ไม่นานหลังจากนั้น ชูฮันรีบจัดการเอกสารต่างๆไปได้ครึ่งหนึ่ง ประตูก็ถูกเคาะขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นซูชิงที่เข้ามาพร้อมกับหวังชื่อชรงและคนอื่นๆในเรือ
ต้องบอกว่าครั้งนี้ชูฮันแม่นยำเกินไป
“หัวหน้าชูฮัน!” โจวชุนเล่ยเป็นคนที่ตื่นเต้นที่สุด เขาต้องการจะวิ่งพุ่งเข้าไปหาชูฮันแต่ก็ถูกลียี่ดึงตัวเอาไว้ซะก่อน
แม้หวังชื่อชรงเองก็ตื่นเต้นแทบไม่ต่างกัน แต่เขารู้ว่าการที่ชูฮันเลือกที่จะพวกเขาที่นี้ แสดงว่ามันจะต้องมีเรื่องสำคัญอย่างมากที่จะต้องอธิบาย เพราะฉะนั้นมันไม่มีเวลามาทำเรื่องไร้สาระ อันดับแรกหวังชื่อชรงส่งมอบรายงานการตรวจสอบริมฝั่งแม่น้ำที่เขาทำสำเร็จแล้วให้ชูฮัน และพูดขึ้นอย่างระวัง “หัวหน้าครับ นี่คือรายงานล่าสุด มันยังฉบับก่อนหน้านี้ แต่นี่คือการเปลี่ยนที่ใหญ่ที่สุดของทุกเดือน”
ชูฮันพยักหน้าและปิดรายงาน จากนั้นก็หันไปหาซูชิงที่อยู่ถัดจากหวังชื่อชรง “ไม่ต้องห่วงเรื่องงาน อันดับแรกทำความรู้จักกับคนที่ไปรับตัวพวกคุณมาก่อน เขาคือวิศวกรสถาปนิกของค่ายเขี้ยวหมาป่า”
ฟรึบ!
สายตาของบางคนหันมาจับจ้องที่ซูชิงอย่างประหลาดใจ ในตอนแรกความคิดของพวกเขาคือซูชิงเป็นเพียงแค่คนส่งข่าว ไม่คิดเลยว่าความจริงจะเป็นถึงวิศวกรสถาปนิกของค่ายและชูฮันยังให้ความสำคัญแบบนี้ แน่นอนว่าต้องไม่ธรรมดา
ซูชิงไม่คิดว่าจะถูกแนะนำตัวกระทันหันแบบนี้ เขารีบปรับสีหน้าตัวเองให้ยุ่งเหยิงน้อยลงทันที และในขณะเดียวกันก็พยายามทำสีหน้าภาคภูมิ
ในตอนนั้นชูฮันเองก็แนะนำหวังชื่อชรงและคนอื่นๆให้กับซูชิงเช่นกัน “คนพวกนี้มีความสามารถระดับหนึ่งสำหรับการสำรวจทางภูมิศาสตร์ และพวกเขายังมีประสบการณ์อย่างมากด้านภูมิศาสตร์ เรียกได้ว่าเป็นมืออาชีพ”
เมื่อได้ฟังคำพูดของชูฮัน ซูชิงที่กำลังภาคภูมิตัวเองกับคำแนะนำของชูฮันก็ตกใจอย่างมาก ตาเบิกกว้างและจ้องหัวหัวหน้าชูฮันอย่างไม่อยากเชื่อ จากนั้นก็หันไปมองดูหวังชื่อชรงและคนอื่นๆ ในขณะเดียวกันซูชิงก็ตระหนักขึ้นได้ ไม่แปลกใจที่ทำไมชูฮันถึงให้เขาเป็นคนไปรับคนพวกนี้มา ซูชิงอดไม่ได้ที่จะยิ่งชื่นชมชูฮันเพิ่มขึ้นไปอีก
หัวหน้าชูฮันของเขาคือพระเจ้าชัดๆ!
