Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย – ตอนที่ 546

ในห้องประชุมสำหรับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของค่ายเจียนอี๋ หลูอี๋กระแทกปากกาในมือของตัวเองลงกับโต๊ะ จากนั้นก็ส่งกระดาษที่เขาเขียนให้กับคนสนิทของเขา

 

“ดูความต้องการของพวกมันสิ! อธิบายทีว่าฉันเข้าใจผิดไป” หลูอี๋ออกคำสั่ง ขณะไม่สามารถระงับอารมณ์ไว้ได้ “นี่มันปล้นกันชัดๆ! ไอ้เวรชูฮัน! ฉันต้องเขียนรายงานความเลวของมันแล้วส่งไปที่ค่ายซางจิง เพื่อที่มันจะได้มีชื่อเสียงไม่ดี แล้วมันจะได้ถูกปลด!”

 

ทหารคนสนิทของรีบมองกระดาษในมือ และขณะที่เขากำลังจะเปิดกระดาษออกเพื่อดูข้อความข้างใน

 

“โอ้ะ ไม่!” จู่ๆมันก็มีน้ำเสียงตระหนกของคนดังมาจากด้านนอก ทหารคนหนึ่งไม่มีเวลาจะมาเคาะประตูขออนุญาติ นายทหารรีบพุ่งเข้ามาภายในห้องประชุมอย่างเร่งรีบและรายงานเสียงดัง “แย่แล้วครับท่าน ทีมลาดตระเวนของเราพบศพซอมบี้มหาศาลภายในป่าในภูเขาลูกตรงข้ามครับ”

 

“ฝีมือชูฮันใช่มั้ย?” หลูอี๋เป็นคนจมูกไว โดยเฉพาะหลังจากได้เจอกับกองทัพเขี้ยวหมาป่าของชูฮันมา อารมณ์ของหลูอี๋จึงเต็มไปด้วยความไม่พอใจและหงุดหงิด “เข้ามาตะโกน ไร้กฏระเบียบแบบนี้ กลับออกไปยืนท่าปฏิบัติทหารสองชั่วโมงเป็นการทำโทษซะ!”

 

นายทหารที่เข้ามารายงานเหงื่อตก “มันเป็นฝูง ฝูงซอมบี้ครับ!”

 

“เท่าไหร่กัน? เรียกว่ากลุ่มซอมบี้จะดีกว่า!” หลูอี๋หัวเราะเยาะขึ้นจมูก จากนั้นก็นั่งลงและโบกมือปัด “มันมีฝูงซอมบี้เป็นพันๆตัวรอบภูเขา ก็แค่ฝูงซอมบี้ไม่กี่พันตัว เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ไม่เห็นต้องเป็นกังวล ออกไปยืนทำโทษซะ!”

 

“มันไม่ใช่กลุ่มเล็กๆครับ!” นายทหารคนเดิมเต็มไปด้วยความกังวลใจ “จำนวนของพวกมันมากถึง 20,000 ตัว! มันคือฝูงซอมบี้ 20,000 ตัวครับท่าน!”

 

“อะไรน่ะ?” หลูอี๋ช็อค จากนั้นก็เบิกตากว้าง “20,000? เป็นไปได้ยังไง? ซอมบี้รอบๆหมู่บ้านถูกพวกเราจัดการไปหมดแล้ว มันไม่น่ามีซอมบี้มากกว่า 2,000 ตัวในภูเขาด้วยซ้ำ!”

 

“เดี๋ยวก่อนครับท่าน” จู่ๆพลตรีหยางหลินก็พูดโพล่งขึ้นมา คิ้วขมวดอย่างขบคิด เขาจ้องเขม็งไปที่นายทหารที่เข้ามารายงาน “นายแน่ใจนะว่ามันมีซอมบี้มากกว่า 20,000 ต้ว? ทีมลาดตระเวนเจอพวกมันที่ไหน อยู่ไกลจากที่นี้ขนาดไหน และพบนานแค่ไหนแล้ว?”

