Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย – ตอนที่ 495

สายตาของทุกคนพลันหันไปจับจ้องที่คนแปลกหน้าสองคนที่ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันทันที มันไม่ใช่สิ่งที่พวกคาดคิดไว้เลยว่าจะเกิดขึ้น ไม่มีใครคิดถึงเหตุการณ์นี้เลย

 

ยิ่งไปกว่านั้น ท่านพลเอกชูฮันก็ไม่ได้อยู่ที่นี้ ณ ตอนนี้ด้วย เพราะฉะนั้นพวกเขาก็เลยไม่รู้ว่าจะรับมือกับสถานการณ์นี้ยังไงดี

 

กลุ่มที่หกเริ่มพึมพำกับตัวเองอย่างสงสัยว่าพวกเขาทำอะไรผิดลงไปรึเปล่า แววตาที่เย็นชาของคนเป็นพ่อเริ่มเย็นชาขึ้นไปเรื่อยๆขณะยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

 

หลังจากความเงียบที่ก่อตัวขึ้นพักใหญ่ ชูเซี่ยที่อายุสิบห้าปีก็เปิดปากพูดขึ้นก่อนทว่ามันมีความสับสนอยู่ในแววตาของเธอ “น้องสาวคนนี้ดูคล้ายๆฉันเลย ชื่ออะไร?”

 

“เธอชื่ออะไรน่ะ?”

สมาชิกของทีมที่หกที่ถูกถามหมุนตัวหันหลับไปถามคู่พ่อลูก

 

“เธอพูดไม่ได้นะ” น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยตอบ บางทีอาจจะเป็นเพราะชูเซี่ยกับลูกสาวของดูคล้ายกัน แถมยังมีอายุไล่เลี่ยกันอีก ท่าทางนิ่งเฉยของชูเซี่ยเองก็ดูไม่ได้เป็นปรปักษ์เหมือนกับคนอื่นๆด้วย “ลูกสาวของฉันเป็นใบ้”

 

ทุกคนต้องตกใจอีกครั้ง บางคนตะลึงจนเห็นได้ว่าพวกเขาอ้าปากค้างหน่อยๆ มันมีความสงสารฉายชัดอยู่บนสีหน้าของทุกคน

 

กูเหลียงเฉิงที่ไม่ค่อยพูด จู่ๆก็เอ่ยปากขึ้น “ความพิการของลูกสาวคุณเป็นตั้งแต่เกิดหรือว่ามีอะไรทำให้เป็น?”

 

ร่างกายเย็นยะเยือกของคนเป็นพ่อสั่นสะท้าน น้ำเสียงที่แสดงชัดถึงความอดกลั้นอย่างแรง “เมื่อวันก่อนนี้”

 

คิ้วของกูเหลียงเฉิงเลิกขึ้น “คุณบอกพวกเราได้ไหมว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร?​”

 

คนเป็นพ่อกำมัดแน่น แววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขากัดฟันพูด “เธอร้องไห้ แหกปากจนเส้นเสียงแตก”

 

เมื่อมองไปที่ความเยือกเย็นและเต็มไปด้วยความเกลียดชังและอารมณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ ทุกคนก็เริ่มปะติดปะต่อภาพร้ายๆในหัวขึ้น หลายคนอดไม่ได้ที่จะเหลือบตาไปมองกูเหลียงเฉินอย่างข้องใจว่า เขาจะถามอะไรมากมาย เด็กน้อยคนนี้ยังเจ็บไม่พอเหรอไง ไม่สงสารเธอรึไง?

 

มันมีแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยประกายวาบขึ้นในนัยน์ตาของกูเหลียงเฉิน หากเขาก็ไม่เอ่ยถามอะไรต่ออีก

 

สมาชิกในกลุ่มที่หกทนไม่ไหวอีกต่อไป “ทั้งพ่อและลูกสาวน่าสงสารมาก เราปล่อยให้พวกเขาพักก่อนได้มั้ย? เอาอาหารอุ่นๆให้พวกเขากินก่อน แล้วรอท่านพลเอกมาว่าเราจะทำยังไงกับสถานการณ์นี้ต่อไป?”

