Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย – ตอนที่ 611 แผนการอันน่าตะลึง

ในขั้นต้น มีการจัดทำแผนความร่วมมือขึ้น ส่วนสำหรับศัตรูตัวฉกาจของเหมิงชีเหว่ยอย่างจงไค เนื่องจากว่าอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งและไม่สามารถเข้าถึงได้ง่ายๆ เหมิงชีเหว่ยจึงเลือกที่จะวางแผนระยะยาวและชูฮันก็เห็นด้วย ไม่ใช่แค่เพราะว่าหลายอย่างๆจำเป็นต้องใช้เหมิงชีเหว่ยเพื่อให้มันสำเร็จ แต่มันเป็นเพราะเรื่องของรายชื่อที่ชูฮันต้องการจะแก้ไขปัญหาให้ได้ และมันก็ไม่ใช่เป้าหมายระยะสั้นๆ

 

ชีวิตในชาติที่แล้วของชูฮันไม่ได้ดีเท่าไหร่ เขาถูกค่ายหลายค่ายเนรเทศ ความยากจนและลำบากในชีวิตทำให้เหนื่อยล้าจนหมดหนทาง และพวกที่ใส่ร้ายป้ายสีเขาก็ผลักเขาตกลงเหว แต่เขาโชคดีมากพอที่ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง แล้วเขาจะปล่อยพวกที่เคยทำร้ายเขาไปได้อย่างไร?

 

ส่วนสำหรับที่ว่าเรื่องที่เหมิงชีเหว่ยพูดนั้นเป็นความจริงหรือไม่ ชูฮันไม่สนใจเลยสักนิด เป้าหมายของเหมิงชีเหว่ยคือการฆ่าจงไค และหนึ่งในเป้าหมายของชูฮันก็คือการฆ่าจงไคเช่นกัน ซึ่งแค่นั้นมันก็เพียงพอแล้ว

 

“ก่อนอื่น นายควรจะรู้อะไรสักนิดก่อน ถ้านายขอให้ฉันทำอะไรให้ นายกับฉันต้องทำสัญญา ฉันจะลงนามในการขายและการกระทำในนามของนาย” ชูฮันเริ่มทำการล้างสมองเหมิงชีเหว่ยอย่างแนบเนียนโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัวเลย “ฉันสัญญาว่าฉันจะจับจงไคตัวเป็นๆมาให้นายและปล่อยให้ฆ่ามันได้เองตามใจชอบเลย แต่นายต้องรู้ว่าหลังจากการสนทนาของเราวันนี้จบลง นายคือคนของฉัน แค่ฉันคนเดียวเท่านั้น นายต้องเชื่อฟังฉันคนเดียว และทุกการกระทำของนายจะต้องดำเนินตามคำสั่งของฉันเท่านั้น ส่วนนายก็มีหน้าที่ทำตามที่ฉันบอก”

 

อึก!

 

เหมิงชีเหว่ยกลืนน้ำลายอึกเสียงดังและพยักหน้ารัวๆ อะไรคือคำสั่งเด็ดขาด? วันนี้เขาได้เห็นมันกับตาแล้ว ชูฮันไม่ให้โอกาสเขาในการแสดงความคิดของในด้านของเขาเลยสักนิด

 

“ในเมื่อในตกลงสัญญา งั้นก็เริ่มตั้งแต่ตอนนี้” ความรวดเร็วของชูฮันทำให้เหมิงชีเหว่ยตามไม่ทัน และการเปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็วและประโยคต่อไปของชูฮันทำให้เหมิงชีเหว่ยรู้สึกเหมือนโดนดูถูก “เร็วเขา เรียกฉันว่านายท่าน”

 

หลังจากความเงียบชั่วอึดใจ ในที่สุดเหมิงชีเหว่ยก็มีปฏิกิริยา เขาเอ่ยถามอย่างตะกุกตะกัก “ฉัน ให้ฉัน ให้ฉันเรียกว่าหัวหน้าได้มั้ย?”

