เสี่ยวเคินและวิวัฒนาการที่เหลือต่างงงงวยกับคำพูดที่พูดออกมาอย่างฉับพลันของชูฮัน หลังจากชูฮันเอ่ยปากถามชื่อเสี่ยวเคิน จู่ๆชูฮันก็ตอบกลับมาด้วยคำพูดที่แปลกประหลาด
เฟิงจื่อจือและเจิ้งเทียนอี้ก็ยังไม่ได้สติจากเหตุการณ์น่ากลัวก่อนหน้านี้ ส่วนจางโบฮั่นก็นังนิ่งเงียบอยู่ท่ามกลางร้านที่วุ่นวาย
“เอ่อ มันก็เป็นธรรมดาที่จะไม่รู้” หลังจากมึนงงกับคำตอบชูฮันไปครู่หนึ่ง เสี่ยวเคินก็ได้แต่ตอบไปแค่นั้น ตามมาด้วย “พวกเราสามารถคอยช่วยสนับสนุนนายได้”
ชูฮันยกไวน์ขึ้นดื่มอีกครั้ง จางโบฮั่นที่เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างก็หันไปถามเสี่ยวเคิน “แล้วหลูปิงเซ่อล่ะ?”
ตาของจางโบฮั่นเป็นประกายขณะจ้องไปที่เสี่ยวเคินไม่วางตา หลูปิงเซ่อไม่ได้กลับมา มันแปลกมาก เขาเอาตัวรอดเก่ง เธอไม่เชื่อว่าเขาจะเจออุบัติเหตุ
“หลูปิงเซ่อ?” เสี่ยวเคินไม่เข้าใจว่าทำไมจางโบฮั่นถึงถามถึงหลูปิงเซ่อ แต่เขาก็ยังคงตอบไปตามตรง “หลูปิงเซ่อและวิวัฒนาการคนอื่นกลับไปที่เสาหิน เพราะการที่จู่ๆนายก็กลายเป็นวิวัฒนาการระยะ 4 ทำให้ทุกคนคิดว่าในทะเลสาบอาจจะมีอะไรดีๆอยู่”
“นายเป็นวิวัฒนาการระยะ 4?!” จางโบฮั่นมองไปที่ชูฮันด้วยความประหลาดใจ จากนั้นจู่ๆเธอก็ตะโกนขึ้นมา “ไอ้หลูปิงเซ่อ! ฉันกับเจิ้งเทียนอี้ตกอยู่ในอันตรายแต่มันกลับไปที่อื่นแทน!”
ชูฮันเองก็งงเช่นกัน จินตนาการของหลูปิงเซ่อช่างเพ้อเจ้อและทำให้เขาพูดไม่ออก แต่ด้วยสติปัญญาของหลูปิงเซ่อ เขาคาดว่าเมื่อหลูปิงเซ่อกลับมา หลูปิงเซ่อน่าจะพอเดาได้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขาแล้ว ถ้าเช่นนั้น…
“นายบอกว่าอยากจะติดตามฉัน?” จู่ๆชูฮันก็เปลี่ยนหัวข้อพร้อมกับมองไปที่เสี่ยวเคินและวิวัฒนาการคนอื่น
“ใช่!” เสี่ยวเคินหยักหน้าทันที วิวัฒนาการระยะ 1 หลายคนที่อยู่ด้านหลังเสี่ยวเคินเองก็มองไปที่ชูฮัน
“พวกนายทนไหว?” ชูฮันไม่ได้ตอบรับทันทีแต่กลับถามคำถามแทน
“ได้” ทุกคนต่างตอบรับกันอย่างพร้อมเพรียง
“ถ้างั้นพวกนายต้องผ่านการทดสอบก่อน ฉันถึงจะยอมรับ?” เมื่อชูฮันถามคำถามต่อมา มันก็มีประกายบางอย่างฉายอยู่ในแววตาของชูฮัน
“ไม่มีปัญหา” ทุกคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความตื่นเต้นในใจของตัวเองกำลังจะมาถึงจุดจบ
“การทดสอบอะไร?” เสี่ยวเคินที่เป็นตัวแทนของวิวัฒนาการทุกคนเอ่ยถามต่อ
“การทดสอบ—-” รอยยิ้มของชูฮันกว้างขึ้นเรื่อยๆ “มันง่ายมาก ไปถึงเมืองอันลูให้ได้ภายในระยะเวลา 3 เดือนและหาคนที่ชื่อหยางเทียน”
“เอ่อ…”
“อะไรน่ะ?”
