บนถนนที่ไม่เรียบในพื้นที่อาศัยของพลเรือน ถนนที่ยังทำไม่เสร็จถูกล้อมรอบไปด้วยผู้คนและผู้รอดชีวิตจำนวนมากกำลังช็อคอย่างมาก พวกเขาไม่สามารถเชื่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นต่อหน้าได้ลง
พวกมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ที่พึ่งเข้าร่วมกองทัพได้ไม่กี่เดือนกลับกลายเป็น…
“เร็วเข้า! เอาเงินทั้งหมดของแกออกมา!” หลูปิงเซ่อที่สวมชุดทหารใหม่ถือปืนไว้ในมือด้วยสีหน้าบูดบึ้ง เขายืนอยู่ถัดไปจากสมาชิกหลายคนของทีมความลับของพระเจ้า ส่วนเป้าหมายที่กำลังโดยพวกเขาล้อมรอบอย่างโชคร้ายก็คือครอบครัวของหลิวเซียง
“จะไม่จ่าย? เฮ้ย เข้าไปค้นในบ้าน!” อู๋เจียช่าวตะคอก และลากคนที่พวกเขากำลังรีดไถเข้าไปในบ้านด้วย เสียงแหกปากกรีดร้องดังลั่นไปทั่ว ตัวบ้านพักของครอบครัวหลิวเซียงถูกพังทลายจนไม่เหลือสภาพเดิม
หลูปิงเซ่อยกปืนขึ้นพาดไหล่ สมาชิกในครอบครัวหลายคนของหลิวเซียงนอนอยู่ที่พื้นอย่างน่าอับอาย พวกเขาระงับความโกรธแค้นในใจไว้แทบไม่อญู่ พวกเขารู้ดีว่าพวกมาใหม่ที่มาเข้าร่วมกับกองทัพนั้นไม่ได้ดีอะไรมาก แต่ไม่คิดเลยว่าพวกมันจะกล้ามาปล้นรีดไถชาวบ้านในค่ายเแบบนี้ได้ลง
“เหล่าผู้นำของค่ายจะไม่อภัยการกระทำของพวกแกแน่!” สมาชิกในครอบครัวคนหนึ่งที่หมดความอดทนเงยหน้าขึ้นมาตะโกนใส่หลูปิงเซ่ออย่างต่อต้าน “ฉันจำหน้าตาพวกแกได้ พวกแกรอรับบทลงโทษได้เลย!”
“นี่คือการขู่งั้นเหรอ?” หลูปิงเซ่อสวมหน้าตาชั่วร้ายและฟาดเท้าเข้าที่อกของชายคนนั้น
พ้ะ!
พละกำลังของหลูปิงเซ่อนั้นแรงกว่าคนทั่วไปถึงสิบเท่า หลายคนบริเวณนั้นไม่สามารถทนมองภาพที่กำลังจะเกิดขึ้นกับชายคนนั้นได้
ชายคนที่ถูกเตะกระเด็นออกมานั้นดูท่าเหมือนน่าจะซี่โครงหัก ทว่าความจริงแล้วชายคนนั้นกลับเพียงแค่รู้สึกเจ็บแปลบที่ตัวเล็กน้อยเท่านั้นเอง ไม่ได้มากมายอะไร
สมาชิกในครอบครัวที่เหลือหันขวับไปมองที่หลูปิงเซ่อทันที และหัวเราะใส่ทันทีอย่างไม่คิดปิงบัง “ฮ่าฮ่าฮ่า แม้แต่มนุษย์สายพันธุ์ใหม่ก็ยังป่าเถื่อน ไม่รับรู้กฏของค่าย? นี้ไอ้คนนี้มีแค่ยศสิบโทหรือไง?”
