ห้าวันต่อมา ที่ห้องโถงซึ่งเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาของค่ายเขี้ยวหมาป่า ซางจิ่วตี้ซึ่งนั่งอยู่ในตำแหน่งของผู้นำบนสุดพร้อมกับข่าวล่าสุด สีหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจที่ปิดไม่มิด ที่นั่งอยู่ถัดลงมาจากเธอคือเหล่าผู้นำของค่ายเขี้ยวหมาป่าทั้งหลาย ทุกคนเองก็กระตือรือร้นที่จะได้พูดคุยเกี่ยวกับข่าวล่าสุดที่พึ่งได้รับรู้มา
จู่ๆ กองทัพเขี้ยวหมาป่าก็เหมือนกับพายุที่พัดเข้ามาไม่ทันให้ตั้งตัว หลายคนมีคำถามในหัวที่อยากจะถาม
ทหาร 300 คนสู้กับฝูงซอมบี้ 20,000 ตัว และยังจัดการกลุ่มลูกผสมอีก 300 ตัวต่ออีก ศัตรูถูกกำจัดจนสิ้นและฝ่ายชูฮันสูญเสียทหารไปแค่ 70 คนเท่านั้น
นี่มันไม่ใช่ปาฏิหาริย์รึไง?
สงครามกลางภูเขาได้นำความหวังมาสู่ผู้คนนับไม่ถ้วน จำนวนที่มากกว่าหลายเท่าของฝูงซอมบี้ไม่ได้ทำให้พวกเขาหวาดกลัวอีกต่อไป ลูกผสมซึ่งแสนจะอันตรายและซ่อนตัวก็ไม่ได้เป็นที่น่าหวาดผวาอีก มนุษย์มีศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัด ไม่ว่าศัตรูจะมาในรูปแบบไหน ไม่ว่ามันจะมีความแตกต่างมากมายขนาดไหน กองทัพเขี้ยวหมาป่าได้นำความหวังแห่งชัยชนะมาสู่ทุกคน
สิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดสำหรับทุกคนก็คือพวกเขายังไม่เคยได้พบเห็นกองทัพเขี้ยวหมาป่าที่ว่าเลย แต่สำหรับผู้นำสูงสุดอย่างท่านพลเอกชูฮัน ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งค่ายแห่งนี้ พวกเขานับถือในฐานะผู้ยิ่งใหญ่อยู่แล้ว
“ที่ตั้งของสงครามอยู่ในเขตของเมืองอันลู ท่านชูฮันจะต้องกำลังมาหาพวกเราในเร็วๆนี้แน่” ซางจิ่วตี้เปิดก่อน มันมีรอยยิ้มที่แสดงถึงความสุขบนใบหน้าของเธอ “ตอนนี้พวกเรามาเตรียมต้อนรับกองทัพเขี้ยวหมาป่ากลับสู่บ้านด้วยความยินดีกันเถอะ!”
“ครับ!”
ในขณะเดียวกัน สถานที่ต่างๆในจีน โดยเฉพาะจุดที่อยู่ใกล้กลับเมืองอันลู ผู้คนมากมายเริ่มเก็บข้าวของและออกเดินทาง มุ่งหน้าไปทางค่ายเขี้ยวหมาป่ากันไม่หยุดหย่อน
กองทัพเขี้ยวหมาป่าทรงพลังเหลือเกิน เพราะฉะนั้นค่ายเขี้ยวหมาป่าน่าจะเป็นค่ายที่อุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยเหล่านักรบแข็งแกร่งมากมาย ซึ่งจะต้องดีกว่าที่ที่พวกเขาอยู่ตอนนี้
ไม่เพียงแค่บริเวณรอบๆเมืองอันลูเท่านั้น แต่ค่ายใหญ่ๆที่อยู่ห่างไกลก็เกิดการสั่นคลอนเช่นกัน มนุษย์สายพันธุ์ใหม่ระดับสูงหลายคนจากไป จุดมุ่งหมายของทุกคนคือค่ายเขี้ยวหมาป่า
ผลกระทบของสงครามกลางภูเขาไม่ใช่แค่ทำให้กองทัพเขี้ยวหมาป่าดังไปทั่วแต่มันยังส่งผลโดยตรงต่อค่ายเขี้ยวหมาป่าที่เชื่อมโยงกัน ตามมาด้วยค่ายหลักๆทั้งหลายที่สูญเสียนักรบหลักของตัวเองกันถ้วนหน้า
กองทัพเขี้ยวหมาป่าจำเป็นต้องออกกฏระเบียบออกมาเป็นครั้งแรก : ยินดีต้อนรับคนจีนทุกคนเข้าร่วมค่ายเขี้ยวหมาป่า!
