“อย่าพูดถึงเรื่องนั้น!” เหลียวเหวินถาวที่นั่งถัดจากชูฮันส่ายหัว น้ำเสียงของเขาดูไร้ความหวัง “ฉันเคยอยู่ในจุดที่แย่ และฉันก็บังเอิญป่วยหนัก และก็ไม่สามารถกลายเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ได้ ฉันไม่สามารถต่อสู้ได้ มันเป็นเรื่องปกติที่กองกำลังทหารของค่ายจะให้ฉันออก”
“แล้วพวกเขาก็ส่งพี่มาทำนา มาทำงานตรากตรำแบบนี้? ตอนนี้มันยากมากที่จะได้กินข้าว แม้แต่จะจับหนอนกินยังยากเลย!” บางคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆกับเหลียวเหวินถาวโกรธแทน พวกเขารู้สึกว่าหน่วยทหารของค่ายเจียนอี๋ไม่ยุติธรรม
เหลียวเหวินถาวยังคงเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมา “ที่จริง ที่ฉันได้งานนี้ก็เพราะเพื่อนทหารของฉันช่วย เพราะถ้าดูตามศัยกภาพทางร่ายกายของฉันแล้ว งานฟาร์มมันหนักเกินกว่าที่ร่างกายฉันจะทำไหว”
“พี่เคยเป็นถึงนายทหารแนวหน้า เป็นเจ้าหน้าที่อาวุโส!” บางคนเริ่มไม่พอใจ “พวกเขาลิดรอนพี่ออกจากตำแหน่งจากสิทธิที่พี่ควรจะได้ แถมไม่มีแม้แต่เงินบำเหน็ดให้สักแดงเดียว นี่มันเกินไป สำหรับสิ่งที่พี่ทุ่มเททำเพื่อกองทัพมาตลอด!”
“ใครให้โลกาวินาศมาล่ะ? เราจะไปทำอะไรได้?” เหลียวเหวินถาวยิ้มอย่างเวทนาตัวเอง “ฉันมันก็แค่ร้อยตรี และตอนนี้ก็ไม่ใช่แล้ว ในโลกของโลกาวินาศ ทุกอย่างมีไว้สำหรับมนุษย์สายพันธุ์ใหม่เท่านั้น ใครที่เป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่จะมีตำแหน่งอย่างน้อยร้อยโทกันหมด ส่วนคนที่มีโอกาสจะกลายเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่จะมีตำแหน่งไล่ลงมา”
“แล้วพี่ไม่คัดค้านพวกเขาเลย?” ชูฮันเข้าร่วมการสนทนาในเวลาเหมาะสมอย่า
มีมารยาท สีหน้าของชูฮันมีความไม่พอใจและไม่ยุติธรรม มีแม้แต่ความโกรธผสมอยู่ด้วย “พวกพี่ต่างเป็นทหารอาวุโสกันหมด พวกเขาไม่เห็นแก่คุณงามความดีที่พวกพี่ทำมาเลยได้ไง! ค่ายแบบนี้นี่มันโหดร้ายและหยาบคายที่สุด นี้ไม่ที่ที่คนควรจะอยู่!”
“จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ได้” เหลียวเหวินถาวยิ้มอย่างขมขื่น “มันก็มีในกรณีที่ได้เลื่อนตำแหน่งด้วย เหล่าคนที่เป็นทหารอยู่แล้ว และโชคดีได้เป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ก็จะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นสูงขึ้น แน่นอนว่าเหล่าเบื้องบนจะให้อภิสิทธิพวกเขาเป็นพิเศษ เพราะงั้นหลูอี๋ถึงได้เป็นผู้นำของค่ายนี้ทั้งๆที่อายุยังน้อย”
“ก็ยังไม่ดีเท่ากับคนที่ชื่อชูฮันหรอก ไม่ได้ทำอะไรแต่ได้เป็นถึงพลเอก” บางคนเริ่มดูหมิ่น “พวกนายคิดว่ายังไงกับเรื่องนี้? พวกเขากดเหล่าทหารตั้งแต่ในยุคศิวิไลซ์และเอาแต่ชื่นชม เยินยอพวกเด็กใหม่ในยุคนี้ ใครๆก็อยากจะรู้ว่าทำไมชูฮันถึงมีตำแหน่งสูงกว่าหลูอี๋ได้ หลูอี๋มาจากตระกูลทหารชั้นสูง แต่เขากลับมีตำแหน่งต่ำกว่าชูฮัน นี้มันเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดใจ ค่อนข้างเป็นเรื่องที่อ่อนไหว!”