ขณะที่คนพูดกำลังทำสีหน้าเยอะเย้ยใส่หลูปิงเซ่อ หากหลูปิงเซ่อขี้เกียจเกินกว่าจะให้ความสนใจ ถ้าพวกเขาอยากจะฆ่าคนพวกนี้จริงๆ แค่โจมตีครั้งเดียวก็ตายคาที่กันแล้ว แต่หลูปิงเซ่อเป็นพรสวรรค์ พละกำลังแข็งแกร่งนั้นหาได้ยากจากพรสวรรค์ แน่นอนว่าตัวหลูปิงเซ่อเองก็ไม่ได้พละกำลังแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ลูกเตะนั้นดูเหมือนจะดุดัน ทว่าความจริงแล้วมันไม่มีแรงอะไรเลย เพราะหัวหน้าชูฮันบอกไว้ว่าคนพวกนี้มีประโยชน์และห้ามฆ่าเด็ดขาด
มากไปกว่านั้นหลูปิงเซ่อเองก็ไม่ใช่สิบโท การฝึกของทีมความลับของพระเจ้ายังไม่เสร็จสิ้น เขายังคงไม่มียศทางทหาร
“ฉันไม่สนใจเรื่องนี้ ฉันเจอตรา!” ทันใดนั้นอู๋เจียช่าวที่กำลังค้นตัวบ้านอยู่ก็พุ่งตัวออกมาด้านนอกและโบกตราในมือใส่หลูปิงเซ่อ “ไอ้นี่มันไม่ใช่ครอบครัวของทหารเก่า ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของค่าย แต่เป็นพวกคนต่างถิ่นที่ได้รับข้อยกเว้นพิเศษ”
หลูปิงเซ่อถอนหายใจและกำลังประมวลทุกอย่างในหัว “ความกล้าของพวกแกไม่ใช่น้อยๆ กล้าข้ามน้ำข้ามทะเลมา หลิวเซียงถึงกับมอบส่วนแบ่งของครอบครัวให้ จัดหาที่อยู่ในพื้นที่พลเรือนให้อยู่อีก?”
ชายคนที่ถูกเตะก้มหน้าลงอย่างโกรธจัด หน้าตาแดงก่ำ
“ถ้าไม่ใช่เพราะพวกแก ตำแหน่งของเขาคงไม่ถูกถอดออก ของมีค่าของครอบครัวเขาทั้งหมดก็คงยังอยู่!”
เขาคิดว่าคนคนนี้จะเป็นสมาชิกครอบครัวของหลิวเซียง เขาไม่คิดว่าจะเจอเรื่องประหลาดใจแบบนี้ ทหารเก่าที่ถูกซ่อนตัวโดยหลิวเซียงที่ยังคงประจำการอยู่สามารถกระตุ้นความโกรธของเหล่าทหารเก่าทั้งหลายได้ พวกเขาทั้งหลายร่วมกันป้องกันจีนในยุคศิวิไลซ์อย่างแข็งขัน ยอมเสียสละชีวิตวันเยาว์ อยู่กับการฝึกฝน ทว่าเมื่อโลกาวินาศมาถึงพวกเขากลับถูกละทิ้งอย่างไม่เห็นคุณค่า
ร้อยโท ตำแหน่งนั้นไม่ใช่เล็กๆ แม้นี่จะเป็นตราตำแหน่งในยุคศิวิไลซ์ และถูกทอดทิ้งมาเนิ่นนานในโลกาวินาศ แต่ผู้ชายคนนี้ยังคงเก็บตราของเขาเอาไว้ และหลิวเซียงก็ยังจัดการให้ครอบครัวของผู้ชายคนนี้ได้อาศัยอยู่ที่นี้อีก
เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนี้ในยุคศิวิไลซ์น่าจะไม่ใช่คนธรรมดา และมันคงเป็นเรื่องน่าอับอายสำหรับตัวเขาเองที่ตอนนี้กลายเป็นคนธรรมดา และความจริงที่พวกมาใหม่ได้สร้างเรื่องน่าอับอายในตอนนี้ไม่ใช่แค่เรื่องที่รับไม่ได้เท่านั้น
แต่หลิวเซียงจะต้องโมโหอย่างมาก และเหล่าทหารเก่าทั้งหลายจะต้องทนไม่ไหวจนระเบิดกันออกมาแน่ๆ
สถานการณ์เดียวกันนี้เกิดขึ้นในทุกพื้นที่ของพื้นที่อาศัยพลเรือน ทีมความลับของพระเจ้าแบ่งออกเป็นทีมย่อยสามทีม แต่ละทีมจะกระจายตัวออกไปสร้างปัญหา ก่อกวนผู้อาศัย ปล้นก็ปล้นจริงๆ ห้องภายในบ้านพักถูกทำลายจนเละเทะ เฟอร์นิเจอร์แตกหัก ของมีค่าทั้งหลายถูกหลูปิงเซ่อสั่งให้ริบมาทั้งหมด