 

ไล่คำถามทีละข้อ นายทหารรีบรายงานคำตอบทันที “จำนวนที่คาดการณ์มากถึง 20,000 ตัวครับ เมื่อสองวันก่อนทีมลาดตระเวนพบพวกมันแต่ไม่สามารถคาดการณ์ระยะทางได้ รู้เพียงแค่ว่าพวกมันมุ่งหน้าไปทิศทางเดียวกันหมด”

 

“มันมีมาตราส่วนมั้ย?” หยางหลินกระพริบตา

 

“ปัง!”

จู่ๆหลูอี๋ก็กระแทกโต๊ะดังลั่นและระเบิดพลังผันผวนที่เต็มไปด้วยอารมณ์โกรธออกมา “ลูกผสม!”

 

ความสามารถในการรวบรวมและสั่งการซอมบี้ 20,000 ตัวได้นั่นมีเพียงแค่ลูกผสมเท่านั้นที่ทำได้ และมันเป็นคำอธิบายเพียงอย่างเดียวที่สมเหตุสมผลกับการปรากฏตัวอย่างกระทันหันของซอมบี้จำนวนมากขนาดนี้ในภูเขา ลูกผสมนั่นเต็มไปด้วยความสามารถในการรวบรวมซอมบี้จากทั่วทุกพื้น แต่ด้วยครั้งนี้จำนวนซอมบี้ที่ถูกรวบรวมมากมายขนาดนี้ แสดงว่าระดับของลูกผสมที่สั่งการจะต้องสูงไม่ใช่น้อย

 

หลูอี๋ระงับอารมณ์ของตัวเองเอาไว้และจ้องอย่างจริงจังไปที่นายทหารที่รายงาน “แกไม่เจอลูกผสม? แล้วได้สังเกตการกระจายของจำนวนซอมบี้ระดับสูงรึเปล่า?”

 

นายทหารส่ายหน้า “ผมไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้ หลังจากค้นพบสถานการณ์ ทีมลาดตระเวนก็รีบกลับมารายงานทันทีครับ!”

 

“แม่งเอ๊ย!” หลูอี๋นิ่งงัน เขาไม่รู้ถึงพละกำลังของอีกฝ่าย เขาควรทำอย่างไร?

 

“ผมมีสองคำถาม” หยางหลินกำลังทำสติ “ข้อแรก ทำไมลูกผสมถึงต้องรวบรวมซอมบี้มากขนาดนี้ในภูเขา? ข้อสอง จุดมุ่งหมายของพวกมันคือที่ไหน?”

 

“ค่ายที่คุณซางจิ่วตี้ดูแลอยู่? หรือค่ายของพวกเรา?” เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งคาดเดา “ลูกผสมรวบรวมซอมบี้มากขนาดนี้เพื่อฆ่ามนุษย์ และมันมีแค่สองค่ายผู้รอดชีวิตเท่านั้นในบริเวณนี้”

 

ไม่มีใครรู้สาเหตุที่หลูอี๋เลือกจะตั้งค่ายขึ้นบริเวณนี้ และเขาก็ไม่คิดจะไปค่ายของซางจิ่วตี้ที่อยู่ห่างไปไม่ไกล แต่ตอนนี้จู่ๆก็มีลูกผสมและกองทัพซอมบี้มหาศาลปรากฏตัวขึ้น และทุกคนก็ตกอยู่ในวิกฤตอย่างกระทันกัน หนึ่งในสองค่ายคือเป้าหมายโจมตีของพวกลูกผสม

 

หลูอี๋กำหมัดแน่นและตะคอกเสียงดัง “ไม่! เป้าหมายของพวกมันคือชูฮัน!”

 

ทุกคนนิ่งงันและสับสน ทำไมถึงเป็นชูฮัน?

 

“ทำไมเหรอครับ?” หยางหลินขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น “ท่านพลเอกชูฮัน? มันไม่มีเหตุผลเลย เมื่อตอนที่เขาและกองทัพของเขาออกจากค่ายเราไป พวกเขาไม่ได้ทิศทางนั้น”

 

หลูอี๋เหลือบมองและแสยะยิ้ม “ชางจิ่วตี้ตั้งชื่อค่ายไว้ว่าอะไร?”

