Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย – ตอนที่ 603 เริ่มปฏิบัติการ!

“จากจุดนี้ เราจะเห็นได้ว่าเหลียงชูซินนั้นเป็นคนจองหองและคิดอะไรง่ายๆ ปัจจัยต่างๆที่เขาใช้พิจารณานั้นไม่ครอบคลุมและไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะแก่การเป็นหัวหน้าแผนกเจ้าหน้าที่อย่างที่ควรมี” ชูฮันค่อยๆไล่ข้อตำหนิของเหลียงชูซินออกมาทีละข้อ

 

“การเคลื่อนไหวครั้งนี้สาเหตุมาจากเหตุผลส่วนตัวของเหลียงชูซินโดยเฉพาะ โดยไม่คำนึงถึงการพัฒนาระยะยาวของทั้งค่าย” ชูฮันเอ่ยน้ำด้วยเสียงเยือกเย็น “เหลียงชูซินเป็นคนยโส ไม่เห็นแก่คนอื่น เห็นแก่ตัว และไม่คำนึงถึงจิตใจของผู้อื่น เขาเป็นคนบาปหนา”

 

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ชูฮันก็เปลี่ยนเป็นน้ำเสียงเย้ยหยัน “อนาคตของเขาอยู่ที่นี้”

 

ทุกคนต่างจับจ้องสายตามาที่ชูฮันกันหมด หัวหน้าสามารถวิเคราะห์เหตุการณ์ได้มากมายจากจุดนี้ หัวหน้าสุดยอดจริงๆ!

 

ชูฮันทำการสรุป “ดังนั้น เหลียงชูซินรับรู้ข้อมูลการก่อกบฏของชินหยวน เหลียงชูซินจะไม่เพียงแต่ต้องการจะหยุดสถานการณ์นี้ แต่เขาจะทิ้งเหตุผลและสติทั้งหมดลง เขาจะคั่งแค้นไปด้วยอารมณ์ที่มีคนกล้าก่อกบฏและต่อต้านเขา ซึ่งมันก็จะยิ่งยั่วยุเหลียงชูซินขึ้นไปอีกจนทนไม่ไหว แม้แต่หลูอี๋ก็ไม่สามารถทำให้เหลียงชูซินฟังได้ หรือเขาเฝ้ารอการจลาจลอย่างนี้มาตลอดกันแน่? ตราบใดที่เหล่าทหารเก่าก่อกบฏนั้นสร้างความวุ่นวายให้ค่ายได้มากพอ อำนาจของเหลียงชูซินจะเหนือกว่าหลูอี๋ และมันอาจจะเป็นโอกาสให้เหลียงชูซินยึดทั้งค่ายมาเป็นของตัวเองได้ภายในทีเดียว!”

 

สมาชิกทั้งสิบห้าคนของทีมความลับของพระเจ้าที่อยู่ในบ้านเบิกตากว้างด้วยความตกใจ พวกเขาพยักหน้าตาม แถมยังชื่นชมชูฮันมากขึ้นไปอีก พวกเขาจดจำทุกคำพูดของชูฮันไว้ในใจ

 

“เหลียงชูซินจะนำเหล่าพวกมาใหม่สู้กับทหารเก่าแก่ และชินหยวนจะไม่มีทางเลือกนอกจากต้องสู้กลับ” ชูฮันเล่าถึงการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น “แต่พวกเราสามารถปล่อยให้พวกเขาเผชิญหน้ากันได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น และเราจะต้องทำให้จำนวนผู้บาดเจ็บน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตามเป้าหมายสูงสุดของเรา หบังจากที่พวกเราปะทุความโกลาหลขึ้นมา ทั้งค่ายเจียนอี๋จะต้องอยู่ในจลาจล แล้วพวกชาวบ้านทั้งหลายจะคิดอย่างไรเมื่อบ้านของพวกเขาเละเป็นหม้อโจ๊กไปแล้ว?”