“เมืองอันลู?”
3เดือน
กลุ่มวิวัฒนาการต่างตะลึงค้าง แม้แต่จางโบฮั่นและเฟิงจื่อจือก็มองมาที่ชูฮันด้วยความช็อค นี่มันการทดสอบบ้าอะไรกัน?
“ด้วยจำนวนระยะเวลาแค่นี้….หัวหน้า” เสี่ยวเคินรู้ดีว่า ‘หวังไค’ เป็นเพียงแค่นามแฝงของผู้ชายตรงหน้า แต่ในเมื่อชูฮันไม่ยอมบอกชื่อที่แท้จริงเขาจึงได้เรียกอีกฝ่ายว่าหัวหน้าแทน “เมืองอันลูอยู่ไกลจากที่นี้มาก แถมตอนนี้ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้วการเดินทางมันยากลำบาก และระยะวิวัฒน์ของพวกเราก็ต่างกับหัวหน้าอย่างสิ้นเชิง พวกเราไม่สามารถข้ามเมืองได้ด้วยความเร็วสูงแบบหัวหน้า หัวหน้าต้องการให้เราไปถึงเมืองอันลูภายใน 3 เดือนแถมยังต้องตามหาคนที่ชื่อหยางเทียนอีก นี่มัน—“
“นี่เป็นไปไม่ได้!” วิวัฒนาการอีกคนรีบพูดต่อเสี่ยวเคิน “ไม่ต้องพูดถึงเรื่องหารถสักคันเลย และถึงแม้มันจะมีรถแต่มันก็ไม่มีน้ำมัน และถึงแม้มันจะมีทั้งรถและน้ำมันแต่มันก็ไม่มีถนนให้เราขับ และถึงต่อให้จะมีถนนอยู่น้อยนิดให้ขับ เราก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงซอมบี้ตามทางได้! แล้วใครคือหยางเทียน? เมืองอันลูใหญ่โตจะตาย เราจะหาเขาเจอได้อย่างไร มันเป็นไปไม่ได้ภายในเวลาแค่ 3 เดือน!”
“ฉันเองก็รู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้” จางโบฮั่นก็เห็นด้วย
“แค่ก แค่ก” เฟิงจื่อจือไอออกมาหากไม่ได้พูดอะไร
“คิดว่าทำไม่ได้?” ชูฮันแสยะยิ้มใส่กลุ่มคนตรงหน้า “ใช่ ยังไงก็ตาม พวกนายเลือกเอง มันขึ้นอยู่กับพวกนายเอง”
คำพูดตรงๆของชูฮันทำให้ทุกคนหุบปากฉับทันที ถ้าอยากจะติดตามคนแข็งแกร่ง…งั้นก็ต้องแสดงทักษะบางอย่างออกมา
ถ้าการทดสอบแรกยังทำไม่ได้…แล้วทำไมอีกฝ่ายจำเป็นจะต้องยอมรับเราล่ะ?
คิ้วของเสี่ยวเคินขมวดแน่น เขาเคยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่หลังจากการปะทุและหลังจากผ่านการเป็นผู้นำของกลุ่มผู้รอดชีวิตมาช่วงหนึ่งบนถนนที่เขาได้พบปะซอมบี้มากมายตลอดการเดินทาง ดังนั้นเสี่ยวเคินจึงรู้ดีว่าการเดินทางครั้งนี้มันอันตรายมากขนาดไหน ที่ยิ่งไปกว่านั้นมันใกล้จะสิ้นปีแล้วและโลกก็ได้เปลี่ยนแปลงไปมากหลังจากการปะทุ
มันอันตรายมากจริงๆ
ขณะที่ทั้งกลุ่มตกอยู่ในความเงียบ ทันใดนั้นมันก็มีเสียงฝีเท้าหลายคู่ที่ฟังดูวุ่นวายกำลังมุ่งหน้าพุ่งเข้ามา ทุกคนต่างรีบหันไปมองที่ประตูของร้าน และเหนือความคาดหมายพวกเขาก็เห็นหลูปิงเซ่อและวิวัฒนาการคนอื่นที่จากไปก่อนหน้านี้ยืนอยู่ตรงประตู
“ยังคิดจะกลับมาอีกเหรอ?!” จางโบฮั่นที่เห็นหลูปิงเซ่อก็กรีดร้องใส่เขาทันที ทว่าเป็นครั้งแรกที่หลูปิงเซ่อไม่กล้าเผชิญหน้ากับเธอ แต่กลับจ้องไปที่ชูฮันแทนด้วยสายตาที่ซับซ้อนและหวาดกลัว
เมื่อเห็นชูฮันว่าหลูปิงเซ่อกลับมาเร็วกว่าที่คิด เขาก็เพียงยิ้มและพูด “สรุปว่าไม่ได้ไปที่ทะเลสาบเหรอ?”
