ข้อพิพาท
“พวกคนหนุ่มสาว มักจะชอบทำอะไรเกินหน้าเกินตาเสมอ” ผู้บัญชาการมู๋พูดขึ้น “ไอ้หนุ่ม นายช่วยชีวิตฉันไว้อย่างน้อย 10 ปี”
เลาหมิงไม่ได้พูดอะไรตอบ เขาเพียงแต่ขยับลูกตาจากนั้นก็มองไปที่ผู้บัญชาการมู๋ เลาหมิงสะบัดมือจากนั้นก็คว้าถ้วยชาขึ้นมาจิบ จากนั้นก็วางมือด้านขวาขึ้นมาบนโต๊ะและใช้นิ้วเคาะโต๊ะไปเรื่อยๆระหว่างจิบชา
นายทหารหนุ่มตรงเริ่มหน้าตาซีดขาว ยืนตัวแข็งอยู่กลางห้องโถงที่ว่างเปล่า และท่าทางหวาดกลัวจนตัวสั่น หัวใจเต้นระรัวขณะคิดในใจ…ที่เขาพึ่งได้ยินไปมันเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะได้ยินรึเป่า? เขาจะถูกฆ่าตายวินาทีต่อไปมั้ยเพราะไปได้ยินความลับสำคัญ?
“นายชื่ออะไร?” ผู้บัญชาการมู๋มองไปที่นายทหารหนุ่ม
“ผม—ผมชื่อเจิ้งท่าว ครับท่าน” นายทหารหนุ่มรีบแสดงความเคารพพร้อมตอบคำถามออกไป
“เจิ้งท่าว ฉันจะมอบภารกิจพิเศษให้ ฉันจะให้นายขึ้นเฮลิคอปเตอร์ นายเต็มใจปฏิบัติภารกิจมั้ย?” ทันใดนั้นผู้บัญชาการมู๋ก็พูดขึ้นมา
“ครับท่าน ผมรับรองว่าจะทำภารกิจให้สำเร็จครับ!” เจิ้งท่าวรีบตอบรับเสียงดังฟังชัด
“ไปพาตัวเหอเฟิงกลับมา” ประโยคถัดมาของผู้บัญชาการมู๋ทำให้เจิ้งท่าวต้องเหลือบตามอง
“เท่านั้นเหรอครับ?” เจิ้งท่าวหลุดปากถามออกไปอย่างไม่รู้ตัว จากนั้นเขาก็รีบยกมือขึ้นมาปิดปากทันทีที่รู้ตัวด้วยความกลัว มันอาจจะดูเป็นภารกิจธรรมดาทว่าบริบทที่เกิดขึ้นในยุคโลกาวินาศไม่มีอะไรธรรมดา ทุกอย่างเริ่มถอยหลังลง มันมีเฮลิคอปเตอร์ที่ใช้การได้เหลือไม่มากแล้ว และการส่งมันออกไปโดยเฉพาะเพื่อรับคนกลับมานั้นเห็นชัดได้ว่ามันต้องเป็นภารกิจที่สำคัญอย่างมากแน่นอน
“ให้แน่ใจว่าต้องพาเขากลับมาให้ได้ ตรงมาที่ซางจิงทันที เมื่อมาถึงให้มาหาเลาหมิงโดยตรง” ผู้บัญชาการมู๋ไม่ได้สนใจอะไรกับคำพูดหลุดปากของเจิ้งท่าวก่อนหน้านี้ หลังจากนั้นก็โบกมือให้เจิ้งท่าวไปได้ พลางหันไปหน้าเลาหมิงพร้อมพูด “ไปกันเถอะ ไปดูการเติบโตของคนรุ่นใหม่กัน”
ในขณะนี้ ณ กำแพงที่สูงที่สุดของค่ายซางจิง มีผู้คนมากมายมารวมตัวกันอยู่ตรงที่มีการฉายรายชื่อของวิวัฒนาการระยะ 3 ของการประเมิณผลโดยรวมของเสาหิน มันมีแถวของอักษรสีทองปรากฏอยู่บนแถวแรกสุด
ชื่อ: ชูฮัน
อายุ: 20
การประเมินผลโดยรวม: S+
อันดับ: อันดับ 1
จริงๆงั้นเหรอการประเมิณผลโดยรวมของชูฮันคือ S+!
ในขณะที่พวกกลุ่มทหารที่มียศสูงที่สุดในค่ายซางจิงก็ต่างพูดอะไรไม่ออกกันอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะพวกที่ก่อนหน้านี้สนับสนุนให้ทำการปลดชูฮันออกจากตำแหน่ง หากตอนนี้พวกเขากลับยืนแทบไม่อยู่…เพียงแค่ชั่วโมงเดียว ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป
ความแข็งแกร่งของชูฮันที่ครอบครองอันดับ 1 บนรายชื่อไว้เสมอ…ไม่มีใครหยุดเขาได้
ความเจ็บปวดและความเสียใจต่างผุดขึ้นในหัวใจของพวกเขา พวกเขาต่างอยากจะย้อนเวลากลับไปที่หนึ่งชั่วโมงก่อนและอยากจะตบหน้าตัวเองให้กับความโง่เขลาของตน ฝ่ายไหนดี? พวกเขาอยู่ฝ่ายชูฮันได้ใช่มั้ย?