 

“วิ่งกันสนั่น!” แววตาของหลูปิงเซ่อประกายจ้า

 

“นั่นแหละ!” ชูฮันอดไม่ได้ที่จะยิ้มแสดงความตื่นเต้น “พวกเขาต้องวิ่ง ผู้คนมากมายจะอัดแน่นกันอยู่ที่ประตูค่าย ส่วนชินหยวน? ภายใต้สถานการณ์นั้นเหลียงชูซินมีอำนาจมากที่สุดและแข็งแกร่งที่สุดในค่าย มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะพาผู้ใต้บังคับบัญชาไปต่อกร ดังนั้นเขาจะพาเหล่าทหารเก่าฝ่าประตูค่ายไป”

 

“และในตอนนั้นเอง ภารกิจของเราก็จะเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้าย” ชูฮันกวาดสายตาไปมองเหล่าสมาชิกทีมความลับของพระเจ้าทั่วทุกคนภายในบ้าน “คิดว่าพวกเราต้องทำอะไรต่อไป?”

 

“ผมรู้ครับ!” ทั้งสิบห้าคนตอบกันอย่างพร้อมเพรียง

 

ทั้งหมดนี้จะทำให้ค่ายแตกสลายภายในการโจมตีครั้งเดียบว และมีเพียงแค่ชูฮันคนเดียวเท่านั้นที่สามารถคิดได้

 

“เพราะงั้น แผนการจะอยู่ที่ตรงนี้ ขั้นตอนต่อไปคือมาตรการเฉพาะ ตอนนี้เรากลับไปที่จุดเริ่มต้นและเริ่มจากขั้นตอนแรก” ชูฮันชี้ไปที่ชื่อบนกระดาษ “สถานการณ์ของหลิวเซียง ภายในค่ายเจียนอี๋มีทหารเก่าจำนวนมาก เราจะเลือกมา 23 ไม่รวมเหลียวเหวินถาว และเหล่าทหารเก่าที่อยู่ในพื้นที่อาศัยของพลเรือนอีก 50 คน ฉันได้จดรายชื่อคนพวกนี้ไว้หมดแล้ว พวกเขาคือเป้าหมายที่เราจะต้องนำพาพวกเขาไปสู่การจลาจลครั้งนี้”

 

หลูปิงเซ่อพยักหน้าอย่างตื่นเต้น “ณ จุดนี้ เมื่อเราคุ้นเคยกับพื้นที่อาศัยของพลเรือนแล้ว เราจะเข้าไปก่อความวุ่นวาย”

 

ชูฮันยิ้มยกมุมปาก “ดีมาก จำนวนทั้งหมด 73 คน เริ่มแผนการในรุ่งเช้าของพรุ่งนี้ ฉันจะให้เวลาพวกคุณครึ่งวันในการจัดการข้อมูลที่ได้รับตามคำสั่ง และเราจะเริ่มปฏิบัติภารกิจอย่างเป็นทางการในบ่ายวันพรุ่งนี้”

 

“ครึ่ง ครึ่งวัน?”

 

“แค่ครึ่งวัน?”

 

หลายคนในทีมความลับของพระเจ้าอดไม่ได้ที่จะร้องอุทาน เวลาแค่นี้มันจำกัดเกินไป พวกเขาพึ่งจะเข้ามาในค่ายเจียนอี๋ได้เอง พวกเขายังไม่เข้าใจเส้นทางภายในค่ายเจียนอี๋อย่างเต็มที่เลย!

 

“มันจะเป็นครึ่งวันที่ยาวนาน” คำสั่งของชูฮันไม่มีข้อกังขาและจะต้องทำให้สำเร็จก่อนฟานเจี้ยนจะกลับมา

 

ผู้คนในทีมความลับของพระเจ้าล้วนอยู่ในสภาวะตึงเครียดกันหมด หลายคนเริ่มทำการเก็บข้าวของให้เรียบร้อยเพื่อเตรียมออกไปจากบ้านพัก ถึงแม้ภายนอกจะยังไม่มืด แต่พวกเขาก็ช้าไปมากแล้ว ภายในสถานที่ที่เข้มงวดเช่นนี้ เวลาแค่ครึ่งวันมันแน่นเกินไป

 

แต่ถึงกระนั้น ไม่มีใครสักคนในทีมความลับของพระเจ้าท้าทายหรือขัดคำสั่งของชูฮัน

 

และในจังหวะนั้นเอง———

 

ก๊อก! ก๊อก!

