Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย – ตอนที่ 487

คนอื่นพลันขมวดคิ้วหากเป็นไปด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป เหล่าทหารผ่านศึกไม่ได้เอ่ยปากพูดเป็นครั้งแรก ส่วนอารมณ์ของกูเหลียงเฉินนั้นคือเขาไม่แยแสว่าใครจะคิดยังไงเกี่ยวกับเขา

 

หลี่ชวนที่หาเสียงของตัวเองไม่เจอไปพักหนึ่ง ไม่สนใจว่าเจิ้งเย้าจะเป็นผู้หญิงหรือเปล่า เขาพลันเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “เจิ้งเย้า อย่าคิดว่าเพราะเธอเป็นผู้หญิงแล้วจะทำอะไรก็ได้นะ เธอไม่ใช่ติงเซวหรือชูเซี่ย ทางที่ดีอย่ามายั่วอารมณ์ดีกว่า แยกย้ายไปซะ”

 

“เฮ้ย?” เจิ้งเย้าตวัดสายตามองหลี่ชวนทันที “ถ้านายชอบติงเซวและชูเซี่ยมากนัก ทำไมนายไม่ไปข่มขืนพวกมันซะเลยล่ะ? ทั้งฉันและพวกมัน ยังไงฉันก็ไม่ได้อยู่ในกองทัพอยู่ในทีมของพวกนายอยู่แล้ว อย่าพูดให้ดูดีไปหน่อยเลย!”

 

“หุบปากซะ! ช่างเป็นผู้หญิงที่น่าขยะแขยงอะไรได้ขนาดนี้!” หลี่ชวนโกรธจัด

 

ติงเซวเป็นภรรยาทางกฏหมายของเฉินช่าวเย่ ส่วนชูเซี่ยนั้นเป็นเด็กผู้หญิงอายุแค่สิบห้าปี ยัยเจิ้งเย้าคิดบ้าบออะไรอยู่?

 

ยิ่งไปกว่านั้นชูฮันได้ระบุไว้อย่างชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษรตั้งแต่เมื่อเดือนก่อน ชูฮันจะไม่ยอมให้มีสถานการณ์ไม่เหมาะสมใดๆเกิดขึ้นในกองทัพของเขาเด็ดขาด กองทัพก็คือกองทัพ ทั้งผู้ชายและผู้หญิงทั้งหมดคือทหารเทียบเท่ากันหมด!

 

คำพูดของเจิ้งเย้าไม่เพียงแต่ทำให้หลี่ชวนโกรธ แต่ยังทำให้เหล่าทหารผ่านศึกที่เหลือจ้องมาอย่างไม่พอใจกันหมดรวมถึงกูเหลียงเฉินที่มองมาด้วยสายตาเย็นยะเยือกและแฝงไปด้วยจิตสังหาร

 

“เหอะ!” เจิ้งเย้ามองไปที่กลุ่มคนที่จ้องเธอพลันแสยะยิ้มใส่โดยไม่คิดจะสงวนท่าทางของตัวเองเลยสักนิด แถมเจิ้งเย้ายังอาละวาดขึ้นหนักกว่าเดิมอีก “หรือเพราะนายแอบคิดไม่ซื่อกับติงเซว? นายคิดจะพูดอะไร คิดจะพูดอะไร? เหอะ! นี่มันกลุ่มรวมแต่ขยะชัดๆ มีแต่พวกสมองครึ่งๆกลางๆ! เอาแต่อยากคิดจะมีอะไรกับฉัน!”

 

เจิ้งเย้าที่ใช้ชีวิตท่ามกลางโลกาวินาศไม่มีความสนใจในมนุษยชาติและศีลธรรม เธอไม่มีอะไรให้ต้องหลบซ่อน ในตอนนี้เธอไม่คิดว่าเธอทำอะไรผิดด้วยซ้ำ

 

นอกเหนือจากการโดนข่มเหงและถูกข่มเหง!

 

และในขณะที่กลุ่มทหารกำลังตัวสั่นด้วยความโกรธ เช่นเดียวกับหลี่ชวนที่อารมณ์ปะทุและโกรธจัด—–

 

เพี้ยะ!

ทันใดนั้นก็มีมือตบเข้าที่หน้าของเจิ้งเย้า!