 

“ค่ายเขี้ยวหมาป่า” มีคนพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

 

หลูอี๋มองไปที่ชายคนที่ตอบและถามขึ้นอีกครั้ง “แล้วชื่อของกองทัพทหารของชูฮันเมื่อตอนที่เขามาถึงค่ายเราคืออะไร?”

 

“กองทัพ…เขี้ยวหมาป่า?!”

 

“@#$%^&*(@#$%^&UI!! ~”

 

กลุ่มคนต่างตกใจและส่งเสียงกันหมด ชูฮัน เป้าหมายของลูกผสมคือชูฮันงั้นเหรอ?!

 

หลูอี๋เดินวนไปรอบๆห้องประชุมด้วยฝีเท้าสม่ำเสมอ และเริ่มทำการคาดเดา “ชูฮันมุ่งหน้าจะไปที่ค่ายเขี้ยวหมาป่า และจากนี้ถึงค่ายเขี้ยวหมาป่านั้นมีเพียงแค่ภูเขาและป่ากั้นไว้ เขาคงไม่โง่ขนาดเดินอ้อมเป็นวงไปหรอก? ทีมลาดตระเวนไม่สามารถหาพวกเขาพบเพราะพวกเขาไม่ได้เดินทางไปทิศทางนั้นเมื่อตอนออกไปจากค่ายเจียนอี๋ เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการซ่อนอำพรางเส้นทางการเดินทางของกองทัพของเขาเอาไว้ ถึงแม้ฉันจะไม่ชอบเขาอย่างมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่ากองทัพของเขาแข็งแกร่งและทรงพลังอย่างมาก”

 

“ถ้างั้นตอนนี้เราควรทำอย่างไรดีครับ?” หยางหลินที่เริ่มมีเหงื่อผุดขึ้นมา “จำนวนของซอมบี้อีกฝั่งนั้นมีมากถึง 20,000 ตัว แล้วยังมีกลุ่มของพวกลูกผสมที่ยังไม่ทราบจำนวนอีก กองทัพของท่านพลเอกชูฮันมีแค่ 300 คนเท่านั้น และก็อย่างที่เรารู้กันดี ทหารส่วนใหญ่ในกองทัพเขี้ยวหมาป่าเป็นแค่คนธรรมดา นี่มันไม่ต่างอะไรกับการโดนสังหารหมู่ชัดๆ!”

 

“ประเด็นที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือมันผ่านไปแล้วสองวัน เราไม่รู้ว่าพวกเขาได้ปะทะกันแล้วหรือยัง เราไม่รู้ว่ากองทัพของชูฮันอยู่ที่ไหนในตอนนี้ และเราไม่รู้ที่ตั้งแน่ชัดของลูกผสมและฝูงซอมบี้” เจ้าหน้าที่ระดับสูงของค่ายอดไม่ได้ที่จะเริ่มเหงื่อตก

 

หยางหลินรีบพูดขึ้น “ตอนเราก็ได้แค่หวังว่ากองทัพของชูฮันจะไม่ได้เจอกับพวกลูกผสม ถ้าเจอเขาเราต้องรีบเตือนภัย ตอนนี้เราต้องติดต่อค่ายขนาดใหญ่บริเวณใกล้เคียงเพื่อขอความช่วยเหลือ และส่วนฝูงซอมบี้ 20,000 ตัวนั้นต่อให้ทุกคนร่วมมือกันขนาดไหนก็ไม่มีทางสู้พวกมันได้!”

 

“มันสายเกินไปแล้ว!” หลูอี๋เหงื่อตก “พวกลูกผสมและฝูงซอมบี้จะรอเฉยอยู่ได้ยังไง? เราต้องติดต่อขอความช่วยเหลือ พวกมันได้สังหารหมู่กองทัพเขี้ยวหมาป่าไปแล้ว!”

