ในตอนนี้เมื่อชูฮันหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูด ทุกคนจึงยิ่งอยากรู้อยากเห็นจนหูกระดิก โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นปฏิกิริยาของเจียงโจว ความตื่นเต้นและร่างกายที่สั่นเทิ้ม ทุกอย่างเต็มไปด้วยความคาดหวัง แน่นอนว่ามันต้องเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่มากแน่ๆ
ชูฮันเองก็ตื่นเต้นเล็กน้อย หากเขาก็รีบสงบอารมณ์ลง “ฉันยังไม่ได้ทดสอบมันเลย”
อารมณ์ลงเจียงโจวดับลงอย่างรวดเร็ว ชูฮันยังไม่ได้ลองมัน ถ้างั้นเขาก็ไม่รู้เลยว่าตัวเองทำสำเร็จรึเปล่า
“งั้นก็ไว้ก่อน เดี๋ยวฉันจะไปดูด้วยตัวเอง” ชูฮันตัดสินใจและจากนั้นก็หันไปมองหน้าหลูฮงเชิง “นายเป็นยังไงบ้าง?”
“เรายังมีวัตถุดิบไม่มากพอ ทำให้ช่วงนี้ผมไม่สามารถตีดาบขนาดใหญ่ได้” ใบหน้าหยาบกระด้างของหลูฮงเชิงเผยรอยยิ้มออกมา
ชูฮันยิ้มบางๆกลับ “เราจะมีวัตถุดิบมากขึ้นในอนาคต”
ถัดมา หลังจากการปรึกษาหารือกันในที่ประชุมเกี่ยวกับประเด็นต่างๆของค่าย ระบบทุกอย่างก็ถูกกำหนดขึ้นมาอย่างรวดเร็วและการออกคำสั่งออกมาหลายชุด
ในขณะเดียวกัน ทั้งสี่มุมรอบด้านของกองทัพเขี้ยวหมาป่าต่างถูกล้อมรอบไว้ด้วยทุกคนในค่ายเขี้ยวหมาป่าที่พึ่งออกมาจากที่พัก เนื่องจากกองทัพเขี้ยวหมาป่าที่มีสมาชิกกว่าสองร้อยคนยืนนิ่งตัวตรงราวกับรูปปั้นมันจึงยากที่จะไม่เป็นที่สังเกต
“ขอโทษครับ ผม ผมต้องเข้าไปทำงาน” ชายคนหนึ่งซึ่งทำงานอยู่ในฝ่ายการจัดการของค่ายเขี้ยวหมาป่าเดินเข้ามาอย่างระวังและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเกรงและเคารพ
“ท่านพลเอกมีคำสั่งห้ามใครเข้าไปในตัวค่าย” กูเหลียงเฉินเป็นตัวแทนของทั้งกองทัพเขี้ยวหมาป่าพูดขึ้น
“ครับ เข้าใจครับ เข้าใจครับ” ชายคนนั้นก้าวเท้าถอยหลังทิ้งระยะห่าง และมองไปที่คนกว่าสองร้อยกว่าด้วยสายตาชื่นชมและเป็นประกายจ้า
กองทัพเขี้ยวหมาป่า สมาชิกของกองทัพเขี้ยวหมาป่าที่ยังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้ทั่วทั้งจีนกำลังพูดถึงเหล่าวีรบุรุษเหล่านี้ ค่ายต่างๆต่างอิจฉาการมีตัวตนของพวกเขา และตอนนี้เขาได้เห็นเหล่าวีรบุรุษกองทัพเขี้ยวหมาป่าเป็นตรงหน้า เขาดีใจจนอยากจะร้องไห้ออกมา!
แต่ถ้ากองทัพเขี้ยวหมาป่าอยู่นี่? หัวหน้าชูฮันก็กลับมาแล้วสิ? ทำไมถึงเงียบเชียบแบบนี้?
“แม่ง” หลูปิงเซ่อที่อยู่ในฝูงชนไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “เราเอาแต่ขบคิดกันมาหลายชั่วโมงแล้ว ไม่เหนื่อยเหรอไง?”
“พวกนั่นคือกองทัพเขี้ยวหมาป่า!”
