หลังจากเสียงพูดคุยพักใหญ่ ชูฮันก็นำทั้งสามออกจากฐานฝึกและมุ่งหน้าไปทางภูเขาแทน แม้แต่บนเส้นทางเดิน มันก็สามารถบอกความแตกต่างสุดขั้วของสามทีมได้ชัด
ทีมกุ้งเสือดำเดินตามหลังชูฮันมาเงียบๆ ส่วนทีมความลับของพระเจ้าเดินพูดคุยเสียงดัง ทีมนักฆ่าขนนกนั้นเป็นกลุ่มที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีและเป็นเวลานาน ชูฮันจึงมีความเชื่อมั่นในตัวพวกเขาสูงมาก จึงปล่อยให้พวกเขาเดินนำหน้า
ในที่สุด หลังจากการเดินทางด้วยความเร็วสูงสุดเป็นเวลาสองชั่วโมง ทุกคนก็เข้ามาอยู่ในใจกลางป่าลึกห่างไกลจากค่ายเขี้ยวหมาป่า แม้จะดีเพราะการออกมาไกลจากเมืองอันลูก็เท่ากับเป็นการหลีกเลี่ยงการปะทะกับฝูงซอมบี้ แต่ถึงอย่างไรมันก็ยังมีอันตรายมากอยู่เพราะในป่าลึกนั้นมีสัตว์ป่าและสัตว์ประหลาดมากมาย ซึ่งไม่มีอะไรรับประกันความปลอดภัยให้พวกเขาได้
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะยังไง ทั้งสามทีมก็เรียกได้ว่าเป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพเขี้ยวหมาป่า โดยเฉพาะทีมกุ้งเสือดำและความลับของพระเจ้าที่พัฒนาความสามารขึ้นด้วยตัวเองตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา มันน่าทึ่งมากแม้แต่สมาชิกหลายคนจากในทั้งสองทีมยังมีระดับสูงกว่าชูฮันซะอีก
แต่ถึงกระนั้น ชูฮันก็ยังคงเป็นผู้บัญชาการสูงสุดอยู่ดี ไม่มีใครไม่เห็นด้วยหรือคัดค้านทั้งนั้น แม้แต่ซูเฟิงและหลี่บี๋เฟิงที่อยู่ในระดับสูงกว่าชูฮันหลายระดับ เพราะทุกคนรู้ว่ามันไม่ใช่แค่นั้น ชูฮันมีทั้งความสามารถในการรบ ความสามารถในการประเมิณสถานการณ์ กลยุทธ์ในการรบ ชูฮันเป็นที่หนึ่งในจีนสำหรับทั้งสามทีม
ไม่มีใครเอาชนะชูฮันได้!
มองเข้าไปในป่าลึกหนาทึบที่ยากจะฝ่าเข้าไปได้ ทุกคนมองไปที่ชูฮันด้วยสายตาเทิดทูน โดยเฉพาะทีมความลับของพระเจ้าที่มีความคาดหวังสูงมาก พวกเขาไม่คิดปิดบัง การฝึกต่อไปคืออะไร?
“ในที่นี้มีแต่มนุษย์สายพันธุ์ใหม่ แม้แต่ระดับก็ยังสูงๆกันทั้งนั้น มีทั้งวิวัฒนาการระยะ 6 สองคน เพราะงั้นฉันเชื่อว่าการฝึกฝนเพื่อฆ่าซอมบี้จึงไม่จำเป็นสำหรับพวกคุณแล้ว” ชูฮันยืนอยู่หน้าทุกคน รอยยิ้มบนหน้าเขาคือรอยยิ้มบริสุทธิ์ “ฉันอยากจะถามพวกคุณก่อน อะไรคือความแตกต่างของกลุ่มคนพวกคุณกับกลุ่มทั่วไปในกองทัพเขี้ยวหมาป่า?”
