เพราะงั้น ติงซือเย้าจึงตัดสินใจที่จะพูดไปตรงๆ “ผมไม่รู้ครับว่าท่านพลเอกจัดการกับของขวัญยังไงเมื่อตอนที่ผมออกมาแล้วครับ”
ตวนเจียงเหว่ยไม่สนใจอะไรมาก เขาก็แค่ถามมันเฉยๆเพื่อที่จะหาเรื่องคุยกับติงซือเย้า ยิ่งตือซือเย้าพูดมากเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งจับสังเกตและข้อผิดพลาดได้มากเท่านั้น และเขาก็จะได้รู้อะไรเพิ่มเติมจากคำพูดของติงซือเย้าด้วย เพื่อเสาะหาเจตนาที่แท้จริงของชูฮัน
ชูฮันเป็นหนึ่งในเป้าหมายจำเป็นที่ค่ายตวนจำเป็นต้องเฝ้าระวังสูงสุด โดยเฉพาะเมื่อตวนเจียงเหว่ยตกหลุมกับดักของชูฮันและสงครามกลางภูเขาก็กลายเป็นโด่งดังไปทั่วโลกอีก ยิ่งทำให้การตื่นตัวของพวกเขายิ่งไต่ระดับขึ้นไปอีก
แต่ยิ่งพูดมากเท่าไหร่ ตวนเจียงเหว่ยยิ่งรู้สึกว่ามันไม่ใช่ ไอ้ติงซือเย้าคนนี้ ไม่รู้อะไรเลยสักนิด!
ในตอนนี้ ติงซือเย้าที่เครียดจนปากแห้งเผือดนั้นตกอยู่ในอาการซึมสุดขีด สีหน้าขมขืน “ผมขอบคุณมากจริงๆครับ แล้วก็มันมีเอ่อ จดหมาย แต่ท่านพลเอกไม่ได้พูดอะไรอีกครับ”
ตวนเจียงเหว่ยรับจดหมายมาถือไว้ในมือ เนื่องจากความระมัดระวังและความอิจฉาที่มีทำให้เขาตวนเจียงเหว่ยไม่ได้รีบเปิดดูในทันทีเพราะเขากลัวว่ามันจะเป็นกลลวงของชูฮันอีก ถึงอย่างไรคนอย่างชูฮันก็ไม่สามารถคาดเดาเจตนาที่แท้จริงได้อยู่แล้ว เขาจึงต้องระวังเอาไว้ก่อน มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าชูฮันจำทำอะไร รวมถึงตอนนี้ค่ายตวนและค่ายเขี้ยวหมาป่าก็ไม่ได้มีสัมพันธ์อันดีต่อกันเท่าไหร่
ถ้าชูฮันรู้ว่าตวนเจียงเหว่ยเตรียมการอะไรไว้มากขนาดนี้ละก็ ชูฮันจะต้องคิดว่าตวนเจียงเหว่ยเป็นโรคจิตอย่างแน่นอน
ทั้งความสงสัยและระแวงที่มี ตวนเจียงเหว่ยจึงค่อยๆเปิดจดหมายในมือขึ้นช้าๆ ทันใดนั้นทั้งห้องโถงก็ตกอยู่ในความเงียบสินท มีเพียงแค่เสียงขยับของกระดาษให้ได้ยิน
ติงซือเย้าโล่งใจอย่างมากที่ในที่สุดตวนเจียงเหว่ยก็ยอมอ่านจดหมาย หลังจากอีกฝ่ายเอาแต่ถามเขาอยู่นาน ซึ่งมันไร้ประโยชน์เปล่าๆเพราะเขาไม่รู้อะไรเลย ข้อมูลที่ชูฮันอยากจะส่งต่อมันน่าจะเขียนไว้ชัดเจนในจดหมายแล้ว!
พูดไม่ออกจริงๆ อีกฝ่ายจะระแวงอะไรขนาดนี้? รีบๆเปิดอ่านซะทีเขาจะได้กลับ
ตวนเจียงเหว่ยที่กำลังเปิดจดหมายอยู่ตอนนี้กำลังสับสนอย่างมาก คิ้วขมวดและจ้องไปที่รายละเอียดของจดหมายในมือ มันมีเพียงแค่ประโยคเดียวเขียนอยู่ในนี้ : ค่ายตวนนั้นสุดยอดมากๆ คนที่ออกแบบสถาปัตยกรรมจะต้องเก่งกาจสุดๆ ฉันขอยืมชุดทีมก่อสร้างของคุณได้มั้ย?