ชูฮันหน้านิ่ง ไอ้คนนี้มันกำลังว่าเขางั้นเหรอ?
กรุณาอย่าพูดเหมือนรู้ดี กูได้ชัยชนะมาทั้งสองสงครามใหญ่ ทั้งสงครามเมืองแห่งความตายและสงครามกลางภูเขา ซึ่งแต่ละอันนั้นศัตรูจำนวนไม่ใช่น้อยๆ และไม่ได้เอาชนะมาได้ง่ายๆ แล้วหลูอี๋นั่นมาจากตระกูลชั้นสูงแล้วยังไง มันทำอะไรได้บ้าง?
“ไอ้หัวหอก! มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ชูฮันจะต้องได้ตำแหน่งพลเอก เขาโชคดีจนชนะมาได้ทั้งสองสงคราม!” เหลียวเหวินถาวพูด “แต่เทียบกับพลเอกคนก่อนๆ เขายังเทียบไม่ติด ท่ามกลางพลเอกทั้งสิบห้าคนของจีน เขาถือว่าเป็นคนสุดท้าย บ๊วย!”
ว่าอะไรน่ะ?
หน้าของชูฮันดำ เขาพยายามอดกลั้นอยู่ในอกอย่างสุดกำลัง พวกมันต้องขอบคุณที่เขามีแผนการให้ต้องทำตามตารางที่วางไว้!
“แต่ความรู้สึกมันก็ยังคาอยู่ หรือนายคิดว่าฉันจะได้พละกำลังอย่างในยุคศิวิไลซ์คืนมา?” เหลียวเหวินถาวมองทุกคนด้วยสายตาที่ทำให้ทุกคนนิ่งเงียบ “อย่างน้อยคนพวกนี้ก็ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันให้เรา คนส่วนใหญ่ในกองทัพตอนนี้เป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่กันทั้งนั้น ไม่ใช่แค่ค่ายเจียนอี๋ แต่แม้แต่ซางจิงก็เหมือนกัน ตามค่ายหลักๆทั้งหลาย อำนาจในการบริหารหรือเจ้าหน้าที่ระดับสูงนั้นล้วนเป็นแต่มนุษย์สายพันธุ์ใหม่ระดับสูงกันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอไง?”
ชูฮันแสยะยิ้มอยู่ในใจ เขาทันเห็นสายตาไม่พอใจของเหลียวเหวินถาว และแสร้งทำเป็นโกรธ “พวกมนุษย์สายพันธุ์มีแต่พวกไม่มีการศึกษา มีแต่พระเจ้าที่รู้ว่าพวกมันเคยเป็นอะไรเมื่อในยุคศิวิไลซ์ นี้มันไม่มีความยุติธรรมเลยสักนิด มีแต่พวกโลภและทะเยอะทะยาน แล้วยังจับคนแบบนี้มาใส่ชุดเครื่องแบบได้ลง!”
“นั่นแหละ อยากจะรู้นักว่าไอ้พวกระดับสูงของค่ายห่วยๆนี้มันกินอะไรกัน?” คนข้างๆชูฮันก็เริ่มโกรธ “ปลดทหารเก่าที่สามารถเข้าใจกลยุทธ์การรบจริงๆได้ออกหมด และเลื่อนขั้นพวกคนใหม่ที่ดีแค่ความแข็งแกร่งทางร่างกาย มันจะทำให้จีนฟื้นขึ้นมาใหม่ได้จริงๆงั้นเหรอ?”
