Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย – ตอนที่ 524

หลูอี๋ที่เมื่อเห็นว่าชูฮันร้องขอให้เปลี่ยนตัว ก็ตื่นเต้นและดีใจอย่างมาก “เปลี่ยนอะไร ไม่มีการเปลี่ยน ปล่อยให้พวกเขาเริ่มได้ทันที!”

 

ฮ่าฮ่าฮ่า! ครั้งนี้แม้แต่คนอย่างไอ้ชูฮันอย่างดูลนๆ เขามั่นใจเลยว่าครั้งนี้พวกเขาเลือกถูกคน ดีเลย! เยี่ยมมาก!

 

คนของค่ายเจียนอี๋เองก็ต่างตื่นเต้นในอกกันเหมือนกัน ขวัญกำลังใจของเหล่าทหารของค่ายเองก็เริ่มกลับมา เสียงตะโกนเชียร์ดังกู่ก้องไปทั่ว มือไม้โบกสะบัดอย่างต้องการให้กำลังใจทหารของตัวเอง นักสู้คนที่สามของค่ายเจียนอี๋ที่ยืนอยู่กลางลานประลองยิ่งตื่นเต้นกว่านักสู้คนไหนๆ เขารอคอยชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของตัวเองไม่ไหวแล้ว

 

อีกฝั่งหนึ่ง ในกองทัพเขี้ยวหมาป่ามีแต่ความเงียบเพียงอย่างเดียว สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่คนที่ถูกเลือกด้วยความหวาดกลัว——-

 

ซูเฟิง…

 

“ฉันพูดจริงๆ เปลี่ยนคนเถอะ?” ชูฮันค่อนข้างอึดอัดใจ

 

ซูเฟิงเป็นวิวัฒนาการสูงที่สุดในกองทัพของเขา…ระยะ 6 ซึ่งอีกนิดเดียวเท่านั้นก็ยกระดับไปที่ระยะ 7 อยู่แล้ว ไม่เพียงแต่เป็นถึงกัปตันของทีมนักฆ่าขนนกแล้ว แต่ยังเป็นศัตรูกับอดีตกัปตันเจียงหลิงโหวแห่งทีมเขี้ยวหมาป่า ที่ต่อสู้กันอยู่บนยอดเขามาอย่างยาวนาน พลังในการต่อสู้ของพวกเขาส่งผลให้เกิดหิมะถล่มขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งหลังจากได้เจอกับชูฮันและเจอกับการฝึกปีศาจของชูฮันตลอดระยะเวลาสามเดือน ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆสำหรับระยะวิวัฒนาการของซูเฟิง แต่พละกำลังในการต่อสู้ของซูเฟิงนั้นได้พลิกไปอย่างเต็มรูปแบบ แม้แต่วิวัฒนาการระยะ 7 ก็ยังไม่มีฝีมือเทียบเท่ากับซูเฟิงเลย

 

ทหารที่ดูธรรมดาของค่ายเจียนอี๋ต้องการจะประลองฝีมือกับซูเฟิง…นี่อยากหาเรื่องตายหรือยังไง?

 

“ท่านพลเอกชูฮัน กฏมันก็ชัดเจนว่าการเลือกคนมาประลองฝีมือทั้งสิบรอบนั้นจะเป็นการตัดสินใจจากฝ่ายของผม แน่นอนว่าผมไม่สามารถเปลี่ยนกฏระเบียบเองได้” หลูอี๋ที่ไม่ยอมลดทิฐิลงและยืนยันอย่างมั่นใจว่าตัวเองจะต้องชนะเกมส์ในครั้งนี้ เขาจะไม่ยอมให้ชูฮันได้ทำสำเร็จเป็นอันขาด

 

เขาควรขอให้ซูเฟิงเบามือมั้ย? อีกฝ่ายจะถึงตายหรือเปล่า? ซูเฟิงไม่ใช่คนเบามือแต่เป็นคนมือหนัก!

 

ชูฮันหมดหนทางจะช่วย หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ชูฮันก็หันไปพูดกับซูเฟิง “ไปเถอะ ระวังด้วย” ระวังอย่าฆ่าคน!