เป็นโอกาสในการขยายที่ดีมาก พวกเขารอเวลานี้มานานแล้ว?
หลายคนในจีนต่างอยากรู้ พวกเขาควาดหวังว่าจะได้เจอชูฮันที่น่าชื่นชมและเป็นผู้นำของค่ายที่น่าทึ่งแห่งนี้
สงครามครั้งใหญ่ไม่เพียงไม่เพียงแค่นำมาซึ่งความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ แต่มันก็ดึงดูดคนมีความสามารถมากมายตามมาด้วย พวกเขาล้วนเต็มไปด้วยความโกรธ ค่ายของพวกเขาไม่เหลือคน
หลังจากสูญเสียทหารระดับสูงไปหลายคน พลโทหลูอี๋ก็ช็อคเมื่อตระหนักได้ว่าตัวเองพึ่งทำอะไรลงไป เมื่อตอนที่หัวร้อน เขาเขียนรายงานทุกอย่างเกี่ยวกับสงครามลงไปอย่างละเอียด เขาทำให้ค่ายของเขาเองกำลังจะล่ม
นี่เขาขุดหลุมฝังตัวเองงั้นเหรอ?
ตวนเจียงเหว่ยแห่งค่ายตวนต้องเรียกประชุมด่วน แต่มันแตกต่างจากการประชุมของค่าอื่นๆ ค่ายตวนเป็นค่ายขนาดใหญ่ที่มีอัตราการพัฒนาสูงที่สุดในจีน เหล่าผู้นำระดับสูงของค่ายเป็นคนมีสติและนิ่งๆ วิวัฒนาการระยะ 4 ขึ้นไปที่แข็งแกร่งของค่ายไม่ได้จากค่ายตวนไปไหน พวกเขารู้ดีว่าค่ายตวนมีศักยภาพมากมายขนาดไหน
“นี่คือกระบวนการของสงครามกลางภูเขา รายละเอียดครบถ้วน” พลเอกตวนเจียงเหว่ยนั่งอยู่หัวโต๊ะ เคาะนิ้วเข้ากับมุมโต๊ะเป็นจังหวะ และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พวกคุณคิดอย่างไร?”
หลูชูซเวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ชัยชนะนั้นสวยงามมากและมันก็ถึงขีดจำกัดแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะมีจุดจบที่ดีกว่ากองทัพเขี้ยวหมาป่าทำไว้ แม้จะมีโชคช่วยด้วย และแม้พวกเราจะกำลังคนมากกว่า เวลามากกว่า และมีจำนวนมนุษย์สายพันธุ์ใหม่มากกว่าและระดับสูงกว่า แต่ก็คาดว่าพวกเราคงไม่สามารถบรรลุผลด้วยสถิติเช่นพวกเขาได้”
ตนเจียงเหว่ยเหลือบมองหลูชูซเวและยิ้มออกมาจางๆ “รายงานสงครามนี้ยังไม่สมบูรณ์ พวกมันจะประเด็นสำคัญอีกมากมายที่มีเพียงแค่ชูฮันคนเดียวที่รู้ ดังนั้นมันจึงไม่สมบูรณ์ แต่เขาไม่มีทางยอมบอกทุกอย่างแน่อน เพราะงั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเราจะคิดว่ามันน่าเหลือเชื่อ”
คำพูดของตวนเจียงเหว่ยนั่นชัดเจน เขาไม่คิดว่าโชคช่วยคือปัจจัยหลักของความสำเร็จครั้งนี้ ทุกคนนิ่งเงียบไปพักใหญ่ นิ่วหน้าคิ้วขมวดอย่างใช้ความคิด
และจู่ๆตวนเจียงเหว่ยก็หันไปมองไก๋หนานที่อยู่มุมห้อง “ไก๋หนาน นายคิดยังไงเกี่ยวกับสงครามในครั้งนี้ของชูฮัน”