 

เจิ้งเย้าเป็นแค่คนธรรมดา เมื่อโดนแรงอัดของฝ่ามือที่ตบลงมาเข้าไป มันทำให้เจิ้งเย้าไม่สามารถลุกขึ้นมาจากพื้นได้เป็นเวลาพักใหญ่เลยทีเดียว

 

ลูกตบนี้เป็นฝีมือของกูเหลียงเฉิน

 

ทุกคนประหลาดใจที่ได้เห็นกูเหลียงเฉินทำแบบนั้น หลี่ชวนกระพริบตาปริบอย่างตกใจ หลี่ชวนไม่คิดเลยว่าการสั่งสอนแรกสำหรับเจิ้งเย้าจะมาจากกูเหลียงเฉิน…ภูเขาน้ำแข็ง ถือว่าเจิ้งเย้าต้องเหลือเกินและต้องคุ้มค่าแก่กูเหลียงเฉินพอที่จะลงมือเอง สามารถทำให้ถูเขาน้ำแข็งหลุดจากขั้วโลกออกมาได้

 

กูเหลียงเฉินชักมือกลับมา เขาเหยียกปากแสดงออกถึงการดูถูก “ครึ่งเดือนที่แล้วเราได้พบกับกลุ่มคนของค่ายอื่นและในกลุ่มนั้นมีโสเภณีอยู่ด้วยหลายคน แต่กลุ่มของเราไม่มี พวกนั้นคิดว่าผู้หญิงสองคนในกลุ่มเราเป็นโสเภณี ท่านชูฮันให้ติงเซวตัดสินใจว่าจะเอายังไงกับอีกฝ่ายที่คิดจะข่มขืนเธอ ซึ่งอีกฝ่ายเป็นวิวัฒนาการระยะ 1 ส่วนติงเซวเป็นแค่คนธรรมดา ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดนี้ทำให้ทุกคนเป็นห่วง แต่ผลลัพธ์คือเป็นเพราะติงเซวนั้นได้รับการฝึกฝนและควบคุมอารมณ์มาอย่างดี เธอจึงใช้มีดปาดคอวิวัฒนาการระยะ 1 คนนั้นตายคาที่ได้ทันที!”

 

“ติงเซวฆ่าคนนั้นและพวกของชายคนนั้นก็รีบหนีกระเจิงกันไปทันที เธอรู้มั้ยว่าทำไม?” กูเหลียงเฉิยยิ้มโค้งมุมปากอย่างเย็นชา

 

กลุ่มของคนมาใหม่ไม่มีใครกล้าปริปากพูด ทุกคนช็อคค้างด้วยความกลัวและตั้งใจฟังสิ่งที่กูเหลียงเฉินพูด แม้คำพูดที่กูเหลียงเฉินใช้จะไม่ใช่คำที่เรียบง่ายแต่มันไม่ได้ขัดขวางความกลัวที่สมองพวกเขารับรู้ได้ ตั้งแต่แรกแล้วติงเซวและชูเซี่ยเป็นบุคคลที่โดดเด่นอยู่แล้วท่ามกลางผู้คน พวกเธอเป็นคนสวย และยิ่งตอนนี้เมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องที่เหนือความคาดหมายเกี่ยวกับความสามารถของคนธรรมดาอย่างติงเซวแต่กลับสามารถฆ่าวิวัฒนาการได้ มันจึงเกิดความช็อคขึ้นในหัวใจของพวกเขา

 

เธอกล้าแกร่งขนาดนั้นเลยเหรอ? เจิ้งเย้าที่กำลังสำลักอย่างน่าเวทนาอยู่ที่พื้นไม่พอใจและมีสีหน้าบิดเบี้ยว เธอรู้สึกเหมือนกับว่าฟันเธอหลุดออกมาและหัวของเธอเหมือนถูกกระแทกอัดเข้าอย่างแรงจนมึนไปหมด ลูกตบจากกูเหลียงเฉินไม่เบาเลยทีเดียว ไอ้ขยะนี้พอเวลาเห็นคนอื่นเก่งกว่าตัวเองก็หลบทางให้เขา เธอก็แค่พูดความจริงแต่มันกลับทำเธอฟันร่วง!