 

หลายคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย หากมีบางคนก็กังวลว่าพวกเขาได้ทำการฝืนกฏระเบียบทหารลงไป

 

สมาชิกของกลุ่มที่หกร่าเริงเกินไป พวกเขาต้อนรับคู่พ่อลูกอย่างดี เชิญให้นั่งข้างกองไฟ เหล่าทหารมากมายก็ต่างกระตือรือร้นที่จะสร้างความอบอุ่นให้แก่คู่พ่อลูก ทว่าท่าทางเย็นชาและไม่เป็นมิตรที่มีต่อกองทัพเขี้ยวหมาป่าก็ยังคงมีอยู่ คนเป็นพ่อไม่ยอมให้ใครหน้าไหนเข้าใกล้ลูกสาวของเขาเด็ดขาด

 

กูเหลียงเฉิงมองไปที่เด็กสาวที่ไม่ยอมเปิดเผยใบหน้าครึ่งบนให้ใครเห็นอย่างเงียบๆ เด็กสาวนั่งถัดไปจากกองไฟ แขนโอบกอดรอบหัวเข่าเอาไว้ ไม่มีการขยับเขยื้อนหรือปฏิกิริยาใดๆทั้งน้ัน ไม่มีการเงยหน้าขึ้น ฮู้ดที่สวมอยู่มีขนาดใหญ่จนปิดบังสัดส่วนของร่างกายมิดชิด แถมกองไฟท่ามกลางความมืดก็ทำให้เห็นเพียงแค่คางและริมฝีปากของเด็กสาวลางๆเท่านั้น แต่ถึงกระนั่นก็ทำให้ผู้ที่เห็นมองออกว่าเด็กสาวเป็นคนสวยมากขนาดไหนและมันก็ล่อตาล่อใจต่อผู้ชายที่พบเห็น

 

“ฮัลโหล?” จู่ๆก็มีมือตบเข้าที่บ่าของกูเหลียงเฉินและเอ่ยกระซิบที่หู “เลิกดูได้แล้ว นายเป็นโลลิคอนหรือไง?” กูเหลียงเฉินไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่สะบัดตัวให้หลุดจากคนนั้นเดินไปนั่งข้างเฉินช่าวเย่ที่กำลังนั่งกินอย่างไม่หยุดหย่อนเงียบๆ เจ้าอ้วนเฉินช่าวเย่ที่กำลังกินอยู่ก็หันหน้ามามองกูเหลียงเฉินขณะที่ปากยังคงเคี้ยวอาหารที่อัดจนล้นปาก

 

กูเหลียงเฉินไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น เขาเพียงแค่หุบปาก

 

และในขณะเดียวกัน ซูเฟิง หลิวยู่ติงและชูฮันก็ยืนอยู่บนชั้นสองของซุปเปอร์มาร์เก็ตมองดูทุกคนที่อยู่ชั้นล่างจากมุมที่ทุกคนมองไม่เห็น

 

“พ่อกับลูกสาวคู่นี้ ผมเจอมาเป็นสิบครั้งแล้ว” ซูเฟิงขมวดคิ้วพลางหันไปบอกชูฮัน “ผมไม่รู้ว่ามันเป็นความบังเอิญหรือตั้งใจ คู่พ่อลูกเจอกับทั้งสิบห้ากลุ่มและทุกครั้งพวกเขาก็แสดงท่าทางระหวาดระแวงอย่างผิดปกติ”

 

ชูฮันยิ้มมุมปากอย่างยั่วยุ “มันมีความบังเอิญไม่มากนักในโลกนี้ มันมีแต่การจงใจเท่านั้น”

 

