“ฉันไม่เคยข้องเกี่ยวกับพวกนั้น” อู๋หยูเฉียงส่ายหัว ทันใดนั้นเขาก็พลันนึกบางอย่างขึ้นมาได้ “อ๋อใช่ ลูกผสมที่หนีมาจากค่ายซางจิง มันกระจายข่าวไปทั่วว่าพี่ชายอยู่ในซางจิงและแม้แต่พวกเมืองที่อยู่ใกล้ซางจิงก็อยากจะล่าหัวพี่ชายกันทั้งนั้น ปัญหาก็คือไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้พี่ชายใช้เส้นทางไหนเดินทาง”
ลูกตาดำของชูฮันหดตัว…ลูกผสมที่หนีไปได้จากค่ายซางจิง?
ไอ้ตัวที่อยู่ในบ้านเติ้งเวยป๋อเมื่อตอนช่วงปีใหม่สินะ? ตอนนั้นที่เฉินช่าวเย่จัดการลูกผสมตัวหนึ่งด้วยปืนไรเฟิลพิเศษไป ส่วนอีกตัวหนึ่งพวกเขาหาร่องรอยของมันไม่เจอ แสดงว่ามันหนีไปได้ก่อนและเติ้งเวยป๋อในตอนนั้นก็คงบอกเรื่องราวของเขาให้พวกลูกผสมรู้ไปหมดแล้ว!
ชูฮันกำหมัดแน่น เมื่อนึกถึงเติ้งเวยป๋อและฟางหลงที่เขาเจอในซางจิง อารมณ์ในอกของชูฮันพุ่งปะทุอย่างรุนแรง อดีตพี่น้องร่วมสาบานที่ไม่คิดลังเลเลยสักนิดที่จะทรยศเขา มีดที่แทงเข้าข้างหลังเขาครั้งนี้มันเจ็บเหลือเกิน!
ถ้ามันไม่ใช่เพราะเขาหลบซ่อนตัวตนอยู่กับทีมฝึกอบรมเป็นเดือนแบบนี้ คาดว่าป่านนี้เขาคงถูกฝูงลูกผสมรุมจัดการไปแล้ว
“ฉันบอกไปหมดแล้ว อย่าฆ่าฉันเลยน่ะ?” อู๋หยูเฉียงอ้อนวอนขอชีวิต
ชูฮันเหลือบตามองอู๋หยูเฉียงอย่างไร้อารมณ์ในแววตา “ฉันจะให้แกได้ตายดีๆให้เหมาะสมกับความจริงที่แกให้”
“ฉันบอกทุกอย่างไปหมดแล้ว แกยังจะฆ่าฉันอีกเหรอ? แกไม่เข้าใจกฏหรือไง?” อู๋หยูเฉียงโกรธจัด “มึงไม่ใช่ลัทธิเต๋า กูเข้าใจมึงผิดสินะ!”
“แล้วมันผิดตรงไหน? แกคิดว่าฉันเป็นคนแบบไหน? ไม่เคยได้ยินข่าวลือเรื่องของฉันเหรอไง?” ชูฮันไม่คิดจะพูดกับอู๋หยูเฉียงต่ออีก เขาหมุนตัวหันไปหาซูเฟิง
“จัดการซะ!”
“ปัง!”
ปืนไรเฟิลด้ามยาวสีทองยิงกระสุนปักเข้ากลางหัวใจของอู๋หยูเฉียงที่กำลังคำรามและคลั่งอยู่ทันที ซูเฟิงชักปืนกลับมาพร้อมกับสีหน้าที่แสดงถึงความไม่สบายใจ
ทุกอย่างได้รับการจัดการแล้ว ความวุ่นวายในซุปเปอร์มาร์เก็ตเปลี่ยนเป็นความเงียบอันน่าอึดอัด ชูฮันไม่พูดอะไรเลย เขาเดินเข้ามาหาคนหนึ่งร้อยห้าสิบคน จากนั้นก็หยุดยืนนิ่งอย่างเงียบๆ
หลิวยู่ติงลังเลที่จะเดินเข้าไปหาชูฮัน เฉินช่าวเย่วางปืนลงและเดินไปหยุดยืนหน้ากลุ่มที่สองของเขา คนอื่นๆที่กระจัดกระจายไปคนละทางกับกลุ่มของตัวเองรีบผุดลุกขึ้นและเข้ามารวมกลุ่มของตัวเองอย่างรวดเร็ว ชูฮันเงียบสนิทไม่ปริปากพูดอะไรทั้งนั้นทว่าแววตาของเขานั้นเย็นชาและน่ากลัวมาก ทุกคนต่างภาวนาให้ชูฮันแสดงอารมณ์โกรธออกมาเหมือนก่อนหน้านี้ยังจะดีซะกว่านิ่งเงียบแบบนี้
มันเป็นความรู้สึกเหมือนกับเจอมือสังหาร…เยือกเย็นอย่างสมบูรณ์แบบ
ชูฮันมองไปที่กลุ่มคนตรงหน้า เขากวาดสายตามองใบหน้าของทุกคน บางคนเขาก็รู้จักมานาน บางคนก็พึ่งรู้จักได้เพียงเดือนเดียว และบางคนพึ่งรู้จักได้ไม่กี่วัน
คนทั้งหนึ่งร้อยห้าสิบคนต่างกังวลกันอย่างมาก ไม่มีใครกล้าเงยหน้าขึ้นสบตากับชูฮันเลย เพราะสัญชาตญาณของพวกเขาบอกเลยพายุกำลังจะถล่มแล้ว!
