Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย – ตอนที่ 608 จุดประสงค์ที่แท้จริงของชูฮัน

การพาคนออกไปของชินหยวนนั้นไม่ง่ายเลย และในขณะที่กองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของหลูอี๋มาถึง พวกเขาก็จัดการกับกลุ่มพวกมาใหม่ที่กำลังจะเข้าไปจัดการฝูงชนตามคำสั่งของเหลียงชูซิน แม้กำลังอยู่ในช่วงเร่งรีบ แต่มันก็ให้โอกาสที่ดีแก่ชินหยวนและคนของเขาที่จะหลบหนีออกไปได้

 

ตอนนี้ หลูอี๋เองก็พึ่งเดินทางมาถึงประตูค่าย มองไปที่ฝูงชนตรงหน้า ทันใดนั้นหลูอี๋ก็รู้สึกไร้อำนาจ ผู้คนมากมายรวมกันมากกว่าหมื่นคนต้องการจะออกไปจากค่ายเจียนอี๋ของเขา ซึ่งพวกเขาเป็นคนระดับปานกลาง ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของห่วงโซ่ทางเศรษฐกิจของค่าย ถ้าคนพวกนี้ทั้งหมดไปจากค่าย ค่ายจะสูญเสียอย่างหนักและไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้

 

“เร็วเข้า! เอาโทรโข่งมาให้ฉัน!” หลูอี๋ที่ไม่สามารถคิดหาวิธีทางออกอื่นได้แล้วตัดสินใจที่จะปล่อยให้การจลาจลเกิดขึ้นต่อไป

 

ในตอนนั้นเอง มันก็มีเสียงที่ดังกลบทุกคนขึ้นมากลบเสียงโวยวายของผู้คนอื่นจนหมด

 

“เปิดประตู! ให้พวกเราออกไป! เราไม่อยากจะตาย เปิดประตู!”

 

“ปล่อยพวกเรา!”

 

“เปิดประตู! เปิดประตู! ค่ายของแกกำลังจะฆ่าเราไม่ใช่เหรอไง?”

 

“จะฆ่าพวกเราทั้งหมดเหรอไง? แกยังมีความเป็นคนอยู่รึเปล่า?”

 

เสียงของผู้คนมากมายจากหลายมุมดังสะท้อน ผู้คนรวมตัวกันตะโกนโหวกเหวกโวยวายร้องขอให้ปล่อยพวกเขา บางคนหยิบก้อนหินที่พื้นขึ้นมาปาใส่เหล่าทหารที่ยืนกันอยู่ แม้แต่มัน เผือก หรือเครื่องมือทางการเกษตรของเหล่าชาวนา พวกเขาระดมทุบประตูกันไม่หยุด ทำให้ตอนนี้มันเป็นแค่เรื่องของเวลาเท่านั้นว่าประตูจะพังลงมาเมื่อไหร่

 

หลูอี๋หัวหมุน เขารีบอ้าปากตะโกนใส่โทรโข่ง “ทุกคนใจเย็น ใจเย็นกันก่อน ฉันเป็นผู้นำของค่ายเจียนอี๋ พลโทหลูอี๋ อย่าพึ่งตื่นตูม ฟังฉันก่อน!”

 

เสียงสะท้อนของโทรโข่งดังก้องไปทั่วชัด เสียงโวยวายของผู้คนเริ่มค่อยๆซาลง ทุกคนหันกลับมามองหลูอี๋

 

หลูอี๋เริ่มดีใจ และหยิบโทรโข่งขึ้นมาอีกขึ้น พยายามจะพูด ทว่าโชคร้ายทันทีที่เขากำลังจะอ้าปาก———

 

“ชินหยวน? ชินหยวนมากับพวกทหารผ่านศึก!” ทันใดนั้น หยางหลินที่ยืนถัดจากหลูอี๋ก็พูดแทรกหลูอี๋ที่กำลังอ้าปากขึ้นมา

 

พั้วะ!

