Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย – ตอนที่ 586 ไม่ได้สมเหตุสมผล

“พวกคุณฉลาดมากที่เรียนรู้วิธีการแยกแยะได้ และมันก็ไม่ได้ชัดเจนแค่สำหรับฉันเท่านั้น แต่ทีมนักฆ่าขนนกเองก็ทราบถึงเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน” ชูฮันมองไปรอบๆอย่างเงียบๆ เขาเอ่ยชมทีมกุ้งเสือดำและความลับของพระเจ้า

 

สำหรับปฏิกิริยาของพวกเขา ชูฮันเองก็ประทับใจมากเช่นกัน ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถพึ่งพาตนเองได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นทีมกุ้งเสือดำ ความลับของพระเจ้า หรือนักฆ่าขนนก แต่ละทีมต่างมีเป้าหมายของตัวเองที่ชัดเจน  และไม่ว่าผลลัพธ์ของการฝึกจะเป็นอย่างไรมันไม่สำคัญ เพราะพวกเขาต้องการกระบวนการในการเรียนรู้ที่จะพัฒนาไปให้แข็งแกร่งขึ้น!

 

ดังนั้นหลังจากเอ่ยชมเสร็จ ชูฮันก็เริ่มเข้าสู่ประเด็นทันที “และเพราะมันเข้าใจได้ ดังัน้นหลังจากทีมนักฆ่าขนนกได้สอนพื้นฐานการลาดตระเวนให้แก่ทีมกุ้งเสือดำและความลับของพระเจ้าแล้ว มีเหรอที่พวกเขาจะไม่เข้าใจความสามารถในการเรียนรู้ของทั้งสองทีม? มันเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะตามหาร่องรอยของพวกคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะพวกเขาเห็นร่องรอยที่ทั้งสองทีมส่งสมาชิกสองคนไปจงใจทิ้งไว้ ทีมนักฆ่าขนนกที่เป็นฝ่ายแกะรอยก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ”

 

เมื่อพูดถึงตรงนี้ กุ้งเสือดำและความลับของพระเจ้าก็ลอบมองหน้ากันไปมา ส่วนทีมนักฆ่าขนนกก็ลอบยิ้ม ชูฮันพูดถูกทุกอย่าง

 

“ทีมนักฆ่าขนนกจะรู้สึกว่ามันแปลกประหลาด เป็นไปได้อย่างไรที่ทั้งสองทีมที่มีความสามารถในการเรียนรู้ที่แข็งแกร่งขนาดนั้นจะทิ้งร่องรอยไว้ชัดเจนแบบนี้? พวกเขาน่าจะกลบร่องรอยของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบไม่ใช่เหรอ?” ชูฮันยิ้ม “ทีมกุ้งเสือดำและความลับของพระเจ้าก็ไม่ได้โง่ขนาดที่จะทำให้ร่องรอยมันชัดเจนเกินไป เพื่อที่จะพัฒนาความแม่นยำ ฉันว่าทั้งสองคนที่ถูกส่งออกไปคงเหนื่อยล้าจนหมดแรงใช่มั้ย?”

 

“ครับท่าน” ทั้งสองคนที่ถูกส่งไปเพื่อทำร่องรอยลวงตอบรับอย่างพร้อมเพรียงทั้งคู่

 

ด้วยความสัตย์จริง ร่องรอยต่างๆที่จงใจทิ้งไว้นั่นลึกลับและไม่ได้หาเจอได้ง่ายๆ แต่เมื่อพิจารณาว่าฝ่านแกะรอยคือทีมนักฆ่าขนนกที่มีประสบการณ์สูง มันจึงทำให้อีกฝ่ายเดาทางแผนการได้ออก

 

“แต่ถึงแม้ร่องรอยที่ทั้งสองคนจงใจทิ้งไว้จะเป็นจริงอย่างมากและหาเจอไม่ได้ง่ายๆ แต่พวกคุณก็ยังลืมประเด็นสำคัญที่สุดไป” ชูฮันยิ้มจนเห็นฟัน “พวกคุณใช้วิธีการที่พวกเราเคยใช้มาแล้วในสงครามกลางภูเขา และทีมนักฆ่าขนนกก็มีประสบการณ์โดยตรง แล้วมันจะไม่ถูกทีมนักฆ่าขนนกตรวจเจอได้อย่างไร?”