“มนุษย์สายพันธุ์ใหม่? ตำแหน่งของระดับ?” หลี่บี๋เฟิงพูดอย่างที่คิด เขาเป็นคนแรกที่ตอบขึ้นมา แต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง
“กลายพันธุ์และปกติ?” นี่เป็นหัวข้อที่หลูปิงเซ่อไม่คิดมองข้ามเด็ดขาด
คนอื่นๆเองก็ตอบด้วยคำตอบที่หลากหลายกันไป หากไม่มีใครตอบถูก
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เสี่ยวเคินก็ไตร่ตรองได้ออก “เป้าหมายในการฆ่า?”
ชูฮันเหลือบมองเสี่ยวเคิน จากนั้นก็ศรีษะลง “ใช่ เป้าหมายในการฆ่า”
ชูฮันก้าวเท้าออกเดิน ค่อยๆเดินผ่านทั้ง 50 คนตรงหน้า กวาดสายตามองหน้าทุกคน จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงของผู้นำที่หาตัวจับได้ยาก “กองทัพเขี้ยวหมาป่าต้องพัฒนาในทุกส่วน ศัตรูที่มีมากที่สุดของโลกก็คือซอมบี้ แต่ศัตรูที่อันตรายที่สุดคือลูกผสม แต่ศัตรูของเราไม่ได้มีเพียงแค่นี้ สัตว์ร้ายหรือแม้กระทั่งพวกเรามุนษย์กันเองก็อาจเป็นศัตรูได้เช่นกัน”
“ตอนนี้ ปริมาณของมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ในจีนกำลังลดลงเรื่อยๆ จากที่มี 20% ในตอนแรก แต่มันกลับลดลงเหลือ 10% อย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึงปี ตอนนี้ก็ยิ่งน้อยลงเข้าไปอีก จำนวนประชากรของจีนในตอนนี้มีเหลือเพียงแค่ 100 ล้านเท่านั้น ขณะที่ซอมบี้มีมากกว่าถึงสิบเท่า พวกเราไม่สามารถฆ่ามันได้หมด”
“เป้าหมายของทีมธรรมดาของกองทัพเขี้ยวหมาป่านั้นชัดเจนอยู่แล้ว นั่นก็คือ เพื่อรับมือกับซอมบี้” ทันใดนั้นชูฮันก็หยุดเดิน เขาสบตาเข้ากับทุกคน “แต่นั่นมันยังไม่พอ ศัตรูของเรามีอยู่ทุกหนทุกแห่ง มนุษย์มักเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนเสมอ ที่ใดมนุษย์ที่นั่นย่อมมีความตาย”
“และพวกคุณ!” จู่ๆนำ้เสียงของชูฮันก็เต็มไปด้วยอำนาจ “พวกคุณทั้งสามทีม นักฆ่าขนนก กุ้งเสือดำและความลับของพระเจ้า เป้าหมายหลักของการฝึกนี้คือเพื่อรับมือกับคน!”
มนุษย์มักเป็นเป้าหมายของการป้องกันตัวจากอีกฝ่ายเสมอ
เมื่อได้ฟังคำประกาศของชูฮัน พลังผันผวนของทีมนักฆ่าขนนกก็พวยพุ่งออกมาทันที ในความคิดของพวกเขาที่ท่านพลเอกพูดนั่น ให้รับมือกับคนมันธรรมดาเกินไป
เหล่าสมาชิกของทีมกุ้งเสือดำสะดุ้ง หลายคนพยักหน้าตาม มันก็จริง โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาได้เดินทางระยะไกลมาถึงเมืองอันลู พวกเขาได้เห็นการฆ่ากันเองของคนมากมาย การต่อสู้ของฝ่ายเดียวกันเอง
ทีมที่ถูกเมินอย่างความลับของพระเจ้าเงียบไปครู่หนึ่ง พวกเขากำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง คำพูดของชูฮันทำให้พวกเขาครุ่นคิดอย่างมาก