 

ซูเฟิงพยักหน้าและเดินออกไปจากกลุ่ม ระหว่างนั้นหลูอี๋ก็ยิ่งตื่นเต้นขึ้นไปอีกจนหน้าแดงก่ำ

 

เหล่าคนของค่ายเจียนอี๋เองก็มีความมั่นใจและเริ่มส่งเสียงเชียร์ไม่หยุด ทั้งกองทัพของเจียนอี๋กำลังเดือดและฮึกเหิม…อีกฝ่ายมีทหารแค่สามร้อยคนเท่านั้น คงไม่มีคนเก่งมากขนาดนั้น

 

ยกที่สามจบลงภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาทีด้วยซ้ำ ซูเฟิงไม่ได้แม้แต่ลงมือเลย เขาเพียงแค่ยืนนิ่งอยู่กลางลานต่อสู้ จากนั้นก็ปล่อยพลังผันผวนของวิวัฒนาการระยะ 6 ออกมาถึงระดับสูงสุดส่งผลให้ทุกคนรอบๆตะลึงค้าง และส่งให้นักสู้คนที่สามกระเด็นออกไปในอากาศ จากนั้นซูเฟิงก็เดินกลับเข้าไปยืนในกลุ่มต่อเหมือนเดิม

 

“ไหนท่านบอกผมว่าแต่มีทหารธรรมดาไง?!” น้ำเสียงรุนแรงกระชากของหลูอี๋ลั่นขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ

 

“เพราะงั้นฉันถึงบอกว่าอย่าเลือกเขา?” ชูฮันหันมองไปหลูอี๋และแสดงสีหน้าที่หลูอี๋พยายามหา แต่ชูฮันไม่มีทางเลือกนอกจากผายมือออกมา “เขาไม่ได้เป็นแม้แต่สิบตรีด้วยซ้ำ นี่เป็นวิธีการจัดการทหารของฉัน”

 

ซูเฟิงไม่มียศตำแหน่ง เนื่องจากลักษณะพิเศษของทีมนักฆ่าขนนกและการได้เป็นกัปตันของทีมอยู่แล้ว ชูฮันไม่เคยมอบยศทางทหารให้ซูเฟิงเลย ความจริงแล้วนั้นนอกเหนือจากเฉินช่าวเย่และหลิวยู่ติง ที่เหลือทั้งกองทัพเขี้ยวหมาป่านั้นไม่มีตำแหน่งอย่างสมบูรณ์แบบ ทุกอย่างนั้นรอคอยเมื่อกลับไปถึงค่ายเขี้ยวหมาป่าก่อน

 

หลูอี๋โกรธจัด ครั้งนี้เขาค้นพบแล้วว่าเขาไม่สามารถหาจุดอ่อนของฝ่ายชูฮันได้เลย การประลองดำเนินต่อไปท่ามกลางความกดดันที่หลูอี๋ต้องเจอ สมาชิกทั้งหมดของค่ายเจียนอี๋ตกอยู่ในความกังวล ทว่าชูฮันและกองทัพเขี้ยวหมาป่าที่มีสมาชิก 300 กลับอยู่ในท่าทางนิ่งสงบเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

 

ผลลัพธ์ที่ออกมาคือชนะ 7 แพ้ 3 มีเพียงแค่สมาชิกใหม่ที่พึ่งเข้าร่วมกองทัพเขี้ยวหมาป่าในเวลาไม่ถึงครึ่งเดือนด้วยซ้ำและถูกเลือกออกไปประลอง เมื่อเทียบกับทหารผ่านศึกทั้งหลายที่ถูกฝึกฝนมาเป็นเวลาหลายอาทิตย์ ความสามารถของสมาชิกใหม่นั้นไม่ได้แย่ แต่เมื่อเจอกับคู่ต่อสู้ที่มีประสบการณ์มากกว่าจากฝ่ายนั้นผลสุดท้ายจึงพ่ายแพ้ไป

 

สำหรับอีก 7 ยกที่เหลือนั้น ชนะได้อย่างไร…

 

คนของค่ายเจียนอี๋ไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้อีก แม้แต่หลี่ชวนที่ไม่ใช่มนุษย์สายพันธุ์ใหม่ก็ยังได้รับชัยชนะหลังจากถูกเลือกให้ออกไปประลองฝีมือกับวิวัฒนาการระยะ 1

 

นี่คือชัยชนะที่แท้จริง ดังนั้นทุกคนในค่ายเจียนอี๋จึงหมดคำพูดจะโต้แย้ง

 

หลังจากสิ้นสุดทั้งสิบรอบ หลูอี๋ก็แทบจะร้องไห้ออกมา เขานั่งอยู่ในเก้าอี้ตำแหน่งของเขา คร่ำเครียดถึงของเดิมพันที่เคยฝันไว้ เหรียญล่มสลายทั้งหมด 50,000 เหรียญหายไปต่อหน้าต่อตา และในตอนนั้นเองหลูอี๋ก็พึ่งตระหนักได้ว่าเมื่อตอนที่ชูฮันมาถึง มันพูดไว้ว่ามันจะมาปล้นค่ายเขา!