 

หลูอี๋รีบหันไปมองตามทางอย่างตกใจ และก็ได้เห็นภาพชินหยวนที่มาพร้อมกับกองกำลังติดอาวุธจำนวนมาก และถูกไล่ตามหลังมาด้วยพวกมาใหม่ที่นำโดยเหลียงชูซิน กำลังมุ่งหน้ามาทางพวกเขา

 

เวลาเขาหลูอี๋จบสิ้นแล้ว!

 

ในตอนนั้น ความคิดของหลูอี๋กำลังแยกเป็นสองทาง ทั้งสองกองกำลังกำลังมุ่งหน้ามาที่นี้? ที่นี้…ที่ซึ่งมีชาวบ้านมากกว่าหมื่นคนรวมตัวกันอยู่ ถ้าทั้งสองฝ่ายเกิดต่อสู้กันขึ้นมา ผลกระทบที่ตามมานั้นยากจะจินตนาการได้ ตำแหน่งพลโทของหลูอี๋คงจะหลุดอย่างแน่นอน

 

ท่ามกลางช่วงเวลาแห่งความเงียบนี้ หลูปิงเซ่อก็เผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา ทันใดนั้นเขาก็ตะโกนขึ้นมาท่ามกลางฝูงชนที่แฝงตัวอยู่ “พังประตู! ถ้าพวกมันมาถึงเรา เราโดนฆ่าแน่ พังประตูเร็ว!”

 

“พังประตู!”

 

“เฮ!”

 

คนนับหมื่นพุ่งเข้าใส่ประตูค่ายและเริ่มทำการกระแทกและเอาของในมือระดมทุบใส่ไม่ยั้ง

 

หลูอี๋ที่เห็นภาพที่เกิดขึ้นเริ่มหายใจหนัก ยังไม่ทันที่เขาจะได้จัดการอะไรเลยด้วยซ้ำ——

 

“ไม่ต้องกลัว! เราไปอยู่ที่ค่ายเขี้ยวหมาป่ากัน!” ทันทีที่ได้ยินประโยค หลูอี๋ก็แทบจะกระอักออกมาเป็นเลือด

 

หลูอี๋ตัวสั่นเทิ้มอย่างโกรธจัดกับสิ่งที่ได้ยิน

 

“ไปที่ค่ายเขี้ยวหมาป่า! ผู้นำสูงสุดของค่ายเขี้ยวหมาป่าเป็นพลเอก มันต้องแข็งแกร่งกว่าค่ายนี้แน่ ที่จริงพื้นที่ภายใต้เมืองอันลูทั้งหมดตกอยู่ในเขตอำนาจของพลเอกชูฮัน!”

 

“ใช่! เราจะไม่อยู่ที่ค่ายเจียนอี๋อีกต่อไป ไปค่ายเขี้ยวหมาป่ากัน!”

 

“ไปอยู่ค่ายเขี้ยวหมาป่ากันดีกว่า ที่นั่นมีความยุติธรรม ไม่มีพื้นที่ผู้ลี้ภัย คนที่ไม่ใช่มนุษย์สายพันธุ์ใหม่ก็สามารถเข้าร่วมกับกองทัพได้และยังได้รับยศตำแหน่งได้ ทุกอย่างยุติธรรม!”

 

“ไปกัน… เร็ว รีบวิ่งไปที่ค่ายเขี้ยวหมาป่ากัน!”

 

หลูอี๋ในตอนนี้แทบจะอ้วกออกมาเป็นเลือดได้สามลิตรแล้ว ในเวลานี้ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ว่าใครเข้ามาในค่ายบ้างตลอดสองสามวันที่ผ่านมา หน้าของหลูอี๋เป็นสีฟ้าสลับเขียว เขาชี้นิ้วไปที่บางคนที่ปลุกปั่นระดมฝูงชน “นั่นพวกมัน! พวกมันคือหนอนบ่อนไส้!”

 

เขาเห็นเต็มๆตา กลุ่มคนที่ตะโกนใส่ประตูเป็นพวกเดียวกับที่โน้มน้ามคนอื่นให้ไปค่ายเขี้ยวหมาป่า ทันทีที่ฝูงชนเริ่มกระแทกประตู คนพวกนี้ก็เริ่มตะโกนพูดถึงค่ายเขี้ยวหมาป่า มันคือแผนการของคนพวกนี้!