หัวใจของไก๋หนานแทบจะระเบิดออกมา ความรู้สึกของการมีตัวตนและอำนาจก่อกำเนิดขึ้นในใจ เขาเป็นคนที่มียศต่ำที่สุดซึ่งไม่มีสิทธิเข้าร่วมการประชุม แต่ทุกครั้งที่มีการประชุมตวนเจียงเหว่ยจะจัดการให้เขาได้เข้าร่วมด้วย แม้กระทั่งเมื่อมีสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับชูฮัน ตวนเจียงเหว่ยก็ยังเรียกชื่อเขาขึ้นท่ามกลางการประชุมอีก
ในตอนนี้ที่ไก๋หนานได้รับคำถาม แต่เขาไม่สามารถตอบได้
ทุกคนหันไปมองไก๋หนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตวนเจียงเหว่ยที่ถอนหายใจออกมา ดูเหมือนว่าเขาได้ถามคำถามที่เกินกว่าไก๋หนานจะตอบได้
หลังจากการประชุมจบลง ตวนเจียงเหว่ยไม่ได้ออกไปจากห้องประชุมทันที แต่เขากลับไปไล่ตรวจสอบเนื้อหาของสงครามกลางภูเขาต่ออีกกับคู่หูไม่กี่คน จากนั้นก็ออกคำสั่ง “ส่งคนนำของขวัญไปมอบให้ค่ายเขี้ยวหมาป่า และต้องเจอชูฮันให้ได้ กะเวลาให้พอดีกับการมาถึงของชูฮัน”
มันเป็นสิ่งล่อใจและการแสดงความยินดีกับการก่อตั้งค่ายหลังจากได้รับตำแหน่งพลเอก
เมื่อข่าวของสงครามกลางภูเขาได้แพร่กระจายออกไป ในตอนนั้นเองที่ห้องโถงหรูหราในเมืองหยิน มู๋เย๋ที่กำลังจะฆ่ามนุษย์ที่จับมาเป็นนักโทษเกือบทั้งหมดอยู่แล้วอย่างโมโหจัด ลูกผสมทั้งหมด 300 ตัว ซึ่งเป็นกองกำลังที่ใหญ่พอสมควร ถูกทำลายสิ้นซากทั้งหมด?
เป็นที่รู้กันดีว่าจำนวนของลูกผสมนั่นหาได้ยาก ชีวิตของลูกผสมแต่ละคนตัวจึงมีค่าอย่างมาก เพราะมันเป็นการยากมากที่จะขยายจำนวนของเผ่าพันธุ์ลูกผสม ตอนนี้ลูกผสม 300 ซึ่งมีค่าเทียบเท่ากับมนุษย์เป็นหมื่นๆคนได้ตายไปหมดแล้ว รวมถึงผู้คิดตามระดับสูงอย่างเฉินจีกวงและเจียวเหยียนด้วย!
จังหวะนั่นเหย่จือโปก็ปรากฏตัวขึ้นขณะที่มู๋เย๋กำลังเดือดจัดพอดี และตั้งคำถามใส่ทันทีที่เข้ามา
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมทหาร 300 คนของไอ้ชูฮันถึงไม่ตาย? แล้วพวกลูกผสมของคุณทำอะไรอยู่? ความสามารถอ่อนแอมาก ดูเหมือนว่าข้อเสนอที่ฉันเสนอให้กับคุณจะดีเกินไป—-“
“ปัง!”
โดยไม่ลังเล เหย่จือโปกระแทกตัวนั่งลงข้างมู๋เย๋ แววตาแดงก่ำของมู๋เย๋เต็มไปด้วยแรงอาฆาต “แกไม่มีสิทธิมาออกคำสั่งกับฉัน ถ้ายังไม่อยากตาย หุบปากซะ!”
“อีกอย่างหนึ่ง” มู๋เย๋ก็พลันนึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขาใช้สายตาเย็นชาจ้องเขม็งใส่เหย่จือโป “แกบอกว่าตระกูบเกาเกลียดชูฮันไม่ใช่เหรอไง นั่นเป็นของกำนัลสำหรับฉันนี่ ทำไมไม่ฆ่าเขาเองล่ะ นี่แกหลอกใช้ฉันงั้นเหรอ?!”