 

“ทำดี เพราะงั้นพวกนายจะได้พักอีกหนึ่งวัน” ชูฮันยิ้มให้กับกองทัพเขี้ยวหมาป่าของเขา จากนั้นก็หันไปถามหลูอี๋อย่างไร้ซึ่งความกังวล “คุณจะให้ความบันเทิงแก่พวกเราได้มั้ย?”

 

“แน่นอนว่าพวกเราต้องต้อนรับท่านเป็นอย่างดีอยู่แล้วครับ” หลูอี๋กัดฟันตอบ

 

“งั้นก็ดีเลย ขอเป็นอาหารและไวน์ดีๆแล้วกัน” ชูฮันพูดพร้อมกับรอยยิ้ม มองหน้าตรงไปทางกองทัพเขี้ยวหมาป่าของเขา “พรุ่งนี้ก็เล่นอยู่ที่ค่ายนี้และพักผ่อนซะ”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทั้งสามร้อยคนของกองทัพเขี้ยวหมาป่ารู้สึกบีบหัวใจ พวกเขาช็อคและตื่นตัวเต็มที่

 

“ไม่อยากเล่น?” ชูฮันจ้องกลับมาด้วยสายตาที่บางอย่าง

 

กูเหลียงเฉินทั้งประหม่าและอึดอัด เขาเป็นตัวแทนของทั้ง 300 ออกมาตอบรับ “ถ้าไม่มีท่านอยู่ด้วย พวกเราขอฝึกฝนต่อครับ”

 

เหล่าคนของค่ายเจียนอี๋ที่ได้ยินว่าทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่าต้องการฝึกฝนก็ถึงกับตะลึงขณะคิดในใจ…คนพวกนี้ไม่แม้แต่จะพักผ่อนเลย! พวกเขาวางแผนจะฝึกทั้งวันในวันพรุ่งนี้ ไม่แปลกใจที่พลังของแต่ละคนถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้ เพราะพวกเขาฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วงนี่เอง! ชูฮันครางอยู่ในอก เขาพยักหน้าให้อย่างแปลกๆแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร หากในใจนั้นเขาถอนหายใจ คนพวกนี้จริงจังมากเกินไป  

 

หลังจากมื้อค่ำจบลง กองทัพเขี้ยวหมาป่าก็จากไป เหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของค่ายเจียนอี๋รวมตัวกันเพื่อปรึกษาและตัดสินใจว่าจะส่งสายลับเข้าไปหาข้อมูลในกองทัพเขี้ยวหมาป่าในวันพรุ่งนี้ เพราะมันจำเป็นอย่างมากที่จะต้องหาวิธีที่พวกนั้นใช้ฝึกฝนความสามารถ

 

หลังจากออกมาจากห้องโถงที่ใช้รับประทานมื้อค่ำ ทั้งสามร้อยคนก็มารวมตัวกันเพื่อหารือข้ามคืน อีกครั้งที่ชูเซี่ยจดบันทึกคำพูดของชูฮันและวิเคราะห์ออกมา โดยทุกคนต่างช่วยกันระดมสมองกันเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มา

 

“ท่านหลอกเรา! แถมยังทำให้เราเขวด้วย!” ซูเฟิงชี้ไปที่คำพูดสุดท้ายของชูฮัน ” ‘ไปพักผ่อนซะ’ ท่านกำลังหลอกเรา!”

 

“ถูกต้อง” หลิวยู่ติงเองก็กัดฟันอย่างเห็นด้วย “ท่านต้องการหลอกล่อพวกเราด้วยวิธีนี้ ไม่มีทาง!”

