เมื่อได้เห็นว่าตัวเองไม่สามารถทำให้ชูฮันแสดงอาการประหลาดใจได้ ฟานเจี้ยนจึงรู้สึกเซ็ง “มาคุยกัน แกต้องการทำอะไร?”
“แกคิดว่าถ้ามันมีสมาคมที่นักล่าทั่วโลกสามารถเข้าร่วมได้จะเป็นยังไง?” ชูฮันไม่คิดอ้อมค้อม เขาพูดออกมาตรงๆ
ฟานเจี้ยนส่ายหัว “นั่นมันคือการละทิ้งอิสระชัดๆ”
“ไม่” ชูฮันยิ้มอย่างลึกลับ “มันมีนักล่าจำนวนมากอยู่ข้างนอกนั่น แต่มีเพียงแค่ไม่กี่คนที่ขอความช่วยเหลือจากนักล่า ความจริงแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่แก้ปัญหากันด้วยตัวเอง มันไม่มีกระบวนการที่เป็นระบบ”
ฟานเจี้ยนอึ้ง หลังจากเห็นประกายวาบในแววตาของชูฮัน เขาจึงเลือกที่จะฟังต่อ
“แต่ถ้าแกเลือกที่จะตั้งสมาคมขึ้น แกสามารถแก้ปัญหาเรื่องความเชื่อถือได้อย่างมาก รวมถึงพวกกลุ่มคนที่ต้องการจ้างคนเพื่อทำบางอย่างที่ต้องการให้โดยไม่อยากจะเปิดเผยตัวตนของตัวเอง การร่วมมือนี้จะทำให้พวกเขาได้รับการป้องกัน นักล่าทุกคนมีอิสระที่จะเลือกรับงาน แม้แต่สมาชิกในสมาคมด้วยกันก็ไม่มีใครมีอำนาจเหนือใคร อิสระอย่างสมบูรณ์” ชูฮันค่อยๆอธิบายไปเรื่อยๆ “ข้อจำกัดเพียงอย่างเดียวก็คือการถ่ายโอนคำสั่งโดยตรงไปที่สมาคม เหล่านักล่าจะรับคำสั่งของงานต่อจากสมาคมต่ออีกที ทุกอย่างๆจะเป็นไปตามกระบวนการ ทั้งสองฝั่งจะเซ็นข้อยินยอมของสมาคม ไม่ว่างานนั้นจะล้มเหลวหรือเจอปัญหา มันจะต้องการป้องกันในระดับหนึ่งไว้ก่อน”
ตอนนี้ตาของฟานเจี้ยนเป็นประกายจ้า เขารีบคิดตามคำพูดของชูฮัน จากนั้นก็พูดขึ้น “ระดับของนักล่าสามารถบันทึกไว้ในสมาคมได้มั้ย?”
พ้ะ!
“นั่นเลย” ชูฮันปรบมือ “ด้วยอัตราความสำเร็จของภารกิจ นักล่าที่มีอัตราความเร็วสูงสุดก็จะได้รับผลตอบแทนมากที่สุดและก็เป็นไปตามความยากง่ายของภารกิจ มันมีสองประเภท จะให้นักล่าเลือกรับงานด้วยตัวเองก็ได้ หรือนายจ้างจะจ่ายมากขึ้นเพื่อเลือกนักล่าที่เจาะจงเพื่อให้ภารกิจสำเร็จ แน่นอนว่าการเลือกนักล่าจะต้องเป็นสมาคมไม่ใช่นายจ้าง”
ยิ่งชูฮันพูดมากเท่าไหร่ แววตาของเขาก็ยิ่งเป็นประกายมากขึ้นเรื่อยๆเท่านั้น “นักล่ามีโอกาสที่จะทำภารกิจไม่สำเร็จสองครั้ง แต่ถ้าหากเป็นภารกิจเดิมและยังทำผิดซ้ำสองหรือยอมแพ้ นักล่าคนนั้นจะโดนหักคะแนนความน่าเชื่อถือ ซึ่งคะแนนความน่าเชื่อถือของนักล่าแต่ละคนจะเป็นตัวแบ่งระดับมาตรฐานความสามารถ และถ้าหากนักล่าเลือกที่จะยอมแพ้กับภารกิจ นักล่าคนอื่นๆสามารถได้โอกาสครั้งที่สองในการรับภารกิจนั้นแทนด้วยเงื่อนไขเดิม แต่เนื่องจากสมาคมเป็นคนรับรองความปลอดภัยและน่าเชื่อถือของภารกิจ ดังนั้นนักล่าคนที่ยอมแพ้ภารกิจจะไม่ได้รับค่าตอบแทนไป และค่าตอบแทนจะตกเป็นของนักล่าคนอื่นที่มารับภารกิจไปแทน”