“หลังจากนี้พวกคุณต้องทำงานร่วมกัน จุดต่างๆบนแผนที่จะได้รับความสำคัญก่อน พวกเราไม่มีเวลามากพอที่จะสร้างค่ายทัน หลังจากการสำรวจตำแหน่งพวกนี้จะถูกปรับปรุงก่อนและอาคารมากมายจะถูกสร้างขึ้น” ชูฮันพูดพร้อมกับหยิบแผนที่ขึ้นมาพร้อมกับกระดาษที่เขียนบางอย่างไว้ส่งให้ซูชิง “ซูชิงที่จุดนี้ ให้รู้ไว้ว่าทั้งหมดนี้รวมอยู่ในการก่อสร้างของค่ายด้วย โดยเฉพาะตำแหน่งการกระจาย”
ซูชิงรับมาทันที และเมื่อเขาเปิดออกดู เขาก็มีท่าทีงงงวยและอดไม่ได้ที่จะถาม “นี้มัน? ค่ายเขี้ยวหมาป่าเป็นวิธีการแบบทหารเต็มรูปแบบ? แล้วผู้รอดชีวิตธรรมดาจะไปอยู่ไหนครับ?”
ชูฮันบิดปาก มีแสงวาดผ่านนัยน์ตา “เมืองอันลูมีบ้านและที่พักอาศัยมากมาย ที่ค่ายนี้ยังไม่พร้อมสำหรับการอยู่อาศัย!”
“อยู่ในเมือง?” ตอนนี้ไม่ว่าจะทั้งซูชิงหรือหวังชื่อชรง แม้แต่หน้าของลียี่ก็เต็มไปด้วยคำถามกันหมด ในความคิดของพวกเขา ชูฮันไม่เพียงแค่เพ้อฝัน แต่ยังเป็นบ้าอีก!
ชูฮันไม่คิดจะอธิบายความตกใจและข้องใจของทุกคน “พวกคุณทำงานของพวกคุณไป ไม่ต้องสนเรื่องอื่น ฉันบอกว่ามันโอเคก็คือโอเค”
ชูฮันเต็มไปด้วยความมั่นใจ และทุกคนก็เป็นคนประเภทที่ไม่ถนัดพูด ก่อนจะเริ่มการก่อสร้างของค่าย มันยังมีเรื่องมากมายอีกที่ชูฮันจะต้องจัดการ
———-
ขณะเดียวกัน ณ ประตูทางเข้าค่ายเขี้ยวหมาป่า กองทัพเขี้ยวหมาป่าที่ออกไปทำการฆ่าซอมบี้ในเมืองอันลูเป็นครั้งแรกได้กลับมาถึงอย่างปลอดภัย เนื้อตัวของทุกคนชุ่มไปด้วยน้ำเหงื่อ ร่างกายห่อเหี่ยวไร้เรี่ยวแรง
ก่อนหน้านั้นพวกเขาไม่รู้เลยว่าจะต้องใช้กลยุทธ์ที่ทรงพลังเพื่อรับมือกับฝูงซอมบี้มากขนาดนี้ พวกเขาไม่คิดเลยว่าการร่วมมือกันจะสร้างพละกำลังที่ยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้ และไม่รู้เลยว่าพวกเขาจะสามารถฆ่าซอมบี้ได้มากขนาดนี้โดยไม่สูญเสียใครไปเลย
กูเหลียงเฉิน ในฐานะกัปตันของทีม เขาไม่ต้องพยายามอะไรหากเขากลับค่อยๆสร้างชื่อเสียงและความรุ่งโรจน์ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเขากลับมาพร้อมกับทุกคนโดยสามารถฆ่าซอมบี้ไปได้หลายหมื่นตัว เขาก็ได้เจอกับเหล่าผู้คนมากมายในค่ายที่มารอต้อนรับอย่างอบอุ่นและแสดงความชื่นชม
ฝูงชนหนาแน่นที่ล้อมรอบอยู่ตรงพื้นที่ของประตูค่ายที่มีอย่างจำกัด สีหน้าที่เต็มไปด้วยความไว้วางใจ ความเทิดทูนและดีใจ ซึ่งมันทำให้กองทัพเขี้ยวหมาป่าเกิดความรู้สึกของการเป็นหนึ่งเดียวกัน เช่นเดียวกับกูเหลียงเฉิน หัวใจของเขาเริ่มโอนเอนไปมากขึ้นเรื่อยๆ
“น้องชาย!” ในที่สุดกูยี่หมิงก็สบโอกาสที่จะได้เข้าใกล้กูเหลียงเฉิน และเค้นพลังทั้งหมดที่มีฝ่าตัวเองท่ามกลางฝูงชนที่อัดแน่นเข้าไปหากูเหลียงเฉิน โบกมือตรงหน้า “ฉันเอง! ฉันเอง เฮ้ เฮ้ย!”