กูยี่หมิงที่ถูกหลูปิงเซ่อจากทีมความลับของพระเจ้าขโมยข้อมูลไปเกือบหมดเริ่มพูดขึ้น “แต่ทำไมไอ้หนุ่มนั่นหน้าตาดูคุ้นๆ?”
“หน้าตาดูคล้ายๆนายเลย” อู๋เจียช่าวยิ้ม “ไม่ใช่น้องชายที่ชื่อกูเหลียงเฉินที่หายไปของนายเหรอ?”
“ฉันจะไปถาม” หลูปิงเซ่อทำอย่างที่พูด เขาเดินออกมาท่ามกลางฝูงชนอย่างไม่สนสายตาใคร เขาตะโกนใส่กองทัพเขี้ยวหมาป่าทันที “เฮ้ ไอ้หนุ่ม นายชื่ออะไร?”
ทุกคนหันขวับมาที่หลูปิงเซ่อกันหมดและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ใครมาทำตัวนอกคอกแบบนี้?
กูเหลียงเฉินนิ่วหน้าและเมินเฉยต่อคำถามของหลูปิงเซ่อ
ในตอนนั้นกูยี่หมิงที่อยู่ในฝูงชนก็แทบจะกัดลิ้นตัวเองขาด เขาจ้องเขม็งไปที่กูเหลียงเฉิน และเขาก็ค้นพบว่าหรือนี่ไม่ใช่น้องชายที่หายไปของเขา?
เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อน!
สิ่งที่พึ่งรับรู้มันมากเกินไป เขาจำเป็นต้องทบทวนทุกอย่างก่อน นี่คือน้องชายของเขากูเหลียงเฉิน น้องชายของเขาอยู่ในกองทัพเขี้ยวหมาป่า น้องชายของเขาเป็นสมาชิกของกองทัพเขี้ยวหมาป่า และตอนนี้ก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขา น้องชายของเขาสุดยอดมาก!
สุดยอดจริงๆ และเขาก็ควรจะดูแลพี่ชายของเขา อ่า…
ไม่รอคอยอาการตื่นเต้นของกูยี่หมิง ทันใดนั้นเขาก็โดนคนคนหนึ่งเดินชนกระแทกจนล้มหน้าคว่ำ คนคนนั้นเดินฝ่าฝูงชนออกไปและตรงเข้าไปหากองทัพเขี้ยวหมาป่าด้วยท่าทางไม่พอใจ
กูยี่หมิงที่โดนชนจนล้มลงไปนอนที่พื้น เนื้อตัวเปื้อนไปด้วยดินโคลน เขาดันตัวลุกขึ้นยืน
กูยี่หมิงมองชายร่างใหญ่ที่เดินชนกระแทกเขาด้วยสายตาไม่พอใจ ชายคนนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์รุนแรงและเต็มไปด้วยความเศร้าโศก เมินเฉยต่อความเห็นของทุกคนรอบๆ เขาเดินเข้าไปพูดกับกองทัพเขี้ยวหมาป่าตรงๆ “ฉันรู้ว่าพวกคุณมีฝีมือและเก่งกาจและรับฟังคำสั่งโดยตรงจากท่านพลเอกชูฮัน แต่การมายืนขวางทางที่นี้มันคืออะไร? คนงานของค่ายไม่ได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้าในค่ายได้ ทำให้งานของทั้งค่ายไม่เดิน เห็นรอบๆมั้ย?”
กูเหลียงเฉินนิ่วหน้าอีกครั้ง หากเขาไม่ตอบอะไร
คนรอบๆเองต่างก็มีสายตาไม่พอใจเช่นกัน ถึงพวกเขาจะไม่ได้พูด แต่การที่กองทัพเขี้ยวหมาป่ามาที่นี่และยืนขวางทางแบบนี้ไม่ใช่แค่ส่งผลกระทบต่องานของพวกเขา แต่ยังส่งผลกระทบต่อการทำงานทั้งหมดของค่ายด้วย แต่ตอนนี้กองทัพเขี้ยวหมาป่าโด่งดังและมีชื่อเสียงอย่างมาก ตอนนี้ค่ายอื่นๆต่างตกอยู่ในวิกฤตกันหมด และตอนนี้พวกเขาก็ได้เจอกับกองทัพเขี้ยวหมาป่าตัวเป็นๆ พวกเขาก็ควรจะตื่นเต้นใช่มั้ย?