 

“เคยมีคนถามท่านพลเอกชูฮันว่าทำไมกองทัพเขี้ยวหมาป่าถึงมีผู้หญิงอยู่ด้วย ฉันคิดว่าคำตอบของท่านพลเอกสมเหตุสมผล ท่านตอบว่า…มันมีคนอยู่สองประเภทในกองทัพ ไม่ใช่ทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่เป็นคนกล้าหาญและขี้ขลาด” อีกครั้งที่กูเหลียงเฉินเปิดปากพูดพร้อมกับจ้องตากับเจิ้งเย้าอย่างเย็นชา “เพราะติงเซวเป็นคนกล้าหาญ ที่ไม่เคยทำผิด!”

 

ทหารผ่านศึกทั้งหลายต่างภาคภูมิใจในตัวเพื่อนทหารกันเอง แต่เหล่าคนมาใหม่ทั้งสามคนในกลุ่มที่สี่กลับมีแววตาเป็นประกาย…กล้าหาญและขี้ขลาด นี่คือมาตรฐานที่กองทัพเขี้ยวหมาป่าใช้แยกแยะระหว่างแต่ละคน!

 

“ไม่ต้องพูดถึงเรื่อง—-” หลี่ชวนไม่ลืมที่จะเติมเชื้อเพลิงเพิ่มเข้าไป “ติงเซวเป็นภรรยาของพลโทของจีนอย่างเฉินช่าวเย่ และชูเซี่ยก็มีศักดิ์เป็นน้องสาวของพลเอกของจีน”

 

ยิ่งหลี่ชวนพูดแบบนี้มันยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้คำพูดของกูเหลียงเฉินเข้าไปอีก

 

เจิ้งเย้าในตอนนี้ที่เมื่อได้ฟังการบอกเล่าของกูเหลียงเฉิน เธอไม่มีความรู้สึกสำนึกผิดหรือเข้าใจอะไรทั้งนั้น แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อได้เห็นท่าทางจริงจังและตึงเครียดพร้อมกับคำบอกเล่าของหลี่ชวนที่สมทบมาอีกนั้น จู่ๆความกลัวก็เริ่มเข้าเกาะกุมหัวใจของเจิ้งเย้า อารมณ์มากมายเริ่มก่อตัวขึ้นในใจ เธอรู้ว่าติงเซวและชูเซี่ยนั้นเป็นคนระดับสูงและเธอไม่ควรพูดถึงผู้หญิงสองคนนั้นแบบนี้เพราะโทษคือประหาร

 

เจิ้งเย้าไม่กล้าจะพูดอะไร เธอพลันรีบทรุดตัวลงกับพื้นและเงยหน้าอ้อนวอนกูเหลียงเฉิน “ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้ว ฉันมันบ้า ได้โปรดไว้ชีวิตฉันด้วย อย่าทำร้ายฉันเลย จะให้ฉันทำอะไรก็ได้ จริงๆนะฉันยอม”

 

ไม่มีร่องรอยการเคลื่อนไหวใดๆในแววตาของกูเหลียงเฉินเลยสักนิด คงไว้แต่ความเหน็บหนาวและเย็นชาสำหรับคนที่มองมา “งั้นเหรอ? เธอมันคนขี้ขลาดพูดจากลับกลอก กองทัพเขี้ยวหมาป่าจะไม่ยอมรับคนขี้ขลาด อันดับแรกวันนี้เธอเยาะเย้ยดูหมิ่นผู้นำสูงสุดของกองทัพเรา และยังทำให้เพื่อนร่วมกลุ่มอับอายขายขี้หน้า ฉันในนามของหัวหน้ากลุ่มที่สี่ขอสั่งโทษประหารให้เธอ”

 

เหล่าทหารผ่านศึกได้แต่ตะลึงเพราะโดยปกติกูเหลียงเฉินจะเป็นคนพูดน้อยมาก แต่วันนี้กลับพูดเยอะเกินกว่าที่พวกเขาเคยเห็น

 

บุคคลที่มีปัญหาควรถูกกำจัดให้หมดอย่างรวดเร็วทันทีที่ตรวจเจอความบกพร่อง แม้ว่าแนวทางของกูเหลียงเฉินอาจจะทำเกินเหตุแต่โทษประหารก็ยังถือเป็นข้อสรุปบทลงโทษที่เจิ้งเย้าต้องได้รับอยู่ดี เหล่าทหารผ่านศึกทั้งเจ็ดคนต่างไม่มีใครโต้แย้ง ความคิดของพวกเขาสอดคล้องไปทางเดียวกันหมด การฆ่าเจิ้งเย้าเพื่อจัดการกับปัญหาอันตรายที่ซ่อนเร้นซึ่งอาจสร้างความวุ่นวายได้ในภายภาคหน้าถ้าปล่อยทิ้งไว้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการเชือดไก่ให้ลิงดู

