“เฮือก!” เหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของค่ายพลันรู้สึกหน้ามืด และภายใต้ผลกระทบอันหนักหน่วง ทุกคนต่างมองไปที่หลูอี๋อย่างมึนงงและเต็มไปด้วยข้อสงสัย
โอกาสน้อยแค่ไหนที่จะได้เจอกับท่านนายพลเอกที่มีเพียงแค่ 15 คนจากทั้งจีน เหล่าพลเอกส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ที่ซางจิง ขณะที่ที่เหลือบางคนก็จะคอยคุมอยู่ตามค่ายหลักๆ
และค่ายพวกนี้จะเป็นค่ายขนาดใหญ่ ที่มีจำนวนผู้รอดชีวิตมากกว่า 100,000 คนขึ้นไป ความแข็งแกร่งของค่ายพวกนี้เหนือชั้นกว่าค่ายที่พึ่งก่อตั้งขึ้นอย่างของพวกเขาหลายเท่านัก
เมื่อมองไปที่ชายที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา ใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์ มั่นใจได้ว่าอยู่แค่ในช่วงอายุยี่สิบต้นๆเท่านั้น ซึ่งมันมีเพียงแค่พลเอก 2 คนจากทั้ง 15 คนของจีนที่อายุน้อยกว่า 30 คนหนึ่งคือตวนเจียงเหว่ย ผู้นำค่ายตวนที่พึ่งก่อตั้งขึ้นมาไม่นานและเป็นที่รู้จักในฐานะปรมาจารย์ด้านมีด ตอนนี้ได้ขึ้นไปอยู่ที่ระดับวิวัฒนาการระยะ 6 แล้วเรียบร้อย และยังเป็นที่โด่งดังในอันดับนักสู้บนรายชื่อของเสาหินอีก
แต่ตวนเจียงเหว่ยนั้นไม่มีทางที่จะมาปรากฏตัวที่นี้อย่างแน่นอน มันมีเหตุผลมากมายที่มันเป็นไปไม่ได้และมันไม่มีสาเหตุให้ตวนเจียงเหว่ยจะต้องมาที่นี่ด้วย
ส่วนอีกคนหนึ่ง…ชูฮัน!
มันเป็นที่ชัดเจนเลยว่าบุคคลที่ปรากฏตัวอย่างมั่นใจในตอนนี้เป็นได้แค่ชูฮันเท่านั้น
ผู้ชายคนนี้…ชูฮัน ไม่มีความสูงอย่างตวนเจียงเหว่ย และเขาไม่เคยได้ยินว่าชูฮันเป็นผู้นำของที่ค่ายไหนเลย เขาไม่มีกรรมสิทธิ์ของตัวเองแต่ชื่อเสียงของเขากลับโด่งดังยิ่งกว่าตวนเจียงเหว่ยหลายเท่า และเขาเป็นคนเดียวท่ามกลางเหล่าพลเอกทั้งหลายหรือแม้กระทั่งเหล่านักสู้ในอันดับรายชื่อทั้งหมด ท่ามกลางคนแข็งแกร่งมากมาย ชื่อที่เขาใช้เป็นแค่ชื่อเรียกในครอบครัวธรรมดาๆ
มันทั้งแปลกและน่าเหลือเชื่อ ชื่อเสียงของชูฮันในมีทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ!
ชูฮันเป็นพลเอกที่อายุน้อยที่สุดในจีนและเขาเป็นคนเดียวที่ได้รับคะแนน S+ จากการประเมิณของเสาหิน เขาเป็นคนเดียวที่ได้คะแนนประเมิณ S+ สามครั้งติดต่อกัน และเป็นคนที่ได้คะแนนสูงและเป็นอันดับหนึ่งบนรายชื่อ
ด้วยความสำเร็จที่น่าตื่นตาเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ชูฮันเป็นเป้าหมายของคนหนุ่มสาวทั่วทั้งจีน
อย่างไรก็ตาม
ชื่อเสียงของเขาก็มีในด้านไม่ดีอย่างมากเช่นกัน การฆ่าซอมบี้ ฆ่าลูกผสม และฆ่าคน ชูฮันมีฉายาว่ามือสังหารและมีนิสัยที่แย่ เขาไม่มีคำว่าขีดจำกัดแม้กระทั่งในค่ายซางจิงและไหนจะแผนกโลจิสติกส์ของซางจิง ตัวตึกของแผนกโลจิสติกส์ถูกพังทลายไม่เหลือซาก เขาทำลายหน้าตาของแผนกเละไม่เป็นชิ้นดี สร้างความอับอายไปทั่ว
ไอ้คนจองหองนี่ไม่สนใครในสายตาเลย นี่มันนิสัยโจรชัดๆ!
เหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของค่ายเจียนอี๋ต่างสบตากันและกันไปมา หลูอี๋เองก็ตัวสั่นเทิ้ม เขาไม่ใช่คนโง่ แน่นอนว่าเขาเดาได้ทันทีว่าผู้ชายคนนี้คือชูฮัน
มันเพียงแค่ว่าเขาไม่คิดว่าชูฮันจะวิ่งมาถึงประตูค่ายของเขาเองแบบนี้ แถมยังตะโกนขู่อย่างจองหองว่าจะมาปล้นเขาอีก
ไม่จำเป็นต้องออกไปตามหาตัวมึงเลย จู่ๆมึงก็ส่งตัวเองมาหากูถึงหน้าประตู ได้เลย…ชูฮัน มึง…
“กลับกลายเป็นว่าท่านพลเอกชูฮันมาเยี่ยมเยียนเราถึงที่นี่ ถึงแม้ผมจะนึกไม่ออกอยู่นานเลน ต้องขออภัย” หลูอี๋ทักทายชูฮันพร้อมกับยิ้มกว้าง หลังจากทำเคารพด้วยการวันทยาหัตถ์แล้วเรียบร้อย “ท่านพลเอกชูฮัน? ท่านน่าจะส่งสัญญาณเตือนผมล่วงหน้าก่อนนะครับ ผมจะได้ส่งคนไปรอต้อนรับและจัดงานเลี้ยงต้อนรับให้ท่าน!”
แม่งเอ๊ย! ถ้ามึงไม่ใช่พลเอกละก็ พ่อจะจัดการมึงตรงนี้เลย! มึงพรากจิ่วตี้ของกูไป มึงโชคดีที่ที่ผ่านมากูหาตัวมึงไม่เจอ!
ถึงแม้ข้างในใจจะรังเกลียดและเคียดแค้นมากแค่ไหน แต่ยังไงก็ตามคนตรงหน้าหลูอี๋ก็มียศสูงกว่าเขามากและมีหลายคนมองดูอยู่ หลูอี๋จึงจำเป็นต้องโค้งคำนับต่อชูฮัน ทั้งๆที่ในใจนั้นต่อต้าน
ชูฮันยิ้มและมองไปที่หลูอี๋ที่สีหน้าเปลี่ยนไปชั่วแวบหนึ่ง ชูฮันยิ้มเยาะอยู่ในใจ จากนั้นเขาก็หันไปสะบัดมือเบาๆให้กับกองทัพทหาร 300 คนที่อยู่ข้างหลังเขา “ทุกคนสบายใจได้ ผ่อนคลายๆ พวกเราเป็นพวกเดียวกัน อย่าทำตัวดุดันกันเลยจะทำให้ผู้คนกลัวเปล่าๆ”
ทั้ง 300 คนของกองทัพเขียวหมาป่าพลับสละสีหน้าดุดันของตัวเองทิ้งทันที พวกเขากลับเขาสู่สภาวะปกติทว่ายังคงยืนนิ่งตัวตรงอยู่เหมือนเดิม การยืนนิ่งคือการฝึกที่ยาวนานที่สุดสำหรับพวกเขา แม้ชูฮันจะบอกให้ผ่อนคลายได้แต่ยังไงก็ตามพวกเขายังต้องยืนตัวตรงและคอยฟังคำสั่งอยู่ดี
ดังนั้นในความเป็นจริง แม้พวกเขาจะวางสีหน้าดุนดันกันลงแล้ว แต่สถานการณ์และบรรยากาศนั้นยังไม่ได้ลดลง ท่าทางจริงจังและตึงเครียดของทั้ง 300 คนนั้นดูน่ากลัวยิ่งกว่าการทำสีหน้าดุดันก่อนหน้านี้ซะอีก ราวกับว่ามันมีออร่าสีดำที่ลอยออกมาจากกลุ่มทหาร 300 คน ท่าทางที่ดูแข็งแกร่งของคนที่มีชีวิตรอดจากการฆ่าได้แสดงผ่านออกมาทางจิตใจที่แข็งแกร่งของพวกเขา
หัวใจของหลูอี๋แทบระเบิดด้วยกังวล สภาวะอึดอัดที่เกิดจากกองทัพทหาร 300 คนของกองทัพเขี้ยวหมาป่าทำให้หลูอี๋ไม่อาจวางใจได้ เขามั่นใจอย่างแน่นอนว่านี่คือเจตนาของชูฮัน
หลูอี๋พยายามต่อต้านความกดในอากาศอย่างหนัก จากนั้นก็เขารีบพูดขึ้นมาเพื่อแก้ไขสถานการณ์ “ท่านพลเอก ทหารของท่านน่าจะเหนื่อยจากการเดินทางบนถนนกันแล้วใช่มั้ยครับ? ให้พวกเขาไปพักผ่อนกันซะก่อนดีมั้ยครับ?”