 

“ชูฮัน!” หลูอี๋แหกปาก ตาแดงก่ำอย่างเคียดแค้น “ฉันยังไม่เสร็จธุระกับแกแค่นี้แน่!”

 

แต่นี่มันยังเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น…

 

“เร็วเข้า! กระแทกประตูให้เปิด!”

 

ทีมความลับของพระเจ้ายังคงชักนำผู้คนต่อไป พวกเขาหลอกล่อผู้คนให้ทำตามได้สำเร็จ

 

“ไปที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าของพลเอกชูฮันกัน!”

 

“พลเอกชูฮันเป็นี่ชื่นชอบของผู้คน และคนที่มีความสามารถก็สามารถหาตำแหน่งที่เหมาะสมกับตัวเองได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงความสามารถทางร่างกาย”

 

“จริงเหรอ?”

 

“ใช่! ใช่แล้ว! ฉันรู้จักพี่ชายคนหนึ่ง เขาไม่มีพละกำลังอะไรเลย แต่เขามีความรู้ด้านเคมี และตอนนี้เขาก็เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงของค่ายเขี้ยวหมาป่า!”

 

“ว้าว! มันดีมาก ฉันก็มีความรู้ด้านชีววิทยา ฉันสามารถทำงานที่นั่นได้มั้ย?”

 

“แน่นอน! ที่ค่ายเขี้ยวหมาป่า พลังในการต่อสู้ไม่ใช้เกณฑ์เดียวที่ใช้ตัดสิน ตราบใดที่คุณมีทักษะความสามารถ คุณสามารถมีชีวิตที่ดีได้!”

 

“และค่ายเขี้ยวหมาป่าก็ยินดีต้อนรับเหล่าทหารผ่านศึกในยุคศิวิไลซ์ให้เข้าร่วมกับกองทัพเหมือนกัน ไม่มีการแบ่งแยก ไม่ต้องแยกตัวเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย ทุกคนอยู่รวมกันเหมือนครอบครัว!”

 

“เข้าร่วมกับค่ายเขี้ยวหมาป่า และเริ่มชีวิตที่น่าอัศจรรย์!”

 

“เข้าร่วมกับค่ายเขี้ยวหมาป่า และมุ่งหน้าสู่จุดสูงสุดของชีวิต!”

 

ชินหยวนและคนอื่นๆที่พึ่งมาถึงก็ได้ยินการโฆษณาเกี่ยวกับค่ายเขี้ยวหมาป่า ภายในพริบตาชินหยวนก็ตัดสินใจได้ทันที

 

“ไปกัน… ไปอยู่ที่ค่ายเขี้ยวหมาป่ากัน!” ชินหยวนแหกปากก้อง พุ่งเข้าใส่ประตูพร้อมกับคนหลายพันคน

 

“ปัง!”

 

ประตูถูกกระแทกจนเปิดออก ผู้คนมากมายวิ่งกรูกันออกไป รวมถึงทีมความลับของพระเจ้าและกุ้งเสือดำที่แฝงตัวอยู่ในฝูงชนด้วย มันเป็นการหลบหนีที่แสนง่ายดาย

 

หลูอี๋ที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เขาตะลึงค้างอย่างทำอะไรไม่ถูก เมื่อตอนที่ชินหยวนนำกลุ่มคนวิ่งออกไป หลูอี๋ก็ตกอยู่ในภวังค์ ทุกอย่างมืดบอด เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อไป

 

ชูฮัน! ไอ้เวรตะไล มึงไม่แค่ขโมยคนของค่ายกูไป แต่ยังขโมยทหารกูไปอีก!