 

เหล่าคนมาใหม่ที่พึ่งเข้าร่วมกับกลุ่มอาจจะมีความขัดแย้งขึ้นในใจแต่พวกเขาเองก็จำเป็นต้องรู้ด้วยว่าวิธีการทำงานของกลุ่มก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน แต่ก่อนที่พวกเขาจะลงโทษประหารแก่เจิ้งเย้าพวกเขาก็ต้องให้เหตุผลที่สมเหตุสมผล ไม่อย่างนั้นเหล่าคนมาใหม่ก็จะมีแต่ความหวาดกลัวและระแวงว่าตัวเองจะถูกฆ่าทันทีถ้าไม่เชื่อฟังคำสั่ง แทนที่จะเป็นจิตแรงกล้าที่อยากติดตามกองทัพเขี้ยวหมาป่าด้วยใจจริง

 

ตามที่ทหารผ่านศึกหลายคนคาดไว้ เหล่าคนมาใหม่ที่เหลือตกต่างอยู่ในห้วงความคิดทันที

 

ก่อนที่คำพูดของกูเหลียงเฉินจะได้รับการปฏิบัติตามอย่างที่บอกกับเจิ้งเย้าที่กำลังจะตายไว้ คำพูดของกูเหลียงเฉินที่พูดกับเจิ้งเย้าก็เหมือนเป็นการบอกกล่าวผ่านไปยังคนมาใหม่ที่เหลือด้วยว่าเขาสามารถฆ่าทุกคนที่ทำผิดได้หมด เพื่อให้ทุกคนเข้าใจเหมือนกันหมด การตัดสินใจทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับพวกเขาเอง

 

และในขณะที่กูเหลียงเฉินพูดจบ เขาก็ยกดาบยาวในมือขึ้นและกำลังจะเริ่ม——-

 

ฟรึบ!

 

จู่ๆก็มีคาบโค้งมาเข้าสกัดวิถีดาบของกูเหลียงเฉินเอาไว้ และกระแทกอาวุธหลุดออกจากมือของกูเหลียงเฉิน!

Apocalypse Meltdown

Apocalypse Meltdown

มันเป็นโลกที่ซอมบี้และมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยความสิ้นหวัง สนามแม่เหล็กของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงและทุกอย่างได้ย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้น วันหนึ่ง วีรบุรุษของพวกเรา…ชูฮัน ได้เดินทางย้อนเวลากลับมาสิบปีก่อนโดยไม่รู้ตัว เขาได้ย้อนกลับมาก่อนจุดจบของโลกจะเริ่มต้นขึ้น (โลกาวินาศ) เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงดังในหอพักในมหาวิทยาลัยหมิงชิว ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ชูฮันต่อสู้กับเหล่าซอมบี้นับสิบๆตัวก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถเพื่อขโมยรถยนต์เมอร์ซิเดซ-เบนซ์G55ออกมา เขาตัดสินใจที่จะตามหาพ่อแม่และพี่น้องของเขาด้วยG55คันนี้ ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเสียใจที่ไม่ได้ทำในชาติที่แล้ว ระหว่างทางชูฮันได้พบปะกับคนกลุ่มหนึ่งที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนที่ติดอันดับ 20 ของโลกาวินาศรวมอยู่ด้วย…เฉินช่าวเย่ พวกเขาพบกับซอมบี้จำนวนมากระหว่างทางบนทางหลวง ซึ่งชูฮันได้ใช้รถ G55 พุ่งชนเหล่าซอมบี้จนเละ และในตอนนั้นเอง ชูฮันถึงตระหนักได้ว่าทั้งหมดนี้คือระบบล่มสลาย และเขาสามารถได้คะแนนจากการฆ่าซอมบี้ทั้งหลาย ซึ่งเขาสามารถเอาคะแนนพวกนี้ไปแลกเปลี่ยนเป็นความสามารถพิเศษอะไรก็ได้ และในตอนนั้นเอง การเดินทางของชูฮันก็ได้เริ่มต้นขึ้นไปพร้อมๆกับระบบล่มสลาย นี่เป็นเรื่องราวของระบบล่มสลาย โดยมีเขา…ชูฮัน เป็นคนดำเนินเรื่องราว

Comment

Options

not work with dark mode
Reset