“ขอบคุณสำหรับการเตือน! เตรียมน้ำร้อน อาหาร ไวน์ ไก่…” ชูฮันสั่งการร่ายยาวเป็นทางอย่างไม่เกรงใจหลูอี๋เลยสักนิด จากนั้นก็พาทหาร 300 คนของเขาเข้าไปด้านในของค่าย
ทหารกองทัพเขี้ยวหมาป่า 300 คนรีบเดินตามชูฮันไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่แม้แต่จะสนใจสายตาของผู้คนในค่ายเลยสักนิด สำหรับพวกเขาแล้ว สายตาของพวกเขามีไว้สำหรับมองท่านพลเอกเท่านั้น ไม่มีใครอื่น…ท่านชูฮันสำคัญที่สุด
ส่วนพวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งหลายในค่ายนี้ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะสนใจ ไม่ว่าคนพวกนั้นจะมียศถาสูงมากแค่ไหน ไม่ว่าจะแข็งแกร่งและเก่งกาจมากแค่ไหนก็ตาม แล้วมันยังไงล่ะ?
พวกคุณสามารถตาดการณ์ยุทธวิธีของกลยุทธ์ต่อต้านในแต่ละสถานการณ์อย่างฉับพลันได้มั้ย? พวกคุณสามารถพาพวกเขาไปตามเมืองที่มีซอมบี้เป็นแสนๆตัวหรือเป็นล้านอยู่รวมกันได้มั้ย? พวกคุณกล้าที่จะบุกไปฆ่าซอมบี้ในเมืองทั้งหลายด้วยจำนวนทหารในมือแค่ 300 คนโดยไม่มีผู้เจ็บสักคนมั้ย?
อย่างไรก็ตามในสายตาของสมาชิกทุกคนของกองทัพเขี้ยวหมาป่าแล้ว ท่านพลเอกชูฮันคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด เป็นคนที่สุดยอดที่สุด และไม่มีใครสามารถเทียบเท่าได้แม้กระทั่งเส้นผมของพลเอกชูฮัน
เหล่าคนในค่ายเจียนอี๋ โดยเฉพาะพวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงต่างอึ้งค้างกันหมด พวกเขามองไปที่กลุ่มคน 300 คนที่เดินผ่านหน้าพวกเขาเข้าไปในตัวค่ายโดยไม่แยแสพวกเขาเลยสักนิด
แน่นอนว่า…ผู้นำเป็นแบบไหน ทหารก็เป็นแบบนั้น! นี่มันน่าหงุดหงิดเกินไป มันคนมากมายตำตา นี่มันจองหองเกินไปแล้ว! หลูอี๋แค้นใจจนแทบกระอักเป็นเลือด เขาเฝ้ามองชูฮันและกลุ่มคนเดินผ่านหน้าเขาเข้าไปในค่ายของเขาและได้แต่กัดฟันทน จากนั้นก็ออกคำสั่งกับผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา “ตามเขาไปและเตรียมของต้อนรับอย่างหรูหราที่สุด!”
แม่ง! ซางจิ่วตี้เห็นดีอะไรในตัวไอ้ระยำนี่? ไอ้ชูฮันมันมีอะไรดี? ฮึ่ม! มึงต้องการมันหาเรื่องกูที่ค่ายของกูใช่มั้ย? ดี พ่อจะให้มึงเล่นให้หนำใจ จะให้มึงและทหารของมึงได้เต็มไปด้วยความโลภและตัณหา!
แน่นอนว่าชูฮันไม่สนใจความคิดของหลูอี๋เลย เขาเข้ามาที่ค่ายนี้เพื่อสร้างความวุ่นวายและปล้น และเพื่อสร้างปัญหาของหลูอี๋
หลังจากกองทัพเขี้ยวหมาป่าได้เข้ามาค่ายเจี้ยนอี๋แล้ว พวกเขาก็ถูกจัดให้อยู่ในที่พักที่หรูหราที่สุดของค่าย ทั้ง 300 คนได้อาบน้ำร้อน และตามด้วยมื้อค่ำมื้อใหญ่ที่เตรียมรอพวกเขา