“หลบไป! หนวกหู!” คนที่อยู่ข้างๆพลักกูยี่หมิงออกอย่างรำคาญ
“แกอยากจะทำตัวสนิทกับกองทัพเขี้ยวหมาป่าละสิ?” อีกคนก็พูดจาถูกถูก
ทุกคนรู้ดีว่ากองทัพเขี้ยวหมาป่ามีความสำคัญมากต่อค่าย และยิ่งครั้งนี้พวกเขาออกไปทำการฝึกฆ่าซอมบี้ที่มากถึง 30,000 ตัวได้ แถมจุดที่พวกเขาไปยังเป็นจุดอันตรายที่หยางเทียนเคยนำทีมเข้าไป
มันเป็นการใช้เวลาในเมืองอันลูทั้งหมดแค่สองวัน และทุกคนของกองทัพเขี้ยวหมาป่าก็กลับมาหมดอย่างครบถ้วน จำนวนทั้งหมด 700 คน แต่กลับฆ่าซอมบี้ได้ถึง 30,000 ตัวภายในเวลาสองวัน?
นี่มันเกินจริงเกินไป อีกทั้งทั้งสามทีมที่มีพลังการต่อสู้สูงสุดของกองทัพเขี้ยวหมาป่าก็ไม่ได้อยู่ที่นั้นด้วยซ้ำ ท่านพลเอกชูฮันก็ไม่ได้อยู่ แต่กองทัพเขี้ยวหมาป่ากลับยังสามารถฆ่าซอมบี้ 30,000 ตัวและกลับมาได้อย่างปลอดภัยทุกคนอีก
นี่คือพละกำลังที่แท้จริง นี่คือฮีโร่ของค่ายเขี้ยวหมาป่า นี่คือสิ่งที่ต้องได้รับการยกย่องสูงสุด
ฝูงชนที่อัดแน่นทำให้ถนนที่กว้างใหญ่คับแคบทันที เสียงเชียร์กู่ก้องดังสนั่น หลายคนเตรียมน้ำร้อนและอาหารไว้เพื่อต้อนรับทุกคน พวกเขาออกมารอคอยกองทัพเขี้ยวหมาป่านอกบ้านพักของตัวเองกันหมด
แต่คนที่รู้สึกมากที่สุดท่ามกลางกลุ่มทหาร 700 คนไม่ใช่เหล่าทหารกองหนุน หรือคนธรรมดา หรือมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ แต่เป็นสมาชิกของทีมหลงยาและฮูหยา 50 คน
พวกเขามักทำอะไรตามลำพัง พวกเขามีหน้าที่ทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เข้าร่วมการต่อสู้ขนาดใหญ่อย่างนี้ และก็เป็นครั้งแรกที่ได้รู้วิธีรับมือกับซอมบี้หลากหลายวิธีแบบนี้ แม้กระทั่งพวกเขาจะถูกกระจายออกเป็นทีมย่อยมากมาย มันเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้สัมผัสการทำงานของทีม 10 คน คำว่า ‘เวทมนต์’ คงเป็นเพียงคำเดียวที่สามารถบรรยายความรู้สึกพวกเขาตอนนี้ได้
เมื่อมองไปที่สายตาของผู้คนทั้งหลายรอบๆ ทั้งสองทีมที่มีชื่อเสียงไปทั่วจีนก็มีความรู้สึกมากมายปนกันไปหมด
เหล่าทหารผ่านศึกของกองทัพเขี้ยวหมาป่าเป็นกลุ่มที่สงบที่สุด พวกเขาใช้เวลาสองวันเต็มในการจัดการซอมบี้ 30,000 ตัว มันไม่ได้เหนื่อยล้าอย่างสุดกำลัง อีกทั้งเหล่าคนมาใหม่พวกนี้ พวกเขาไม่ได้ขี้เกียจเลยแม้แต่น้อย เหล่าทหารกองหนุนพวกนี้ เมื่อสองวันที่แล้วทุกคนมีสีหน้าและจิตใจที่ต่างไปจากตอนนี้ เหล่าทหารผ่านศึกอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นในอด
นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น แต่ฆ่าซอมบี้ไปได้แล้ว 30,000 ตัว โดยใช้เวลาแค่สองวันเท่านั้น มันน่าตื่นเต้นใช่มั้ยล่ะ?