 

เหมิงชีเหว่ยเอ่ยถามอย่างหวาดกลัว

 

ชูฮันพยักหน้าตาม และเริ่มการออกคำสั่งต่อทันที  “นายพาพี่น้องของนายมาด้วยนิ มีกันอยู่ทั้งหมดกี่คน?”

 

“เอ่อ ครั้งที่แล้วที่หัวหน้าเห็นมีแค่แปดคน แต่ผมยังมีพรรคพวกที่ถนนเส้นอื่นอยู่อีก ทั้งหมดรวมกันคือสามสิบคน” เหมิงชีเหว่ยคำนวณอย่างรวดเร็ว “พวกเขาอาศัยกระจัดกระจายอยู่ตามถนนของค่ายเจียนอี๋ แต่พวกเรามีรหัสลับในการติดต่อสื่อสารกัน ถ้าหัวหน้าต้องการพวกสามารถติดต่อพวกเขาให้ได้”

 

“ไม่ต้องจ่ายเงิน?” ชูฮันถามอีกคำถามขึ้นแทรกขึ้น

 

เหมิงชีเหว่ยดึงเชิงนิดหน่อย “พวกเราไม่ใช่มนุษย์สายพันธุ์ใหม่ เราไม่จำเป็นต้องใช้เงินอะไรมากมาย แต่ถ้าเราได้เงินบ้าง มันก็จะทำอะไรได้สะดวกกว่า”

 

ชูฮันยิ้มอย่างพอใจกับความจริงใจของเหมิงชีเหว่ย เขาเอื้อมลงไปในกระเป๋า ทั้งๆที่ความจริงแล้วเขาเอื้อมลงไปหยิบ 5,000 เหรียญล่มสลายในประตูมิติ มันมีแววตามีความสุขในนัยน์ตาของเหมิงชีเหว่ยทันทีที่ชูฮันหยิบเงินออกมาใส่ในมือเหมิงชีเหว่ย “ให้เงินสนับสนุนพวกเขาซะ ทิ้งคนไว้ในค่าย 20 คนคอยซุ่มดูสถานการณ์ต่อไป และนายพาคนอีก 10 ที่แข็งแรงหน่อยรีบไปที่ค่ายหนานตู้ทันที”

 

เหมิงชีเหว่ยที่ยังไม่ได้สติกลับมาดีจากเงินมหาศาลที่จู่ๆก็มาอยู่ในมือเขาเหมือนร่วงลงมาจากฟ้า และเมื่อได้สติ เขาก็งุนงงโดยไม่ได้แสร้งทำ “ลงใต้?”

 

“ใช่ ค่ายหนานตู้” นำ้เสียงของชูฮันจริงจัง “แสร้งทำตัวเป็นผู้ลี้ภัยต่อไป ตอนนี้ทุกๆค่ายล้วนมีพื้นที่ผู้ลี้ภัยกันหมด นี้คือจุดที่คนของนายจะต้องประจำการเป็นอันดับแรก สถานที่แรกจะต้องแทรกซึมคือค่ายหนานตู้  ฉันให้เวลานายสองเดือน พัฒนากองกำลังใต้ดินและเติมเต็มเครือข่ายข้อมูลใต้ดินในค่ายหนานตู้ให้สำเร็จ และหลังจากนั้นอีกสองเดือนฉันจะไปหานายเอง นายจะต้องสามารถให้ข้อมูลอะไรก็ตามที่ฉันต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับกองกำลังสูงสุดหรือการกระจายของมนุษย์สายพันธุ์ใหม่”

 

อึก!