“กลุ่มที่หก” จู่ๆชูฮันก็เอ่ยขึ้นด้วยนำ้เสียงแข็งกระด้าง
สมาชิกในกลุ่มที่หกทุกคนตกใจจนหัวใจแทบตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“ความรับผิดของเรื่องซุปเปอร์ซอมบี้คือเรื่องใหญ่ที่สุด” น้ำเสียงของชูฮันเรียบนิ่งอย่างไม่มีใครกล้ากังขา “ทุกคนจะโดนลดตำแหน่งไปที่ตำแหน่งต่ำที่สุด”
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ร้ายแรงมาก สมาชิกทุกคนในกลุ่มที่หกต้องโดนลดตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ทหารผ่านศึกหลายคนที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นสิบเอกจะต้องได้รับบทเรียนจากความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ในคราวนี้!
ถ้าไม่ใช่เพราะซูเฟิงซึ่งเป็นวิวัฒนาการระยะ 6 คอยตามคุ้มครองพวกเขามาตลอดและถ้าเขาไม่รู้อยู่แล้วว่ามันมีซุปเปอร์ซอมบี้วนรอบอยู่ในหลิงเฉิง คนทั้งหนึ่งร้อยห้าสิบคนตอนนี้คงจะตายกันไปหมดแล้ว!
กลุ่มคนต่างกลัวและอึ้งกันหมด บทลงโทษของชูฮันรุนแรงมาก มันยิ่งกว่าการให้หลิวยู่ติงมาทรมานพวกเขาซะอีก ทหารผ่านศึกหลายคนเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไปและพวกเขาใช้เวลาตลอดหนึ่งเดือนและความมุมานะในการได้ตำแหน่งสิบเอกมาครอง แต่ครั้งนี้เรื่องราวที่เกิดขึ้นมันร้ายแรงมากจนชูฮันออกคำสั่งลดตำแหน่งพวกเขาโดยตรง
“กลุ่มที่สี่” ชูฮันพูดขึ้นอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างเหมือนเดิม
กูเหลียงเฉิงกัปตันของกลุ่มที่สี่รีบลุกขึ้นยืนทันที เขารู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเอง
“เรื่องปัญหาของคนทรยศไม่ได้รับการแก้ไขและยังนำพาศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างวิวัฒนาการระยะ 5 มาอีก” น้ำเสียงของชูฮันเย็นชา “ทุกตำแหน่งถูกลดตำแหน่งไปที่ระดับต่ำสุดหมด”
ทหารหลายนายอย่างกูเหลียงเฉิงและหลี่ชวนก้มหน้าต่ำ ไม่มีใครเอ่ยปากพูดหรือโต้เถียง ถ้ามันไม่ใช่เพราะท่านพลเอกชูฮันและซูเฟิงที่คอยคุ้มครองพวกเขา วิวัฒนาการระยะ 5…อู๋หยูเฉียงก็มากพอแล้วที่จะกวาดล้างพวกเขาทั้งหนึ่งร้อยห้าสิบคน
ที่มากไปกว่านั้น ครั้งนี้ยังเป็นวิวัฒนาการระยะ 5 แล้วถ้าครั้งหน้าถ้าพวกเขาไม่สนใจสภาพแวดล้อมเหมือนครั้งนี้อีกและดึงดูดวิวัฒนาการระยะ 6 หรือ 7 ใครจะมาช่วยเหลือพวกเขา?!