 

ใช่ ชูฮันพาทั้งสามทีมเข้ามาในค่ายเจียนอี๋ของเขา การทำลายค่ายของเขาให้ย่อยยับเป็นแค่เรื่องรองเท่านั้น จุดประสงค์ที่แท้จริงคือการขโมยคนของหลูอี๋ต่างหาก มันมีคนทั้งหมดเกือบ 60,000 คนในค่ายเจียนอี๋ ขณะที่ค่ายเขี้ยวหมาป่ามีคนเพียงแค่ 10,000 คนเท่านั้น

 

สำหรับกลุ่มทหารที่ชินหยวนพามาด้วยกับเขา หลูอี๋ไม่ได้สนใจจริงจัง แต่กับชูฮันนั้นไม่คิดเหมือนกับหลูอี๋ พวกนี้เป็นทหารผ่านศึกในยุคศิวิไลซ์ พวกเขามีความสามารถมากมายที่พวกมาใหม่ไม่สามารถเทียบได้ ทันทีที่พวกเขาได้เข้าร่วมกับกองทัพเขี้ยวหมาป่า พวกเขาจะมีบทบาทอย่างมากเพราะความสามารถของพวกเขา

 

ที่มากไปกว่านั้น สิ่งที่ชูฮันต้องการก็คือความเต็มใจของชินหยวน ความคิดริเริ่มและแรงกระตุ้นที่ต้องมาควบคู่กัน ตราบใดที่คนพวกนี้ก้าวสู่ทางใดทางหนึ่งในสองอย่างนี้แล้ว หลูอี๋ก็จะไม่ต้องการคนพวกนี้กลับไป

 

ชาวบ้านหลายหมื่นคนเองก็มีความสำคัญเท่าเทียมกัน พวกเขาอาศัยอยู่บนพื้นฐานของธุรกิจเพื่อหาเลี้ยงชีพ พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่มีฝีมือ ไม่ว่าจะอยู่ในแวดวงไหนก็ตาม มันสำคัญที่พวกเขาจะต้องขับเคื่อนเศรษฐกิจภายในค่ายเขี้ยวหมาป่า

 

ฮึ! ฮึ!

 

ยินดีต้อนรับสู่ค่ายเขี้ยวหมาป่า!

Apocalypse Meltdown

Apocalypse Meltdown

มันเป็นโลกที่ซอมบี้และมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยความสิ้นหวัง สนามแม่เหล็กของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงและทุกอย่างได้ย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้น วันหนึ่ง วีรบุรุษของพวกเรา…ชูฮัน ได้เดินทางย้อนเวลากลับมาสิบปีก่อนโดยไม่รู้ตัว เขาได้ย้อนกลับมาก่อนจุดจบของโลกจะเริ่มต้นขึ้น (โลกาวินาศ) เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงดังในหอพักในมหาวิทยาลัยหมิงชิว ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ชูฮันต่อสู้กับเหล่าซอมบี้นับสิบๆตัวก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถเพื่อขโมยรถยนต์เมอร์ซิเดซ-เบนซ์G55ออกมา เขาตัดสินใจที่จะตามหาพ่อแม่และพี่น้องของเขาด้วยG55คันนี้ ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเสียใจที่ไม่ได้ทำในชาติที่แล้ว ระหว่างทางชูฮันได้พบปะกับคนกลุ่มหนึ่งที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนที่ติดอันดับ 20 ของโลกาวินาศรวมอยู่ด้วย…เฉินช่าวเย่ พวกเขาพบกับซอมบี้จำนวนมากระหว่างทางบนทางหลวง ซึ่งชูฮันได้ใช้รถ G55 พุ่งชนเหล่าซอมบี้จนเละ และในตอนนั้นเอง ชูฮันถึงตระหนักได้ว่าทั้งหมดนี้คือระบบล่มสลาย และเขาสามารถได้คะแนนจากการฆ่าซอมบี้ทั้งหลาย ซึ่งเขาสามารถเอาคะแนนพวกนี้ไปแลกเปลี่ยนเป็นความสามารถพิเศษอะไรก็ได้ และในตอนนั้นเอง การเดินทางของชูฮันก็ได้เริ่มต้นขึ้นไปพร้อมๆกับระบบล่มสลาย นี่เป็นเรื่องราวของระบบล่มสลาย โดยมีเขา…ชูฮัน เป็นคนดำเนินเรื่องราว

Comment

Options

not work with dark mode
Reset