การตอบสนองที่แตกต่างกันไปของทั้งสามทีมทำให้ชูฮันยิ้มออกมา “ดังนั้น ตอนนี้สำหรับการฝึกบทเรียน การลาดตระเวนและการแกะรอย”
———-
ในขณะเดียวกัน ติงซือเย้าที่เดินทางมาถึงค่ายตวนก็ได้รับการต้อนรับจากตวนเจียงเหว่ยทันทีในเช้าตรู่ แม้เขาจะมาถึงตั้งแต่เมื่อวาน แต่เขาพึ่งจะได้พบกับคนใหญ่คนโตของค่ายตวนวันถัดมานี่เอง หากการได้พักผ่อนที่ค่ายตวนหนึ่งคืนนั้นค่อนข้างดีมากเลยทีเดียว การต้อนรับ เครื่องดื่ม อาหาร ที่พัก ทุกอย่างได้รับดูแลอย่างเป็นระเบียบ มีคนคอยดูแลเขาตลอดคืน
ด้วยการมาถึงของติงซือเย้า เหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของค่ายตวนดูจะกังวลกันพอสมควร พวกเขาเรียกประชุมเร่งด่วนสำหรับเจ้าหน้าที่สูงสุดทันทีภายในคืนนั้นและปรึกษาแผนการมากมาย ทว่าอย่างไรก็ตามเนื่องด้วยพวกเขาไม่รู้ถึงจุดประสงค์ของชูฮันในการส่งติงซือเย้ามา ทุกคนจึงใช้เวลาในการปรึกษานานมาก เพื่อหาการตอบสนองที่เจาะจงกับการดำเนินการ
ดังนั้นเช้าวันถัดมา ตวนเจียงเหว่ยที่ตัดสินใจจะทดสอบสิ่งล่อใจก่อน ตอนนี้เขาจึงอยู่ในห้องโถงพร้อมกับพลังใจที่เต็มเปี่ยมและสมองที่ประมวลผลอย่างหนัก กำลังต้อนรับติงซือเย้าด้วยท่าทางกระตือรือร้นอย่างมาก
ติงซือเย้านั่งอยู่ในตำแหน่งที่จัดไว้ ถือถ้วยชารสชาติอยู่ในมือ เขากำลังรู้สึกซาบซึ้งอย่างมาก
กลับกัน ตวนเจียงเหว่ยซึ่งเป็นผู้นำของค่ายตวนนั้นก็ยิ้มและมีแววตาที่เข้าใจได้ยาก
“เราจะให้แขกได้รับการต้อนรับไม่ดีไม่ได้เด็ดขาด ชานี่ดีมั้ย? ฉันเอามาจากซางจิง” ตวนเจียงเหว่ยเป็นคนพูดขึ้นก่อน ขณะเดียวกันเขาก็คอยสังเกตการเคลื่อนไหวทุกขั้นตอนของติงซือเย้าไปด้วย
แม่แต่หลูชูซเว ที่อยู่ถัดไปก็ได้บันทึกการเคลื่อนไหวทั้งหมดของติงซือเย้าไว้ในหัวเธอด้วยความทรงจำอันเลิศที่มี พูดได้ว่าตอนนี้มีศัตรูอยู่ในกลางของค่ายตวน แต่เป้าหมายหลักนั่นไม่ใช่ติงซือเย้า แต่เป็นคนเบื้องหลังอย่าง…ชูฮันต่างหาก
ความคิดของชูฮันเป็นเหมือนกับผี ที่ไม่มีใครรู้และมองเห็น
“ครับท่าน ดีครับ” ติงซือเย้าตอบ ตามมาความยุ่งเหยิงภายในใจ เขาไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ตอนนี้ได้จริงๆ การทูต มารยาท ข้อควรระวังทั้งหลาย เขาไม่เข้าใจอะไรพวกนี้เลย และยังต้องมาเจอกับค่ายที่มีพัฒนาการสูงสุดอย่างค่ายตวนอีก นี่มันมากเกิน เขาจะทำยังไงต่อไปดีตอนนี้?
“มันเป็นเครื่องดื่มที่ดี” ตวนเจียงเหว่ยมองออกถึงคำพูดที่ไม่จริงใจของติงซือเย้า และหลังจากประหลาดใจเล็กน้อย เขาก็พูดขึ้นอีกครั้ง “ไม่รู้ว่าของขวัญแสดงความยินดีที่ค่ายตวนส่งไป พลเอกชูฮันจะพอใจหรือเปล่า?”
ติงซือเย้าตะลึง สีหน้ามึนงง เขาไม่รู้! เขาควรตอบว่าไงดี?