“ฉันขอแย้ง” ฟานเจี้ยนเต็มไปด้วยความสนใจอย่างมาก “ฉันไม่อยากจะผ่านกระบวนการมากมายในสมาคม แน่นอนว่าไม่มีสามารถจินตนาการออก แน่นอนเราจะต้องรับความเสี่ยงทุกรูปแบบ อาจถูกโจมตี ทำร้ายจนบาดเจ็บ หลายคนก็ต้องชั่งน้ำหนักก่อนจะรับภารกิจ”
“แต่ทุกอย่างต้องเนินไปทีละขั้นตอน บทบาทเริ่มแรกของสมาคมนักล่าจะค่อยๆพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ ทั่วโลกมีนักล่ามากมายที่ไม่สามารถทำภารกิจได้สำเร็จ พวกเขาได้ภารกิจที่ยากกว่าความสามารถของตัวเองและก็ล้มเหลวในภารกิจ ดังนั้นมันจะดีกว่ามั้ยถ้านายจ้างสามารถใช้สมาคมนักล่าเพื่อหากลุ่มคนที่เหมาะสมและเชื่อถือได้มากกว่าคนภายนอกที่ไม่รู้จัก สมาคมนักล่าจะเข้าร่วมกับสหภาพ และเป็นเพราะสมาคมนักล่าเซ็นยิมยอมทำตามกฏของสหภาพ เพราะฉะนั้นนักล่าทุกคนจะได้รัยข้อยืนยันว่าตัวเองจะได้รับค่าจ้างอย่างแน่นอน”
เมื่อได้เห็นชูฮันพูดแบบนี้ ฟานเจี้ยนก็พอใจ “เพราะฉะนั้นสมาคมนักล่าจะได้พัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆจนอยู่ได้ด้วยตัวเองอย่างอิสระและมีความเป็นกลาง ไม่ตกเป็นของค่ายใดค่ายหนึ่ง และไม่ต้องเชื่อฟังคำสั่งของใคร และในกรณีที่เลวร้ายที่สุดอย่างเกิดสงครามขึ้นกันเองระหว่างมนุษย์ด้วยกัน สมาคมนักล่าจะเป็นที่พึ่งของประชาชนทุกคน เป็นที่ศักดิ์สิทธิที่มีความเป็นกลาง”
“ถูกต้อง ความคิดนี้มันดีมากๆ!” ฟานเจี้ยนพอใจอย่างมากกับความคิดของชูฮัน “สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ แกสามารถพัฒนาห่วงโซ่ของอุตสาหกรรมเพิ่มเติมได้ อย่างเช่น ธนาคารสหภาพ หรืออะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นต่อไป สมาคมนักล่าจะเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับการเก็บเงิน แม้แต่ยามที่เกิดวิกฤตใหญ่ อย่างโลกาวินาศ มันก็จะปลอดภัยและไม่มีใครยุ่งเกี่ยวหรือทำอะไรได้”
“แต่มีปัญหาพื้นฐานที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข” ในตอนนั้นเอง ฟานเจี้ยนก็พูดแทรกชูฮันขึ้นมาด้วยความนิ่ง “ถ้าเราก่อตั้งสมาคมขึ้น เราจะทำอย่างไรก่อนในขั้นตอนแรก? ฉันไม่รู้ว่าถ้าเราก่อตั้งสมาคมขึ้นที่นี้จะมีใครมาเข้าร่วมกับเรามั้ย แกคิดว่าจะมีเอาจริงเอาจังกับเรามั้ย?”
“เฮ้ย ไอ้สมองกลวง! มันขึ้นอยู่กับความเป็นมืออาชีพ มั่นใจได้ ฉันมีแผนเบื้องต้นไว้แล้ว” ชูฮันมีความมั่นใจ “ก่อนอื่น นายต้องครองภูเขานี้ทั้งหมด แกรู้มั้ยว่าตอนนี้วิวัฒนาการระยะ 6 ทั้งหมดของจีนอยู่ที่ไหน?”