 

ทันทีหลังจากชูฮันพูดประโยคนี้ออกมา ทั้งทีมกุ้งเสือดำและความลับของพระเจ้ามีสีหน้าอึดอัดทันที ส่วนทีมนักฆ่าขนนกก็หัวเราะด้วยความดีใจ

 

“อะไรน่ะครับ? มันคือการขาดเทคนิคและประสบการณ์ ซึ่งนำไปสู่ความไม่เป็นธรรมต่อการประลองระหว่างสองฝ่าย” หลูปิงเซ่อเป็นคนแรกที่แย้งขึ้นมา “นี้ไม่ใช่ถูกต้อง ผมไม่สน นี่มันคือการรังแก!”

 

สำหรับการโวยวายของหลูปิงเซ่อนั้น เสี่ยวเคินที่มักแย้งกับหลูปิงเซ่อเสมอ หากนี่เป็นครั้งแรกที่เขายืนนิ่งอย่างใช้ความคิด ทางออกที่พวกเขา 30 หัวขบคิดกันด้วยกันขึ้นมา แต่แท้จริงกลับกลายเป็นวิธีที่ชูฮันคิดและใช้งานมาแล้ว?

 

นี่มันเหลือเชื่อ!

 

ชูฮันเองก็ยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังอีกครั้ง “สำหรับการฝึกครั้งนี้กับทีมนักฆ่าขนนก ทีมกุ้งเสือดำและความลับของพระเจ้าแพ้และไม่เป็นธรรม คนที่ฉลาดคือคนที่จดจำบทเรียนและข้อผิดพลาด ที่ฉันหมายถึงก็คือศัตรูอาจจะมีผลตอบรับที่แตกต่างไปจากนี้อย่างสิ้นเชิงก็เป็นได้ แต่สำหรับฝ่ายที่มีประสบการณ์มากอย่างทีมนักฆ่าขนนก ความผิดปกติใดๆของพวกคุณอาจเป็นปัจจัยสำคัญในผลรวมทั้งหมดของการแข่งขัน”

 

เมื่อได้ฟังเช่นนี้ ทุกคนในทีมกุ้งเสือดำและความลับของพระเจ้าก็นึกขึ้นได้ว่าแม้ทีมนักฆ่าขนนกอาจจะโชคดีแต่มันก็เป็นเพราะตัวพวกเขาเองที่มีข้อผิดพลาด

 

ไม่เหมือนกับทีมกุ้งเสือดำและความลับของพระเจ้า ทีมนักฆ่าขนนกเต็มไปด้วยความภูมิใจและตื่นเต้น แต่ชูฮันที่สรุปความล้มเหลวของทีมกุ้งเสือดำและความลับของพระเจ้าก็หันมามองทีมนักฆ่าขนนกในคราวนี้ “ฉันว่าจะถามอยู่ พวกคุณตื่นเต้นอะไรกัน?”

 

เฮือก!

 

สมาชิกของทีมนักฆ่าขนนกรีบเก็บสีหน้าของตัวเองและยืนนิ่งทันที ในแง่ของลางสังหรณ์ครั้งนี้พวกเขาชนะการแข่งขันได้เพราะความโชคดี ซึ่งมันไม่ได้สมควรที่จะได้รับคำสรรเสริญ มันจึงเป็นธรรมดาที่ตอนนี้ท่านหัวหน้าชูฮันจะปรามพวกเขาไม่ให้แสดงความดีใจ

 

เมื่อได้เห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของสมาชิกทีมนักฆ่าขนนก ตาของชูฮันก็ประกายวาว “สำหรับชัยชนะของทีมนักฆ่าขนนก พวกคุณทุกคนทำได้ดีและสมควรที่จะได้รับการยกย่อง”

 

อะไรน่ะ?

 

อ่อ?