มีเพียงแค่สมาชิกไม่กี่คนของกลุ่มที่สี่และหกเท่านั้นที่มองมาที่ชูฮันอย่างไม่พอใจ ถ้าพวกเขาไม่โดนลดตำแหน่งป่านนี้พวกเขาคงได้เป็นขึ้นเป็นจ่าไปแล้ว
ชูฮันไม่พลาดสายตาไม่พอใจของคนที่มองมา เขาเลิกคิ้วขึ้น “มีอะไรจะพูดงั้นเหรอ?”
ไม่มีใครกล้าพูดอะไรทั้งนั้น
“พูดสิ” ชูฮันยิ้มหากรอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความเยือกเย็น “ฉันจะให้โอกาสพวกคุณได้ทำสิ่งที่ต้องการ ตอนนี้ใครอยากพูดอะไร พูดมา ฉันให้เวลาสิบนาที”
เหล่าคนใหม่บางคนก็ตาโต บางคนก็หรี่ตา พวกเขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ทว่าเหล่าทหารผ่านศึกกระพริบตาส่งสัญญาณเตือนให้…พวกเขาไม่เคยพูด เพราะถ้าพูดขึ้นมาเมื่อไหร่ เรื่องราวมันจะยิ่งเลวร้ายกว่าเดิมหลายเท่า
โชคร้ายที่เหล่าคนมาใหม่ไม่เข้าใจสัญญาณเตือนที่ส่งมา โดยเฉพาะคนมาใหม่ในกลุ่มที่หกที่ไม่พอใจมาสักพักแล้ว ผู้หญิงคนหนึ่งมีท่าทีลังเลก่อนจะพูดขึ้น “ท่านพลเอกคะ ฉันคิดว่าท่านลำเอียงเกินไป”
“มันลำเอียงยังไง? พูดสิ” ชูฮันเอามือตบอกและยิ้มใส่ผู้หญิงตรงหน้า
“ท่านลำเอียงเรื่องของหลิวยู่ติง และความต้องการที่ท่านต้องการจากเรานั้นก็สูงเกินไปโดยเฉพาะเหล่าคนมาใหม่ ท่านไม่ให้โอกาสพวกเราทำผิดพลาดเลย นี่มันก็แค่การฝึกไม่ใช่การรบจริงด้วยซ้ำ และท่านก็บอกเองว่าซูเฟิงคอยตามดูแลพวกเราอยู่ ทำไมถึงต้องทำเหมือนมันเป็นเรื่องร้ายแรงขนาดนั้น?” ผู้หญิงคนนี้มีท่าทีไม่พอใจอย่างมาก “ไหนจะเรื่องซุปเปอร์ซอมบี้ เราจะรู้ได้ยังไงว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นซุปเปอร์ซอมบี้? ท่านมาโทษเราได้ยังไง? เธอดูน่ารักเหมือนเด็กธรรมดา ใครเห็นก็ต้องสงสาร ทุกคนไม่ได้เก่งกาจเหมือนท่าน ท่านเย็นชาและใจแข็งเกินไป!”
แสงเย็นวาบในประกายตาของชูฮัน มุมปากยิ้มอย่างยั่วเย้า “มีอะไรอีกมั้ย? ใครจะพูดอะไรอีก?”
คนมาใหม่อีกคนก้าวออกมา คนมาใหม่คนนี้เป็นสมาชิกในกลุ่มที่สี่ของกูเหลียงเฉิง “ทำไมเราถึงต้องรับโทษเรื่องของเจิ้งเย้า? มากไปกว่านั้นสถานการนั้นที่เกิดขึ้นมันก็เหนือความสามารถของพวกเราที่จะรับมือ และการลงโทษโดยการลดตำแหน่งนี้ก็ไม่มีเหตุผลเลย ถึงแม้อู๋หยูเฉียงจะรู้ข้อมูลของกองทัพเราแต่เขาก็ไม่สามารถต่อกรหรือเอาชนะท่านได้อยู่ดี? มันไม่มีภัยอะไรเลยและในเมื่อมันไม่มีผลกระทบอะไรต่อท่าน ทำไมท่านถึงต้องลงโทษเรา”
รอยยิ้มของชูฮันยิ้งน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ “ดี! ต่อไป”
“ผมเองก็มีความคิดเห็น ในเมื่อท่านก็สั่งฆ่าอู๋หยูเฉียงไปแล้ว แล้วเราก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย ทำไมเราถึงต้องโดนลงโทษ?”
“ผมเองก็ไม่พอใจเรื่องการลดตำแหน่ง มันมีซอมบี้มากเกินไปในเมืองนี้แล้วคนธรรมดาแบบเราจะทำสำเร็จได้ยังไง?”
“ผมเองก็มีปัญหากับ…”
น่าสงสาร…