ทีมกุ้งเสือดำไม่ได้หยุดพักงาน งานลาดตระเวนถูกมอบหมายให้พวกเขา แม้แต่เสื้อผ้าของทีมความลับของพระเจ้าที่ใช้แสดงบทบาทและต้องสับเปลี่ยนอยู่เสมอก็เป็นพวกเขาที่จัดหา พวกเขาต้องคอยเตรียมพร้อมทุกอย่างให้สำเร็จทุกครั้ง เพียงแค่เหลือบตามอง พวกเขาก็จำได้ว่านี่คือพวกมาใหม่หรือทหารเก่า
ในขณะที่สถานการณ์ในพื้นที่พลเรือนเริ่มเข้าสู่ความวุ่นวาย ข่าวต่างๆเริ่มแพร่กระจายออกไป ไม่นานเหล่าทหารเก่าก็ได้รับรู้ถึงสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในพื้นที่พลเรือน หลูอี๋ที่อยู่แต่ในห้องทำงานในพื้นที่ศูนย์ใจกลางของค่ายตลอดเวลาเองก็ได้รับข่าวนี้เช่นกัน
คิ้วของหลูอี๋ขมวดแน่น สบตากับนายทหารเก่าหลายคนที่มองมาที่เขาด้วยสายตาโกรธจัด พวกทหารเก่าหรือทหารผ่านศึกพวกนี้ อาศัยอยู่ที่ค่ายนี้มาเป็นเวลานาน แต่เป็นเพราะพวกมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ และนโยบายการจัดการของเหลียงชูซินที่ส่งกระทบต่อเหล่าทหารเก่า อีกทั้งในตอนนี้มีคนจ้องเล่นงานอดีตเพื่อนทหารของพวกเขาอีก ทำให้ตอนนี้การหาตัวหลูอี๋จึงเป็นแค่ทางเลือกเดียวของเหล่าทหารเก่า
“ให้หน่วยกองกำลังที่สามเข้าไปในพื้นที่พลเรือนและระงับสถานการณ์ ตามหาตัวคนที่ก่อเรื่องมาให้ได้และปลดตำแหน่งซะ” หลูอี๋ไม่ลังเลที่จะออกคำสั่ง ในความคิดของหลูอี๋ ใครที่ทำอะไรก็ตามที่ผิดกฏจะต้องได้รับการลงโทษกันหมด ไม่อย่างนั้นค่ายจะอยู่รอดต่อไปได้อย่างไร? และพวกมาใหม่นั้นก็บ้าคลั่งจนถึงชนาดนี้ แล้วยังจะไม่ให้หลูอี๋ลงโทษก็เป็นไปไม่ได้ ลางสังหรณ์ไม่ดีก่อตัวขึ้นในใจของหลูอี๋ สัญชาตญาณบอกเขาว่าเรื่องนี้จะต้องได้รับการจัดการโดยเร็วที่สุด
เมื่อได้เห็นว่าหลูอี๋ส่งหน่วยกองกำลังที่สามมาทันที เหล่าทหารเก่าที่เข้ามารายงานก็เริ่มผ่อนคลายอารมณ์ลง ต่อไปนี้พวกคนมาใหม่คงไม่กล้าทำเรื่องบ้าระห่ำอย่างนี้อีก
และในขณะที่คำสั่งของหลูอี๋พึ่งปล่อยออกมา และหน่วยกองกำลังที่สามก็ได้เข้ามาที่พื้นที่พลเรือนได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว
การเคาะประตูก็จะทำให้ทุกอย่างสายเกินไป เขารีบพุ่งเข้าไปหาหลูอี๋ทันที กัดฟันพูดสั่นๆด้วยความกลัว “เหล่าทหารเก่าก่อจลาจลขึ้นในพื้นที่พลเรือนครับ!”
“อะไรน่ะ?” หลูอี๋เงยหน้าขึ้นมองทันที สีหน้าไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน “เป็นไปได้ยังไง? ฉันสั่งให้หน่วยกองกำลังที่สามเข้าไปจัดการแล้วไม่ใช่เหรอไง? แล้วพวกทหารเก่าก่อจลาจลขึ้นได้อย่างไร? สาเหตุมันคืออะไร?”
“เช่นเดียวกับพวกมาใหม่ครับ” ทหารยามพูดตะกุกตะกัก “ที่พักและครอบครัวของพวกมาใหม่จำนวนมากถูกทำลาย เมียและลูกของพวกเขาถูกขับไล่ออกมาที่ถนน เหล่าพวกมาใหม่จะทำร้ายผู้คน ปล้นของมีค่า ดูเหมือนจะเป็นการแก้แค้นครับ”
“จองหอง!” หลูอี๋ผุดลุกขึ้นยืน กำขอบโต๊ะไม้แน่น แทบไม่สามารถระงับความโกรธได้อยู่ “ระบบบ้าบออะไร!”
แต่นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้น…