“เปล่าครับ” เสียงของหลูปิงเซ่อเต็มไปด้วยความเกรงกลัว
ชูฮันตระหนักได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของหลูปิงเซ่อ ชูฮันที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รายล้อมไปด้วยวิวัฒนาการที่ยืนล้อมเขาเป็นวง โดยมีจางโบฮั่น เฟิงจื่อจือ เจิ้งเทียนอี้ยืนอยู่อีกมุมของร้าน ส่วนหลูปิงเซ่อและวิวัฒนาการคนอื่นๆก็ยืนอยู่ตรงทางเข้า ภาพที่เกิดขึ้นในร้านค่อนข้างจะแปลกประหลาดนิดหนึ่ง
เสี่ยวเคินที่มีสัมผัสอ่อนไหวและสังเกตเห็นถึงบางอย่างที่ผิดปกติ เขามองไปที่ชูฮันจากนั้นก็มองไปที่หลูปิงเซ่ออีกครั้ง “นี่มันอะไร?”
ยังไม่ทันที่เสียงของเสี่ยวเคินจะจางหาย จู่ๆหลูปิงเซ่อก็กระโดดไปหน้าชูฮันพร้อมกับจับขากางเกงชูฮันไว้และแหกปาก “พี่ใหญ่ชูฮัน! ได้โปรดให้ผมได้ติดตามพี่?”
เฮือก—–
ทุกคนต่างตะลึงและนิ่งงัน จ้องไปที่หลูปิงเซ่อที่แหกปากอยู่พร้อมกับชื่อที่เขาพูดออกมา
ชูฮัน!
จางโบฮั่น เฟิงจื่อจือ และเสี่ยวเคินต่างช็อคสุดๆ ใครจะไม่รู้จักชูฮัน? ทุกคนในจีนรู้จักชื่อนี้ดีกันหมด!
โดยเฉพาะเสี่ยวเคินและเหล่าวิวัฒนาการที่พึ่งกลับมาจากการประเมิณที่เสาหิน พวกเขาต่างตกใจและพูดคุยเกี่ยวกับชื่อเสียงของชูฮันกันอยู่เลยเมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้คนดังอย่างชูฮันกลับมาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา แล้วพวกเขาจะไม่ช็อคได้ยังไง?
ทันทีที่กลุ่มวิวัฒนาการที่ตามหลูปิงเซ่อเข้ามาเห็นภาพหลูปิงเซ่อเกาะขากางเกงชูฮันและอ้อนวอนขอติดตาม ทุกคนก็พยายามสุดตัวที่จะให้ชูฮันยอมให้ติดตาม
“ฉันทำอาหารได้!”
“ฉันจะหาอาหารเย็นให้เอง!”
“ฉันจะจัดการซอมบี้เอง!”
“ฉันจะทำซอสถั่วเหลือง!”
กลุ่มวิวัฒนาการที่ติดตามเสี่ยวเคินต่างมองกลุ่มของหลูปิงเซ่อด้วยความตะลึง คนพวกนี้ต่างอ้อนวอนอย่างไม่สนใจศักดิ์ศรีของตัวเองเลยสักนิด วิวัฒนาการทั้งหมด 35 คน ทว่ากลับมีวิธีปฏิบัติตัวที่ต่างกันคนละแบบอย่างสิ้นเชิง
ชูฮันเองก็ตกใจกับปฏิกิริยาของคนพวกนี้ “ลุกขึ้นทั้งหมด! หุบปาก!”
พรึบ!
ทุกคนที่ลงไปนั่งคุกเข่าต่างรีบผุดลุกขึ้นยืนตรงข้ามกับเสี่ยวเคินและคนอื่นๆทันที
ชูฮันมองไปที่หลูปิงเซ่อ ความสงสัยดิ่งลึกอยู่ในนัยน์ตาของชูฮัน “นายรู้ได้อย่างไร?”