“หึ! ตอนนี้มันคือโลกสำหรับมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ แม้แต่เบื้องบนของจีนยังถูกแทรกแซง ในโลกที่เต็มไปด้วยความรุนแรงและโหดเหี้ยมอย่างตอนนี้ มันไม่ง่ายสำหรับพวกเราที่จะมีชีวิตรอด” เหลียวเหวินถาวหัวเราะเยาะ “มันเป็นเรื่องยากสำหรับฉันที่ไม่มีสิทธิอะไรในค่ายอีกแล้ว เวลาที่ตื่นขึ้นมาแล้วเห็นหลายคนในค่ายไม่มีอะไรจะกิน ปัญหาพื้นฐานที่สุดก็คือเรื่องอาหารที่ยังไม่ถูกแก้ไข แล้วพวกผู้บริหารระดับสูงของค่ายเจียนอี๋ก็ไม่มีหนทางในการตัดสินใจ ซึ่งแน่นอนว่าตัวฉันก็ไม่มีประโยชน์ต่อค่ายแล้ว”
“ยังมีคนแบบพี่อีกเยอะมั้ย?” ในตอนนั้นชูฮันก็มองไปรอบๆ ทำเป็นถามอย่างไม่ได้สนใจมาก “พี่บอกว่าเพื่อนทหารเก่าช่วยให้พี่ได้งานนี้ เพื่อทหารคนนี้ของพี่เป็นมนุษย์สายพันธุ์เหรอ? ทำไมเขาไม่หางานที่เบากว่านี้ให้พี่?”
“งานอะไรล่ะที่จะหาได้ง่ายๆ?” ชาวนาบางคนแสยะยิ้ม “ทำเสื้อผ้า การจัดการโลจิสติกส์ รวมถึงความสามารถในการเปิดร้านอาหารที่นี้ แกคิดว่ามันไม่ต้องดูประวัติภูมิหลังเหรอไง พวกนี้เจ้าหน้าที่ที่เป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ที่พึ่งเข้าร่วมกองทัพ คิดว่าพวกมันไม่มีเพื่อน มีครอบครัวเหรอไง? มันก็ใช้เส้นสายกันทั้งนั้น”
“นี่มัน…” ชูฮันตะลึง หน้าตาดำคล้ำ เขากัดฟันตอบอย่างโมโห “แต่นี่มันเหมือนบังคับให้คนมาตาย!”
“ที่แกถามฉันว่ายังมีคนแบบฉันอีกมั้ย ที่จริง คนส่วนใหญ่ที่มีความบกพร่องทางศักยภาพทางร่างกายหรือมีข้อจำกัดทางร่างกาย ในเวลาสั้นๆ ท่ามกลางโลกาวินาศพวกเขาก็หิวจนตายตลอดสองปีที่ผ่านมา” สายตาของเหลียวเหวินถาวดูไร้หนทางและสิ้นหวัง “และพวกที่ยังไม่ถูกไล่ออกจากกองทัพ และอยู่ในฐานะทหารอาวุโส และไม่ได้กลายเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ ก็จะแห้งเหี่ยว อยู่อย่างไร้เกียรติเพราะไม่มีหน้าที่ เหมือนทหารเฝ้ายามตรงประตูทางเข้าค่าย ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นหัวหน้าหน่วยทหารของฉัน ที่ฉันได้งานนี้ก็เพราะความช่วยเหลือของเขา…หลิวเซียง เพียงเพราะว่าเขาไม่ได้กลายเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ ทั้งๆที่เขาเป็นเลิศในทุกด้าน แต่กลับได้เป็นแค่ทหารเฝ้ายามหน้าประตู”
“เหอะ ต้องทำงาน 12 ชั่วโมงต่อวัน ทำงานทุกวันไม่มีหยุดพัก งานของเขาก็ไม่ได้สบายไปกว่าพวกเราเลย มีแต่พวกระดับสูงของค่ายเท่านั้นที่อยู่สบายๆ”
ชูฮันนึกถึงทหารอาวุโสที่ประตูทางเข้าของค่ายที่ทำให้เขาประทับใจตั้งแต่แรกที่เจอ เขามั่นใจว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนมีความสามารถจริงๆ เขาคิดถึงกระทั่งการก่อสร้างค่ายของเขา เขาอยากจะดึงตัวผู้ชายคนนี้มาเป็นเจ้าหน้าที่พนักงานของค่ายด้วยซ้ำอย่างน้อย แต่ตอนนี้ผู้ชายคนนี้กลับตกลงไปอยู่ในตำแหน่งไม่ต่างกับภารโรงแทน