อย่างไม่คาดคิด ยังไม่ทันที่เสียงของชายร่างใหญ่จะจางหายไป ก็มีอีกคนเดินฝ่าฝูงชนออกมายืนที่อีกฝั่ง “เฮ้! นี่มันบ้าบออะไรกัน แม้พวกนายจะคุณความดีแต่ก็ไม่มีสิทธิมาดูหมิ่นคนอื่น? ทำให้พวกเราทั้งค่ายดูเหมือนตัวตลก นี่คือคำสั่งของท่านพลเอกงั้นเหรอ? มันถึงเวลาทำงานของค่ายแล้ว พวกนายรู้มั้ยว่าในหนึ่งวันพวกเราต้องทำงานมากขนาดไหน? ถ้าให้พวกเรารอโดยปล่อยเวลาทิ้งแบบนี้ พรุ่งนี้จะต้องมีคนไม่มีข้าวกินแน่ๆ!”
ทั้งคู่คือสมาชิกที่แข็งแกร่งของค่ายเขี้ยวหมาป่า พวกเขาส่วนใหญ่เป็นมนุษย์สายพันธุ์ที่แข็งแกร่ง มีชีวิตที่ดีในค่าย พวกเขามักติดตามหยางเทียนไปในเมืองอันลูอยู่บ่อยๆ ในความคิดของพวกเขา สองร้อยกว่าคนตรงหน้านี้ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องมายืนอยู่ที่นี่แบบนี้เลย และยังต่อต้านไม่ให้พวกเขาเข้าไปในค่ายอีก ซึ่งเหมือนกับว่าไม่เห็นพวกเขาซึ่งเป็นคนท้องถิ่นของค่ายในสายตาเลย!
เกิดอะไรขึ้นกับกองทัพเขี้ยวหมาป่า? ทุกคนไม่ใช่ทหาร หลายคนในกองทัพเขี้ยวหมาป่าเป็นแค่ผู้รอดชีวิตธรรมดา มันไม่มีกระบวนการดำเนินต่างๆอย่างในค่าย แล้วคนพวกนี้เอาอะไรกินดื่มตลอดเวลาที่ผ่านมา?
เมื่อมีการต่อต้านครั้งแรกและครั้งที่สอง ผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆก็เริ่มลุกขึ้นมาต่อต้าน ไม่ใช่ทุกคนที่ชื่นชอบกองทัพเขี้ยวหมาป่า หลายคนสนใจแต่ผลประโยชน์ของตัวเองมาอันดับหนึ่ง
การกลับมาของชูฮันพร้อมกับกองทัพเขี้ยวหมาป่า ชิงความนิยมและชื่อเสียงที่นี้ของหลายคนไป ซึ่งเป็นอุปสรรคต่ออนาคตของเขาพวกเขาอย่างชัดเจน ด้วยการมีตัวตนของกองทัพเขี้ยวหมาป่า พวกเขาไม่เพียงแต่จะถูกลดระดับลงไปเป็นพลเมืองชั้นสอง แต่อาจจะไปถึงสาม หรืออาจจะต้องไปเป็นทหาร?
กูเหลียงเฉินกวาดสายตามองผู้คนมากมายที่ทำการต่อต้าน สายตาของกูเหลียงเฉินเต็มไปด้วยความหนักแน่น เขาหันไปมองซูเฟิงและกระซิบ “ฉันควรทำยังไงดี? ถ้าเราต่อต้านยังจะยิ่งส่งผลกระทบทางลบต่อกองทัพเขี้ยวหมาป่ามั้ย?”
“ท่านพลเอกสั่งไว้ ว่าห้ามใครเข้าไปทั้งนั้น” ซูเฟิงยืนนิ่งไม่ไหวติง
กูเหลียงเฉินเป็นกังวล เนื่องจากสมาชิกของกองทัพเขี้ยวหมาป่าส่วนใหญ่เก่งแค่เรื่องการต่อสู้แบะไม่ถนัดด้านการวิเคราะห์สถานการณ์ และตอนนี้พวกเขาไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าได้ดีเท่าไหร่ โดยเฉพาะเมื่อชูฮันพึ่งจะกลับมาที่ค่ายนี้วันนี้เท่านั้น
ใจคนนั้นยากที่จะควบคุม