 

“ครั้งนี้เราแพ้ไปสามยก ท่านชูฮันไม่สามารถยอมรับได้แน่ๆ แน่นอนว่าท่านต้องหาทางลงโทษพวกเรา” ทฤษฏีของกูเหลียงเฉินเต็มไปด้วยความตึงเครียด “ภารกิจลับแน่นอนว่าต้องยากขึ้นอีกเป็นทวีคูณแน่ มีตัวล่อมากมายที่ท่านวางไว้เพื่อให้เราตกหลุมพราง ทุกคนต้องระวังตัวให้ดี!”

 

ทั้งสามร้อยคนเอาแต่ระดมสมองวิเคราะห์กันทั้งคืนจนข้ามมาถึงวันต่อมาทั้งวัน ดังนั้นสายลัยที่ถูกค่ายเจียนอี๋ส่งมาจึงได้แต่เฝ้าอยู่ด้านนอก

 

เมื่อได้รับข้อความจากสายลับที่ส่งตัวไป เหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของค่ายเจียนอี๋โกรธจนแทบกระอัก นี่มันการฝึกซ้อมผีบ้าผีบออะไรกันถึงไม่ออกมาข้างนอกเลย ไอ้ชูฮันและทหารของมันจงใจโยนเหยื่อล่อพวกเขาให้ทรมานเล่น ทั้งๆที่ความจริงพวกมันเอาแต่นอนหลับอยูในที่พักทั้งวันใช่มั้ย?

 

ชูฮันเองก็ไม่เคยคิดเลยว่าทหารทั้งสามร้อยคนของเขาจะมุ่งมั่นกันมากขนาดนี้ ทุกคนรวมตัวกันอยู่ในที่พักทั้งตลอดวันเอาแต่หารือกันเรื่องภารกิจลับ ทั้งๆที่ความจริงแล้วครั้งนี้เขาตั้งใจพาทุกคนมาที่ค่ายนี้เพื่อมากิน ดื่ม และพักผ่อนจริงๆ เพราะการฝึกฝนปีศาจของเขานั้นหนักหน่วงอย่างมาก ทำให้ทุกคนระแวงตัวจนพลาดโอกาสในการพักผ่อนที่แท้จริงที่มีขึ้นครั้งแรกในรอบสามเดือน

 

Apocalypse Meltdown

Apocalypse Meltdown

มันเป็นโลกที่ซอมบี้และมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยความสิ้นหวัง สนามแม่เหล็กของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงและทุกอย่างได้ย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้น วันหนึ่ง วีรบุรุษของพวกเรา…ชูฮัน ได้เดินทางย้อนเวลากลับมาสิบปีก่อนโดยไม่รู้ตัว เขาได้ย้อนกลับมาก่อนจุดจบของโลกจะเริ่มต้นขึ้น (โลกาวินาศ) เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงดังในหอพักในมหาวิทยาลัยหมิงชิว ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ชูฮันต่อสู้กับเหล่าซอมบี้นับสิบๆตัวก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถเพื่อขโมยรถยนต์เมอร์ซิเดซ-เบนซ์G55ออกมา เขาตัดสินใจที่จะตามหาพ่อแม่และพี่น้องของเขาด้วยG55คันนี้ ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเสียใจที่ไม่ได้ทำในชาติที่แล้ว ระหว่างทางชูฮันได้พบปะกับคนกลุ่มหนึ่งที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนที่ติดอันดับ 20 ของโลกาวินาศรวมอยู่ด้วย…เฉินช่าวเย่ พวกเขาพบกับซอมบี้จำนวนมากระหว่างทางบนทางหลวง ซึ่งชูฮันได้ใช้รถ G55 พุ่งชนเหล่าซอมบี้จนเละ และในตอนนั้นเอง ชูฮันถึงตระหนักได้ว่าทั้งหมดนี้คือระบบล่มสลาย และเขาสามารถได้คะแนนจากการฆ่าซอมบี้ทั้งหลาย ซึ่งเขาสามารถเอาคะแนนพวกนี้ไปแลกเปลี่ยนเป็นความสามารถพิเศษอะไรก็ได้ และในตอนนั้นเอง การเดินทางของชูฮันก็ได้เริ่มต้นขึ้นไปพร้อมๆกับระบบล่มสลาย นี่เป็นเรื่องราวของระบบล่มสลาย โดยมีเขา…ชูฮัน เป็นคนดำเนินเรื่องราว

Comment

Options

not work with dark mode
Reset