอกสารที่หายไปจากห้องถูกตรวจพบ ทำให้พวกคนในซางจิงเพิ่มระบบรักษาความปลอดภัยของห้องนั้นขึ้นไปอีก” เหอเฟิงพูด พร้อมยิ้มยั่วที่มุมปาก “ซึ่งมันก็ทำให้ฉันซึ่งมีตำแหน่งสูงได้มีโอกาสเข้าไปแอบหยิบของพวกนี้ออกมา”
“อ่าาา!” ซางจิ่วตี้แสยะยิ้ม “กัปตันของทีมฮูหยาถึงขั้นขโมยของ? ของสิ่งนั้นคงจะสำคัญมากงั้นสิ? แล้วถ้ามันสำคัญขนาดนั้น ทำไมมันถึงขโมยออกมาได้ง่ายขนาดนี้โดยไม่ถูกจับได้? นี้มันไม่ใช่สำเนาแต่มันคือตัวจริงต่างหาก?”
“คุณมีสายตาที่แหลมคมมาก…ใช่ นี่เป็นเอกสารตัวจริง” เหอเฟิงพยักหน้าเบาๆ “อย่างไรก็ตาม เอกสารตัวจริงนี้ถูกค้นพบอยู่ในมุมซอกที่เต็มไปด้วยฝุ่นสกปรกของห้องเก็บเอกสาร และความจริงแล้วเอกสารตัวจริงที่เข้ารหัสไว้นี้ควรจะนำไปแสดงที่การประชุมระดับสูง แต่เห็นได้ชัดว่ามีบางคนจงใจปิดข้อมูลนี่เอาไว้”
ซางจิ่วตี้ตกใจและทันใดนั้นเธอก็คิดถึงอีกความเป็นไปได้ “เหตุผลที่คุณขโมยต้นฉบับมาได้เป็นเพราะความสามารถอีกฝ่ายมีจำกัด ความเชื่อมโมงทุกอย่างยังเปิดเผยออกมาไม่หมด และเอกสารนี้เป็นสิ่งเดียวที่สามารถซุกซ่อนไว้ในห้องเอกสารได้โดยไม่ถูกใครค้นพบ พวกเขาไม่รู้รายละเอียดที่แท้จริงของมันและ…”
“และนี่คือสิ่งที่พวกเขาต้องการ แต่ตอนนี้มันอยู่ในมือของคุณแล้ว” เหอเฟิงพูดแทนซางจิ่วตี้พร้อมกับยิ้มอย่างเยือกเย็น “การถอดรหัสจดหมายนี้เป็นเรื่องง่ายๆสำหรับคุณ พวกเราจะได้เข้าใจความสำคัญของเรื่องนี้เมื่อคุณถอดรหัสเอกสารนี้ได้ แล้วเราจะได้มาดูเนื้อหาของมันกัน”
ซางจิ่วตี้รีบทำการถอดรหัสทันที เธอเหมือนกับหลุดไปอยู่ในโลกของเธอเองคนเดียว อย่างที่เหอเฟิงพูด…การถอดรหัสจดหมายเข้ารหัสนี้เป็นเรื่องง่ายสำหรับเธอ
และท่ามกลางช่วงเวลานั้น ติงซือเย้าที่ช็อคไปแล้วกับเรื่องที่ได้ยินก็หัวใจเต้นรัวราวกับจะระเบิดออกมา การสนทนาระหว่างเหอเฟิงและซางจิ่วตี้นั้นแม้แต่คนโง่ก็ยังรู้เลยว่ามันมีปัญหาเกิดขึ้น
แต่ นี้มันสถานการณ์อะไรกัน? เกิดอะไรขึ้น? ใครก่อเรื่อง?
และจดหมายเข้ารหัสที่สำคัญนี้เห็นได้ชัดเลยว่ามันมาจากประเทศอื่น ดังนั้นความตึงเครียดที่ตามมานั้นไม่สามารถจะจินตนาการได้เลย!