 

สมาชิกของทีมนักฆ่าขนนกต่างตะลึง แล้วไหนจะคำชมของท่านหัวหน้าอีก? แน่นอนว่าพวกเขารู้ดีว่าท่านพลเอกชูฮันชอบเล่นเล่ห์!

 

ชูฮันเพียงแค่ยิ้ม “โชค ก็คือถือเป็นหนึ่บในความแข็งแกร่ง”

 

ที่เขามีความสำเร็จอย่างทุกวันนี้และตลอดที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เขาก็พึ่งพาโชคทั้งนั้น นี้เป็นเรื่องที่ไม่ต้องสงสัย แม้เขาจะพบปะคนแปลกหน้ามากมายระหว่างทางและในที่สุดก็สามารถแก้ปัญหาต่างๆได้ด้วยสมองของตัวเอง แต่ถ้าไม่ใช่เพราะโชค อืม แล้วเขาจะรอดมาทุกครั้งได้อย่างไร แล้วใครจะได้พบกับคนที่ทรงพลังและแข็งแกร่งมากมายตลอดระหว่างทางจนกลายเป็นเพื่อน เป็นมิตรกันแบบนี้ได้อย่างไร?

 

ไม่ว่าจะทั้งเฉินช่าวเย่ เหอซาง แต่ละคนที่เขาไล่เจอไปเรื่อยๆตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ ทุกคนไม่ใช่คนธรรมดา และไม่ใช่ว่าจะเจอกันได้ง่ายๆ จีนเป็นประเทศที่กว้างใหญ่ไพศาล แต่เป็นไปได้อย่างไรที่เหล่าปรมาจารย์ทั้งหลายที่มาพบเจอกับเจอกันหมด?

 

การฝึกรอบที่สองจบลง และชูฮันก็แจกแจงให้ทุกคนได้พักผ่อนกันก่อน ไม่ว่าจะทั้งสามทีมหรือตัวเองเขาต่างก็ต้องการการพักผ่อนเพื่อสะสมพลังงานไว้ใช้ต่อไป

 

ส่วนสำหรับบทลงโทษของทีมที่แพ้นั่น…

 

หึ! หึ! บทลงโทษลงนั้นก็ค่อนข้างใกล้เคียงกับการฝึกรอบที่สาม!

 

———-

 

ในเวลาเดียวกัน ซางจิ่วตี้ที่อยู่ในห้องทำงานก็กำลังจ้องไปที่กองเอกสารที่ตั้งรอมากกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว และในตอนนั้นเองประตูก็ถูกเคาะขึ้นเบาๆ เปิดออกมา คนที่เข้ามานั่นก็คือเจียงเทียนชิงที่ตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อนั่นเอง

 

“เขาไม่กลับมาเหรอ?” ซางจิ่วตี้ไม่ได้เงยหน้าขึ้นด้วยซ้ำ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความผิดหวัง

 

เจียงเทียนชิงรู้ว่าคนที่ซางจิ่วตี้พูดถึงนั่นก็คือชูฮัน เขาถอนหายใจก่อนจะตอบคำถาม “กลับครับ แต่ไม่ได้กลับมาที่ค่าย เขาตรงไปที่จุดที่ทั้งสามทีมทำการฝึกต่อครับ”

 

“อ้อ เข้าใจแล้ว” ซางจิ่วตี้พยักหน้า เธอเดาไว้แล้วว่ามันจะเป็นแบบนี้

 

“อย่าโทษพี่ชูฮัน” เจียงเทียนชิงที่เห็นสีหน้าผิดหวังของซางจิ่วตี้ก็อดไม่ได้ที่จะพูดโน้มน้าว “พี่ชูฮันเองก็ยุ่งมาก เมื่อตอนที่ผมไปเจอพี่ชูฮันเขาก็หลับไปแล้ว กัปตันซูเฟิงบอกผมว่าพี่ชูฮันไม่ได้นอนมาสามวันแล้ว”

 

“แน่นอน” ซางจิ่วตี้ยิ้มบางๆ หัวใจของเธอกระตุกก่อนจะพูด “ฉันไม่ได้โทษชูฮัน”

 

“อืม” เจียงเทียนชิงรู้สึกแปลกในใจเช่นกัน ทำไมซางจิ่วตี้ต้องหงุดหงิดด้วย?