นี่ผู้ชายคนนี้พูดจริงงั้นเหรอ? ชูฮันขอยืมตัวคนของเขา?
เหนือความคาดหมาย ตวนเจียงเหว่ยพยักหน้ากับตัวเอง ใช่สินะ ค่ายเขี้ยวหมาป่าพึ่งก่อตั้งขึ้น หลังจากชูฮันเข้าควบคุมการปกครอง เขาคงจะต้องการสร้างค่ายระดับพลเอกขึ้น ทว่าค่ายเขี้ยวหมาป่ามีกำลังคนจำกัด มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่อีกฝ่ายจะต้องขอยืมทีมก่อสร้างขอเขาไปช่วยงาน
แต่มันแค่นั้นเหรอ…
แรงจูงใจของชูฮันจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!
ผู้ชายคนนี้มักมีแผนการเสมอ และเขามักจะขุดหลุมลึกเพื่อรอให้คนกระโดดลงไปตามแผนของเขา เพราะฉะนั้นเขาจะต้องระวังอย่างมาก
ดังนั้นตวนเจียงเหว่ยที่คิดทบทวนดีแล้ว จึงส่งจดหมายไปให้เหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของค่ายตวนที่ยืนอยู่ข้างๆเขาเพื่อดู จากนั้นก็หันไปพูดกับติงซือเย้า “ท่านพลเอกชูฮันไม่ได้อย่างอื่นส่งมาอีกเหรอ? จดหมายนี่มันไม่ชัดเจนพอ เพียงแค่ประโยคเดียว ฉันไม่สามารถเข้าใจได้!”
ติงซือเย้ากระพริบตาอย่างมึนงง จากนั้นก็ส่ายหัว เขาไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายพูด เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในจดหมายเขียนอะไรบ้าง!
จู่ๆตวนเจียงเหว่ยก็รู้สึกหมดแรง ในขณะเดียวกันในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมชูฮันถึงส่งไอ้เด็กหนุ่มน่าสงสารนี่มาเป็นคนเจรจา เป็นเพราะว่าไอ้หนุ่มนี่เป็นคนพูดไม่เก่งและก็ไม่รู้อะไรเลย ซึ่งมันจะป้องกันไม่ให้คาดเดาเจตนาที่แท้จริงของชูฮันได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เป็นการเดินหมากที่ฉลาดมาก
“พวกคุณคิดว่าไง?” ตวนเจียงเหว่ยที่ตอนนี้ไฟกำลังลุกอยู่ในอดกระซิบถามคนตรงหน้าเขา ดูเหมือนว่าเขามีข้อสงสัยอย่างมากเกี่ยวกับพฤติกรรมแปลกๆของชูฮัน
คนที่เหลือในขณะนี้ก็เพิ่มความระมัดระวังขึ้นถึงระดับสูงสุด สาเหตุก็เพราะว่าคำขอของชูฮันในครั้งนี้มันเรียบง่ายเกินไป และยังชัดเจนเกินไปด้วย ซึ่งมันไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมที่ผ่านมาของชูฮันเลยสักนิด!
หลูชูซเวเหลือบมองติงซือเย้าอย่างระแวง เธอนิ่วหน้า “ฉันไม่สามารถเดาได้ ฉันไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร”
“ทีมงานก่อสร้าง?” เจ้าหน้าที่ระดับสูงอีกคนของค่ายตวนกำลังไตร่ตรอง “ผมรู้สึกว่าเจตนาที่แท้จริงนั้นจะต้องไม่ใช่แค่การยืมทีมก่อสร้างแน่ๆ ไม่ต้องเดาเลย ชูฮันกำลังวัดระดับความสามารถของค่ายตวนเราอยู่ยังไงกัน”
“พัฟ แค่ก แค่ก!” ติงซือเย้าสำลัก เขามองไปที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่พูดประโยคเมื่อครู่ มันก็แค่ทีมก่อสร้างไม่ใช่เหรอไง? ทำไมจะต้องคาดเดาอะไรมากมายขนาดนั้น?