 

“ก็จริง” หลายคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

 

“เรามีเฮลิคอปเตอร์อยู่ทั้งหมดกี่ลำ?” ทันใดนั้นหลูอี๋ก็ถามขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง

 

“ลำใหญ่ 1 ลำ ลำเล็ก 3 ลำครับ!” หยางหยินรายงานทันที

 

“เจ้าหน้าที่ทุกคนฟัง” หลูอี๋ตัดสินใจได้แล้ว “รีบพาทีมลาดตระเวนขึ้นเฮลิคอปเตอร์ลำเล็กเข้าไปในภูเขาเพื่อหาที่ตั้งแน่นอนของพลเอกชูฮันและฝูงซอมบี้ รวบรวมทหารที่แข็งแกร่งที่สุดของค่ายเจียนอี๋ให้มากับฉัน หลังจากนั้นเราเฮลิคอปเตอร์อีกสามลำที่เหลือจะเข้าไปเพื่อตามหาชูฮัน หลังจากได้รับการติดต่อกลับมาจากค่ายที่เหลือแล้ว หยางหลินนายนำทีมเข้าไปในภูเขา เอาอาวุธทั้งหมดที่มีออกมา ครั้งนี้เราจะสู้!”

 

“แล้วจดหมายที่จะส่งไปซางจิงล่ะครับ?” คนสนิทของหลูอี๋ถามถึงกระดาษในมือเขา

 

“ช่างมัน” หลูอี๋คิดว่ามันยังมีเวลาจัดการเรื่องนี้ทีหลัง เขาตะคอกใส่คนสนิทของตัวเองอย่างหงุดหงิด “รีบไปจัดการทุกอย่างซะ เตรียมตัวช่วยชีวิตคน”

 

Apocalypse Meltdown

Apocalypse Meltdown

มันเป็นโลกที่ซอมบี้และมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยความสิ้นหวัง สนามแม่เหล็กของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงและทุกอย่างได้ย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้น วันหนึ่ง วีรบุรุษของพวกเรา…ชูฮัน ได้เดินทางย้อนเวลากลับมาสิบปีก่อนโดยไม่รู้ตัว เขาได้ย้อนกลับมาก่อนจุดจบของโลกจะเริ่มต้นขึ้น (โลกาวินาศ) เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงดังในหอพักในมหาวิทยาลัยหมิงชิว ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ชูฮันต่อสู้กับเหล่าซอมบี้นับสิบๆตัวก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถเพื่อขโมยรถยนต์เมอร์ซิเดซ-เบนซ์G55ออกมา เขาตัดสินใจที่จะตามหาพ่อแม่และพี่น้องของเขาด้วยG55คันนี้ ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเสียใจที่ไม่ได้ทำในชาติที่แล้ว ระหว่างทางชูฮันได้พบปะกับคนกลุ่มหนึ่งที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนที่ติดอันดับ 20 ของโลกาวินาศรวมอยู่ด้วย…เฉินช่าวเย่ พวกเขาพบกับซอมบี้จำนวนมากระหว่างทางบนทางหลวง ซึ่งชูฮันได้ใช้รถ G55 พุ่งชนเหล่าซอมบี้จนเละ และในตอนนั้นเอง ชูฮันถึงตระหนักได้ว่าทั้งหมดนี้คือระบบล่มสลาย และเขาสามารถได้คะแนนจากการฆ่าซอมบี้ทั้งหลาย ซึ่งเขาสามารถเอาคะแนนพวกนี้ไปแลกเปลี่ยนเป็นความสามารถพิเศษอะไรก็ได้ และในตอนนั้นเอง การเดินทางของชูฮันก็ได้เริ่มต้นขึ้นไปพร้อมๆกับระบบล่มสลาย นี่เป็นเรื่องราวของระบบล่มสลาย โดยมีเขา…ชูฮัน เป็นคนดำเนินเรื่องราว

Comment

Options

not work with dark mode
Reset