 

เมื่อมองไปที่แววตาที่ไม่เข้าใจของเจียงเทียนชิง ซางจิ่วตี้ก็ส่ายหัวและยิ้ม “ฉันจะโทษเขาได้อย่างไร? เขามีความกดดันและภาระมากมายตั้งเท่าไหร่อยู่บนบ่า ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าฉัน…ป้าหยวนก็ยังไม่ได้สติ ลุงชูก็ยังไม่เจอ ค่ายก็ยังอยู่ในช่วงก่อสร้าง และแม้แต่กองทัพเขี้ยวหมาป่าก็ยังไม่สมบูรณ์แบบ เพราะขาดคนอีกหลายร้อย”

 

“ทั้งหมดนี้ เราค่อยๆทำไปก็ได้…” เจียงเทียนชิงนิ่วหน้า บางอย่างเขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ

 

“ทุกอย่างไม่สามารถชะลอได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม” ซางจิ่วตี้นิ่วหน้า “ฉันเห็นถึงความกังวลที่พุ่งทะลุฟ้าของชูฮัน แม้เขาจะไม่พูดแต่ฉันสามารถอ่านอารมณ์ในแววตาของเขาออก ฉันกังวลว่ามันจะซับซ้อนและยากที่คิด นายรู้ปัญหาอะไรที่ซ่อนอยู่มั้ย?”

 

“อะไรครับ?” เจียงเทียนชิงมองหน้าซางจิ่วตี้

 

“ป่ายหวีเนออยู่ที่ไหน?” ซางจิ่วตี้ลืมตา มันมีความกังวลอัดแน่นอยู่ในแววตาของเธอ “เธอไม่ได้ปรากฏในอันดับรายชื่อมาเป็นเวลาพักใหญ่แล้ว”

 

Apocalypse Meltdown

Apocalypse Meltdown

มันเป็นโลกที่ซอมบี้และมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยความสิ้นหวัง สนามแม่เหล็กของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงและทุกอย่างได้ย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้น วันหนึ่ง วีรบุรุษของพวกเรา…ชูฮัน ได้เดินทางย้อนเวลากลับมาสิบปีก่อนโดยไม่รู้ตัว เขาได้ย้อนกลับมาก่อนจุดจบของโลกจะเริ่มต้นขึ้น (โลกาวินาศ) เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงดังในหอพักในมหาวิทยาลัยหมิงชิว ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ชูฮันต่อสู้กับเหล่าซอมบี้นับสิบๆตัวก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถเพื่อขโมยรถยนต์เมอร์ซิเดซ-เบนซ์G55ออกมา เขาตัดสินใจที่จะตามหาพ่อแม่และพี่น้องของเขาด้วยG55คันนี้ ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเสียใจที่ไม่ได้ทำในชาติที่แล้ว ระหว่างทางชูฮันได้พบปะกับคนกลุ่มหนึ่งที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนที่ติดอันดับ 20 ของโลกาวินาศรวมอยู่ด้วย…เฉินช่าวเย่ พวกเขาพบกับซอมบี้จำนวนมากระหว่างทางบนทางหลวง ซึ่งชูฮันได้ใช้รถ G55 พุ่งชนเหล่าซอมบี้จนเละ และในตอนนั้นเอง ชูฮันถึงตระหนักได้ว่าทั้งหมดนี้คือระบบล่มสลาย และเขาสามารถได้คะแนนจากการฆ่าซอมบี้ทั้งหลาย ซึ่งเขาสามารถเอาคะแนนพวกนี้ไปแลกเปลี่ยนเป็นความสามารถพิเศษอะไรก็ได้ และในตอนนั้นเอง การเดินทางของชูฮันก็ได้เริ่มต้นขึ้นไปพร้อมๆกับระบบล่มสลาย นี่เป็นเรื่องราวของระบบล่มสลาย โดยมีเขา…ชูฮัน เป็นคนดำเนินเรื่องราว

Comment

Options

not work with dark mode
Reset