 

จู่ๆประตูก็ถูกเคาะ ซึ่งฝ่ายที่เคาะก็คือทีมกุ้งเสือดำนั่นเอง

 

“หัวหน้าครับ นี่คือแผนที่รายละเอียดของพื้นที่อาศัยและศูนย์กลางหลักของค่ายครับ” เสี่ยวเคินยิ้มกว้างอย่างมั่นใจ

 

ภายในบ้านพักตอนนี้ สมาชิกของทีมความลับของพระเจ้ากำลังยืนตะลึง จากนั้นพวกเขาก็เบนสายตามาที่ชูฮันด้วยความชื่นชมเต็มเปี่ยม ไม่แปลกใจว่าทำไมก่อนหน้านี้พวกเขาถึงไม่เห็นทีมกุ้งเสือดำ หัวหน้าส่งพวกเขาไปเตรียมการแผนที่ให้พวกเขานี่เอง!

 

ชูฮันเองก็ยิ้มกว้างเช่นกัน “เป็นอีกครั้งทีมกุ้งเสือดำทำงานหนักและดี ศูนย์กลางของค่ายจะเป็นเรื่องของทีมนักฆ่าขนนก เอาแผนที่พื้นที่อาศัยของพลเรือนไปให้ทีมนักฆ่าขนนก ทีมกุ้งเสือดำเตรียมความพร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ของวันพรุ่งนี้ เพื่อคอยให้การสนับสนุนและความช่วยเหลือแก่ทีมความลับของพระเจ้า พรุ่งนี้เมื่อแสงแรกมาถึง เราจะเริ่มปฏิบัติการทันที!”

 

“ครับ!”

 

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นหลังจากได้รับแผนที่จากทีมกุ้งเสือดำมา ทุกคนในทีมนักฆ่าขนนกยังคงไม่เข้าใจสถานการณ์ใดๆ จู่ๆทีมกุ้งเสือดำก็โยนแผนที่มาให้พวกเขาโดยไม่ทิ้งคำพูดใดๆไว้เลยสักประโยค จากนั้นก็หายตัวไปทันที…

 

“มันคืออะไรกัน?” หลี่บี๋เฟิงมองแผนที่ตรงหน้าเขา “รายละเอียดเยอะมาก นี่สำหรับไว้ให้พวกเราฆ่างั้นเหรอ?”

 

“ท่านชูฮันพูดไว้ชัดเจนว่าภารกิจที่สอง การขโมยตราตำแหน่งจะเกิดขึ้นได้หลังจากเกิดจลาจลแล้วเท่านั้น!” ซูเฟิงเอ่ยถึงคำสั่งภารกิจอีกครั้ง เขาเอามือแตะคางอย่างใช้ความคิด “แต่หัวหน้าให้แผนที่ของใจกลางค่ายเจียนอี๋กับเรามา นี่มันชัดเจนมาก หัวหน้าจะปล่อยให้การทำภารกิจขโมยตราตำแหน่งอย่างลับๆเป็นหน้าที่ของพวกเรา”

 

“เฮ้ แน่นอน หัวหน้ายื่นขนมให้เรา!” หลี่บี๋เฟิงดีใจ

 

“มาวิเคราะห์กันอย่างละเอียดก่อนดีกว่า ไม่ต้องสนใจว่าใครส่งแผนที่นี้มาให้เรา พวกเราถูกขังอยู่ในนี้ แน่นอนว่าทีมกุ้งเสือดำและความลับของพระเจ้าน่าจะวิ่งรอบไปอย่างมีความสุขอยู่ตอนนี้…”

 