การได้ผลประเมิณการต่อสู้โดยรวมที่คะแนน S+ ติดต่อกันสามครั้ง!
แม้แต่ครั้งเดียวก็ยังไม่มีใครทำได้ด้วยซ้ำ ชูฮันได้พิสูจน์ความน่ากลัวของเขาด้วยการกระทำที่ชัดเจนและนั่นคือสิ่งที่พวกเขาเป็นกังวลมาตลอด อะไรคือสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ระหว่าง S+ และ S? ทว่ามีเพียงชูฮันคนเดียวเท่านั้นที่รู้ความลับนี้ตั้งแต่แรกเริ่มจนจบ
ทั้งค่ายซางจิงเริ่มลุกเป็นไฟเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของอันดับที่หนึ่งในรายชื่ออันดับของวิวัฒนาการระยะ 3 หลายคนต่างจ้องไปที่กระดานและอีกหลายคนที่ส่งเสียงเฮ ราวกับตัวเองได้คะแนน S+ อย่างไรอย่างนั้น มันคือความสุขของพวกเขา เสียงดังสนั่นไปทั่วทุกส่วนของตัวค่ายผสมปนเปกับเสียงตื่นเต้นของคนอื่นๆ
“ชูฮันนั่นเอง!”
“ได้คะแนน S+ ติดต่อกันสามครั้ง และยังได้ครองตำแหน่งที่หนึ่งติดต่อกันทั้ง 3 ระยะอีก!”
“ฉันไม่รู้เลยว่าเขาจะสานต่อปฏิหาริย์นี้ไปได้ต่ออีกมั้ย?”
“มันต้องได้ ถึงแม้ตัวฉันจะทำไม่ได้ แต่ฉันชื่นชมเขา!”
“แม้ว่าความถี่ในการยกระดับของเขาจะช้ามาก แต่คนอื่นในระดับเดียวกันกลับไม่สามารถเอาชนะเขาได้!”
“ใช่ ไม่แน่แม้แต่วิวัฒนาการระยะ 4 ก็อาจจะยังไม่สามารถเอาชนะชูฮันได้!”
ถึงแม้ชูฮันจะยังไม่เคยปรากฏตัวที่ค่ายซางจิง ทว่าทุกคนกลับรู้จักเขากันเป็นอย่างดีพร้อมกับคลื่นแห่งความบูชาที่ได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งค่าย
“เอ่อ…นั่นใช่หัวหน้ามั้ย?!” ในขณะที่ทุกคนกำลังยืนอยู่จ้องไปที่กำแพง จู่ๆน้ำเสียงของเฉินช่าวเย่ก็ดังขึ้นมาจากทางหัวมุมพร้อมกับน่องไก่ที่ถือคาอยู่ในมือซ้าย
“หัวหน้าได้ผลการประเมิณการต่อสู้โดยรวมที่ S+!” เฉินช่าวเย่ที่ดูเหมือนจะไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าของผู้คนรอบๆเลยแม้แต่น้อย และเป็นอีกครั้งที่เหมือนเฉินช่าวเย่ได้โรยเกลือลงไปบนปากแผล “เฮ้ หัวหน้ามักจะได้คะแนนประเมิณการต่อสู้โดยรวมที่ S+ ทุกครั้งเลย แถมยังดีกว่าฉันตั้งเยอะ”
“ก็ ฉันแค่จะบอกว่าชูฮันกำลังมา?” เฉินช่าวเย่พูด
และในตอนนั้นเอง จู่ๆเสียงของเลาหมิงก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง เขาแกล้งทำท่าแคะหูเหมือนไม่ได้ยิน “ฉันไม่ค่อยเข้าใจ นายช่วยพูดอีกทีได้มั้ย?”
หน้าของนายทหารยศสูงหลายคนขึ้นสี บางคนจ้องไปที่จมูกของเลาหมิงและได้แต่พูดอะไรไม่ออก นี่เลาหมิงตั้งใจออกมาโดยเฉพาะเพื่อหักหน้าพวกเขา!
พวกเขาจะพูดอย่างไรได้อีก?
เฉินช่าวเย่รู้สึกกลัวอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อมองไปที่สีหน้ายิ้มแย้มที่ดูแฝงไปด้วยยาพิษของเลาหมิงและสายตาที่เต็มไปด้วยอาการล้อเลียน เขาใช่คุณปู่ของเลาเสี่ยวเสียวจริงๆ ทั้งบุคลิกและลักษณะของปู่กับหลานช่างเหมือนกันมากจริงๆ แม้แต่คำพูดก็ยังเหมือนกัน
———
“ถุย—” ชูฮันถุยเลือดออกมาจากปากทันทีที่ออกมาจากเสาหิน
โลกคู่ขนานของระยะ 3 นั่นยากกว่าของระยะ 2 ประมาณสิบเท่าได้ สัตว์ประหลาดที่แสนอันตรายอยู่ทั่วทุกจุด พวกมันดูน่าสยดสยอง สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือการฆ่าต่อไปไม่หยุด
อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่สามารถหนีไปได้ก็จะไม่สามารถสำรวจพื้นที่ต่างๆของโลกคู่ขนานได้อย่างสมบูรณ์