ตวนเจียงเหว่ยเองก็อดที่จะเป็นกังวลไม่ได้ ทีมก่อสร้างที่ชูฮันจะขอยืมตัวไปนั้น เขาจะขอไปนานเท่าไหร่กัน แล้วก็ยังไม่รู้ว่าสรุปนี่เป็นแผนการอะไรของชูฮันหรือเปล่า ตวนเจียงเหว่ยปวดหัวอย่างมาก
เมื่อมองไปที่สีหน้าของทุกคน ติงซือเย้าก็คิดในใจว่าคนพวกนี้คิดมากเกินไป มันก็แค่การใช้สมองอันชาญฉลาดของท่านหัวหน้าของชูฮัน
ในขณะที่เหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของค่ายตวนกำลังเจอปัญหาและสับสนกันอยู่ ชูฮันก็ได้นำทั้งสามทีมเข้าสู่การฝึกที่ไร้ขีดจำกัดแล้ว มันไม่ใช่การฝึกเพื่อการต่อสู้อันไร้ขีดจำกัด หากมันเป็นรูปแบบที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียว
เนื่องจากทีมนักฆ่าขนนกได้มีการฝึกฝนมาเป็นเวลานานที่สุดจากทั้งสามทีม พวกเขาจึงเป็นทีมที่สมบูรณ์แบบแล้ว ทั้งจำนวนและระดับความสามารถนั้นอยู่ในขั้นอันตราย ชูฮันจึงอนุญาตให้ทีมกุ้งเสือดำและความลับของพระเจ้ารวมเข้าด้วยกันเป็นการชั่วคราวระหว่างการฝึกฝน เพื่อฝึกซ้อมการจำลองกับทีมนักฆ่าขนนก
เนื้อหาของการฝึกครั้งนี้นั้นง่ายมาก…การซ่อน การแกะรอย
ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถใช้อาวุธได้ พวกเขาสามารถใช้ได้เพียงแค่ความสามารถที่ตัวมีเท่านั้น เนื่องจากทีมกุ้งเสือดำและความลับของพระเจ้ายังไม่เคยลงสนามรบอย่างเป็นระบบ ดังนั้นการฝึกในครั้งแรกนี้จึงถูกนำโดยชูฮันที่คอยสอนและแนะให้ตลอดทาง
อาณาเขตรอบนอกของเมืองอันลูทั้งหมด นอกเหนือจากเขตในเมืองอันลูและค่ายเขี้ยวหมาป่า พื้นที่รอบภูเขาทั้งหมด แม้แต่พื้นที่ห่างไกล ไม่มีใครรู้ว่าการฝึกในครั้งนี้ชูฮันจะทำอย่างไรกับทั้วสามทีม ชูฮันจะพาพวกเจาไปสู่สถานการ์น่าระทึกและหายนะมากมายขนาดไหน
การฝึกได้เริ่มขึ้นแล้ว ทีมกุ้งเสือดำและความลับของพระเจ้าได้ใช้ปัจจัยที่เป็นไปได้ทั้งหมดในการซ่อนตัว และทีมนักฆ่าขนนกก็ใช้ปัจจัยเงื่อนไขที่เป็นไปได้ทั้งหมดในการแกะรอยสามวัน โดยพวกเขาจะต้องจัดการเรื่องอาหารด้วยตัวเอง
เพราะงั้นจึงคาดว่าจะยังไม่มีท่านพลเอกชูฮันแห่งจีนคนโหดให้ทุกคนได้เห็นในวันนี้
หลังจากจบการฝึกซ้อมแต่ละครั้ง ทีมที่แท้จะต้องถูกลงโทษ ซึ่งมันคือฝันร้ายสำหรับทุกคน เพราะบทลงโทษของชูฮันนั้นโหดร้ายและเหนื่อยล้าสุดขาดใจ เพราะฉะนั้นทุกคนจึงทำอย่างสุดความสามารถที่มีเพื่อชนะให้ได้
เพราะชูฮันเป็นคนมุ่งมั่นอย่างมากและศักยภาพของมนุษย์นั้นไร้ขีดจำกัด