กระบวนการคิดทุกอย่างของหลิวยู่ติงได้ถูกปรับเปลี่ยนทั้งหมดตลอดสามวันที่ผ่านมา ในตอนนี้เขามองไปที่กลุ่มคนด้านล่างและพลิกหน้ากระดาษกฏระเบียบทหารในมือ “กลุ่มที่หนึ่ง หึหึหึ พวกนายจบแล้ว! กลุ่มที่สอง หึหึหึ พวกนายก็จบแล้ว! กลุ่มที่สาม หึหึหึ…”

 

ซูเฟิงมองไปที่หลิวยู่ติงด้วยสายตาหวาดกลัวและดึงเขาออกจากความคิดในหัว จากนั้นซูเฟิงก็เอ่ยปากถามชูฮันอีกครั้ง “หัวหน้าให้อำนาจเขามากเกินไปจนทำให้เขาเป็นบ้า? ผมเองยังไม่สามารถที่จะควบคุมเขาได้ใช่มั้ย?”

 

เสียงของพูดหลิวยู่ติงหยุดลงอย่างกระทัน ขณะหันไปมองชูฮันและซูเฟิง ความหมายในแววตาของหลิวยู่ติงนั้นชัดเจน แม้แต่ซูเฟิงวิวัฒนาการระยะ 6 ยังอยากจะเล่นกับเขา

 

ชูฮันเองก็รู้สึกกลัวพอๆกัน เขาส่ายหัว “ซูเฟิงไม่นับ เขาเป็นผู้คุ้มกันส่วนตัวของฉัน”

 

ซูเฟิงถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาเองก็กลัวกับสถานการณ์เหมือนกัน

 

แววตาของหลิวยู่ติงพลันแสดงความผิดหวังออกมา จากนั้นก็หันไปทำงานของตัวเองต่อ ไล่รายชื่อของคนที่ทำผิดกฏทหารจดบันทึกลงไล่ไปทีละคนๆ แววตาของหลิวยู่ติงพลันเป็นประกายจ้า

 

และจู่ซูเฟิงก็ต้องตะลึงอีกครั้งกับขวานซิ่วโหลที่ก็ปรากฏขึ้นอย่างกระทันหันในมือชูฮัน แววตาของชูฮันประกายวาบก่อนจะเอ่ยปากพูด “หลิวยู่ติงกับฉันจะเดินลงไปข้างล่างเพื่อตรวจดูความคืบหน้าของภารกิจ ซูเฟิงนายรออยู่ที่นี้เพื่อรอจัดการในกรณีฉุกเฉิน”

 

“อ่า—-?” ซูเฟิงอึ้งจากนั้นก็พยักหน้ารับ หากในใจเขายังคงสงสัยและข้องกับคำพูดของชูฮันอยู่ดี มันคืออะไรกรณีฉุกเฉิน?

 

ชูฮันที่พาหลิวยู่ติงลงมาข้างล่างก็ถูกค้นพบโดยฝูงชนอย่างรวดเร็ว ทุกคนยืนตรงเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบทันที ยิ่งทำให้พ่อลูกสงสัยกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างกระทันหันอย่างมาก…

 

หลิวยู่ติงที่เดินตามหลังชูฮันมามีประกายในแววตาอย่างพึงพอใจ สายตาจองทุกคนที่มองมาที่เขาและชูฮันนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจ แววของทุกคนที่มองมาที่เด็กสาวด้วยความสงสารและเอ็นดูพลันเปลี่ยนไปเป็นขนลุกด้วยความกลัว หลิวยู่ติงและท่านพลเอกมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง?

 

ชูฮันไม่สนใจแววตาเย็นชาของพ่อและลูกสาวที่มองมาและนั่งอยู่ตรงกองไฟ ชูฮันเพียงก้าวเท้าเดินไปมาระหว่างต่อหน้ากลุ่มทหารที่ยืนตั้งแถว น้ำเสียงของชูฮันไม่ได้ดังมากหากมันกลับดังชัดเจนก้องท่ามกลางความเงียบในซุปเปอร์มาร์เก็ต “ขอแสดงความยืนดีกับการมาถึงจุดหมายอย่างปลอดภัยของทุกคนด้วย พวกนายพอใจกันมั้ย?”