ในขณะเดียวกัน ทีมความลับของพระเจ้าก็ได้เริ่มปฏิบัติการแล้วอย่างรวดเร็ว พวกเขาทั้งสิบห้าคนได้แบ่งแยกออกเป็นกลุ่มละห้าคน พวกเขาถนัดในด้านหาข่าวสาร ภายในเช้าวันถัดมาโดยอ้างอิงจากแผนที่ที่ทีมกุ้งเสือดำทำมา พวกเขาสามารถแจ้งข่าวถึงคนในรายชื่อทั้ง 75 ได้อย่างครบถ้วน

 

ในตอนเที่ยง ทันทีที่ภารกิจเริ่มต้นขึ้น ชูฮันก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยทันที เขาได้ทำการอธิบายแผนการทั้งหมดแล้วเรียบร้อย และบอกขั้นตอนต่างๆจดอย่างละเอียดให้ทีมความลับของพระเจ้าไว้แล้ว เพราะงั้นชูฮันจึงปล่อยให้พวกเขาจัดการกันเอง ตอนนี้เขาส่งมอบภารกิจให้ไว้ให้ในมือของทั้งสามทีมอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว

 

และหลังจากหมดเวลาอาหารเที่ยง เข็มนาฬิกาพึ่งเดินผ่านเลขสิบสองไป หลูอี๋กำลังกระวนกระวายอยู่ในห้องทำงานของเขาเกี่ยวกับเรื่องของฟานเจี้ยน

 

ในตอนเที่ยงชูฮันโดยไม่คำนึงถึงมื้ออาหารจริง ๆ หลังจากเริ่มภารกิจแล้วชูฮันก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เขาได้อธิบายแผนไว้แล้วและแม้แต่รายละเอียดของรายการทีละขั้นก็มอบให้กับทีมลับของพระเจ้าดังนั้นชูฮันจึงออกเดินทาง

 

“ปัง!”

การจลาจลครั้งแรกได้เริ่มต้นขึ้นแล้วในพื้นที่อาศัยของพลเรือน

 

Apocalypse Meltdown

Apocalypse Meltdown

มันเป็นโลกที่ซอมบี้และมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยความสิ้นหวัง สนามแม่เหล็กของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงและทุกอย่างได้ย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้น วันหนึ่ง วีรบุรุษของพวกเรา…ชูฮัน ได้เดินทางย้อนเวลากลับมาสิบปีก่อนโดยไม่รู้ตัว เขาได้ย้อนกลับมาก่อนจุดจบของโลกจะเริ่มต้นขึ้น (โลกาวินาศ) เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงดังในหอพักในมหาวิทยาลัยหมิงชิว ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ชูฮันต่อสู้กับเหล่าซอมบี้นับสิบๆตัวก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถเพื่อขโมยรถยนต์เมอร์ซิเดซ-เบนซ์G55ออกมา เขาตัดสินใจที่จะตามหาพ่อแม่และพี่น้องของเขาด้วยG55คันนี้ ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเสียใจที่ไม่ได้ทำในชาติที่แล้ว ระหว่างทางชูฮันได้พบปะกับคนกลุ่มหนึ่งที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนที่ติดอันดับ 20 ของโลกาวินาศรวมอยู่ด้วย…เฉินช่าวเย่ พวกเขาพบกับซอมบี้จำนวนมากระหว่างทางบนทางหลวง ซึ่งชูฮันได้ใช้รถ G55 พุ่งชนเหล่าซอมบี้จนเละ และในตอนนั้นเอง ชูฮันถึงตระหนักได้ว่าทั้งหมดนี้คือระบบล่มสลาย และเขาสามารถได้คะแนนจากการฆ่าซอมบี้ทั้งหลาย ซึ่งเขาสามารถเอาคะแนนพวกนี้ไปแลกเปลี่ยนเป็นความสามารถพิเศษอะไรก็ได้ และในตอนนั้นเอง การเดินทางของชูฮันก็ได้เริ่มต้นขึ้นไปพร้อมๆกับระบบล่มสลาย นี่เป็นเรื่องราวของระบบล่มสลาย โดยมีเขา…ชูฮัน เป็นคนดำเนินเรื่องราว

Comment

Options

not work with dark mode
Reset