“ฉันไม่รู้” ฟานเจี้ยนส่ายหัว “พูดต่อสิ”
แม้ฟานเจี้ยนจะทำเป็นนิ่งๆ แต่ภายในใจของเขานั้นมีพายุก่อตัวขึ้นไปแล้ว เขาเป็นคนที่ท่าทางภายนอกกับหัวใจไม่สอดคล้องกัน ยิ่งเขาทำเป็นไม่สนใจมากเท่าไหร่ ยิ่งตื่นเต้นข้างในมากเท่านั้น
ฟานเจี้ยนเป็นคนไม่สนใจอะไรมาก แต่ด้วยแผนการที่แสนจะเจาะจงของชูฮัน และขั้นตอนแต่ละขั้นที่บอกแนวทางให้เขาคิดและขยายต่อไป ฟานเจี้ยนที่ไม่เคยสนใจอะไรจริงจัง แต่ครั้งนี้เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจและกลัวชูฮัน
ชูฮันสามารถคิดเรื่องการจัดตั้งสมาคมผ่านคำสั่งของนักล่าได้ยังไง? ฟานเจี้ยนไม่ใช่คนโง่ ตอนนี้มันเป็นเพียงแค่ปีที่สองของโลกาวินาศเท่านั้น มีนักล่าข้างนอกนั้นเท่าไหร่กัน? ที่ทำให้ฟานเจี้ยนรู้สึกกลัวมากที่สุดก็คือเจตนาของชูฮันที่ให้เขามาที่นี้ตั้งแต่เมื่อครึ่งปีที่แล้ว?
ฟานเจี้ยนไม่เชื่ออย่างแน่นอนว่าชูฮันจะไม่รู้อะไรมาก่อน และไม่คิดว่าการก่อตั้งสมาคมนักล่าขึ้นจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับภูเขานี้ ปัจจัยทุกอย่างมันเชื่อมโยงเข้ากันทั้งหมด และฟานเจี้ยนรู้สึกหวาดกลัวเพื่อนของเขาคนนี้
ชูฮัน ผู้ชายคนนี้น่ากลัวเกินไป!
“แกรู้มั้ยว่าไม่มีใครอยู่ในรายชื่อของวิวัฒนาการระยะ 6 บนเสาหินประเมิณเลย” ชูฮันยิ้มเบาๆ มองฟานเจี้ยนด้วยสายตาแพรวพราว “แต่วิวัฒนาการระยะ 6 จริงๆกลับอยู่ที่นี้ เท่าที่ฉันรู้คนที่ระดับนี้จะไม่สนใจเรื่องรายชื่ออันดับพวกนั้น และมีแค่คนหยิบมือเท่านั้นที่มีอันดับสูงอย่างนี้ เท่าที่ฉันรู้จักมีเพียงแค่สามคนเท่านั้น”
ฟานเจี้ยนไม่นึกเลย “น้อยขนาดนั้นเลย?”
“ใช่ เพราะฉะนั้นแกรู้คุณค่าของตัวเองรึยัง?” ชูฮันยิ้ม จากนั้นก็พูดต่อ “มันง่ายมากที่จะก่อตั้งสมาคมนักล่าขึ้น แกจัดการกับสัตว์ประหลาดมากมายในภูเขานี้ทั้งวันทั้งคืน ความแข็งแกร่งของแกอยู่ในระดับน่ากลัว ขั้นตอนแรกคือการมีชื่อเสียงก่อน รายชื่อแห่งเกียรติยศและแกจะต้องได้คะแนนประเมิณโดยรวมสูงๆ”
ฟานเจี้ยนพยักหน้า “แค่นั้นเหรอ ยังไม่มีวิวัฒนาการระยะ 6 คนไหนปรากฏบนรายชื่อประเมิณของเสาหิน และฉันก็จะกลายเป็นคนแรก”
“ไม่ ไม่ใช่แค่รายชื่อของวิวัฒนาการระยะ 6 เท่านั้น” จู่ๆชูฮันก็แทรกขึ้นมา แววตาดิ่งลึกดำสนิท “ต้องอันดับพลังโดยรวมด้วย รายชื่อทั้งหมด”