 

“เย้ เย้ วู้!” ทหารหลายกลุ่มส่งเสียงเฮอย่างดีใจ โดยเฉพาะกลุ่มที่สอง แน่นอนว่าพวกเขาดีใจตลอดสามวันที่ผ่านมาพวกเขาเหมือนกับพวกเร่ร่อนไร้จุดหมาย เคว้งคว้าง และเป็นเวลานานที่พวกเขาไม่ได้ทุบหัวซอมบี้!

 

และจู่ๆเสียงยินดีของหลายคนก็เร่ิมจางหายไปเพราะทุกคนได้เห็นภาพที่ทำให้หัวใจพวกเขาแทบหยุดเต้น ตามด้วยเสียงแสยะยิ้มอย่างน่าขนลุกของหลิวยู่ติงที่อยู่ข้างหลังชูฮัน

 

ชูฮันนับจำนวนทหารทุกคน จำนวนทั้งที่ต้องมีทั้งหมดคือ 150 คนและนับแต่กลุ่มโดยเฉลี่ย มีคนทรยศหนึ่งกลุ่ม ข้อมูลถูกต้อว

 

ชูฮันที่ยืนอยู่ต่อหน้าคนทั้งหมดหนึ่งร้อยห้าสิบคน สีหน้าของเขาไม่ได้จริงจังหากมันก็ไม่ได้ผ่อนคลาย “ตอนนี้ เริ่มจากกลุ่มที่หนึ่ง รายงานความสำเร็จของภารกิจมา!”

Apocalypse Meltdown

Apocalypse Meltdown

มันเป็นโลกที่ซอมบี้และมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยความสิ้นหวัง สนามแม่เหล็กของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงและทุกอย่างได้ย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้น วันหนึ่ง วีรบุรุษของพวกเรา…ชูฮัน ได้เดินทางย้อนเวลากลับมาสิบปีก่อนโดยไม่รู้ตัว เขาได้ย้อนกลับมาก่อนจุดจบของโลกจะเริ่มต้นขึ้น (โลกาวินาศ) เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงดังในหอพักในมหาวิทยาลัยหมิงชิว ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ชูฮันต่อสู้กับเหล่าซอมบี้นับสิบๆตัวก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถเพื่อขโมยรถยนต์เมอร์ซิเดซ-เบนซ์G55ออกมา เขาตัดสินใจที่จะตามหาพ่อแม่และพี่น้องของเขาด้วยG55คันนี้ ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเสียใจที่ไม่ได้ทำในชาติที่แล้ว ระหว่างทางชูฮันได้พบปะกับคนกลุ่มหนึ่งที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนที่ติดอันดับ 20 ของโลกาวินาศรวมอยู่ด้วย…เฉินช่าวเย่ พวกเขาพบกับซอมบี้จำนวนมากระหว่างทางบนทางหลวง ซึ่งชูฮันได้ใช้รถ G55 พุ่งชนเหล่าซอมบี้จนเละ และในตอนนั้นเอง ชูฮันถึงตระหนักได้ว่าทั้งหมดนี้คือระบบล่มสลาย และเขาสามารถได้คะแนนจากการฆ่าซอมบี้ทั้งหลาย ซึ่งเขาสามารถเอาคะแนนพวกนี้ไปแลกเปลี่ยนเป็นความสามารถพิเศษอะไรก็ได้ และในตอนนั้นเอง การเดินทางของชูฮันก็ได้เริ่มต้นขึ้นไปพร้อมๆกับระบบล่มสลาย นี่เป็นเรื่องราวของระบบล่มสลาย โดยมีเขา…ชูฮัน เป็นคนดำเนินเรื่องราว

Comment

Options

not work with dark mode
Reset