 

เหมิงชีเหว่ยที่กำลังตะลึงกับคำสั่งของชูฮัน เขากำเหรียญล่มสลาย 5,000 เหรียญในมือแน่นซึ่งมันยิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนกับกำลังจับของร้อน

 

“ประการที่สอง ทิ้งคนที่นายเชื่อใจไว้ให้แทรกซึมในหนานตู้ต่อ แล้วจากนั้นฉันจะให้เงินสนับสนุนต่ออีก นายจะต้องเลือกคนมาจำนวนหนึ่งเพื่อไปที่ต่อไป” น้ำเสียงของชูฮันเต็มไปด้วยความเป็นนักยุทธศาสตร์ “ซึ่งที่ไหนฉันจะเป็นคนบอกนายเองอีกที อย่างไรก็ตาม นายจะต้องเตรียมพร้อมเอาไว้ในฐานะฝ่ายสนับสนุนคนของฉัน หน้าที่ของนายให้ความช่วยเหลือมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังจากนี้ต่อไปค่ายนับร้อยๆค่ายทั่วทั้งจีนจะต้องมีคนของเราแทรกซึมอยู่ทั้งหมด นายจะต้องมีการเชื่อมต่อกับพวกเขาและนำเสนอข้อมูลล่าสุดเสมอ”

ชูฮันพูดราวกับมันเป็นเรื่องง่ายๆ แต่เหมิงชีเหว่ยที่ได้ฟังกลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขากำลังช็อคอยู่ “เป้าหมายของหัวหน้า ไม่ใช่แค่ค่ายเจียนอี๋งั้นเหรอ?”

 

ชูฮันแสยะยิ้ม “ถ้ามันเป็นแค่ค่ายเล็กๆอย่างค่ายเจียนอี๋ละก็ นายคงไม่มีสิทธิจะได้มานั่งอยู่ที่นี้และคุยเรื่องเงื่อนไขกับฉันแบบนี้หรอก”

 

เหมิงชีเหว่ยพยักหน้าด้วยความกลัว เขาจ้องดวงตาสีดำขลับที่ไร้อารมณ์ใดๆของชูฮัน เหมิงชีเหว่ยสัมผัสถึงความกดดันที่ออกมาจากรอบกายของชูฮันได้อย่างชัดเจน มันทำให้เขาหายใจไม่ออก ภายใต้ภาวะกดดันสูง เหมิงชีเหว่ยไม่สามารถขัดหรือพูดอะไรได้เลยทั้งนั้น

 

ชูฮันกลายเป็นภูเขาที่ไม่สามารถผ่านไปได้ในหัวใจของเหมิงชีเหว่ย

 

“นายอยากจะทำเรื่องไม่ดี ฉันจะให้โอกาสนาย ให้เงิน นายจะสามารถทำอะไรก็ได้ นายจะมีอิทธิพลในแวดวงของนายที่ไม่มีใครสามารถควบคุมนายได้ ส่วนเงื่อนไขของฉันก็มีเท่าตามที่บอก นายทำได้มั้ย? ตอนนี้ในเมื่อนายและฉันได้บรรลุข้อตกลงกันแล้ว นายจะต้องทำให้ได้” ชูฮันไม่ให้โอกาสเหมิงชีเหว่ยได้เปลี่ยนใจ “ตอนนี้นายสามารถไปได้ แล้วฉันจะรอดูผลลัพธ์ที่ทางใต้ในอีกสองเดือนหลังจากนี้”

 

เครือข่ายข่าวกรองของสมาคมนักล่าจะต้องใช้ระยะยาวนานในการสร้างขึ้นมา และท่ามกลางการจลาจลในค่ายเจียนอี๋นี้ ชูฮันทำความเข้าใจแล้วว่าแค่เพียงเครือข่ายกรองอย่างเดียวนั้นยังไม่เพียงพอ มันจำเป็นต้องมีกำลังคนจำนวนมากและวัสดุสิ่งของจำเป็นต่างๆอีก

 

บทบาทใต้ดินของเหมิงชีเหว่ยสะท้อนทุกอย่างให้เห็นได้ชัดเจน ภายใต้แต่ละค่าย ชูฮันจะสามารถได้รับข้อมูลที่เตรียมพร้อมและล่าสุด พื้นที่ซ่อนเร้นหรือแม้แต่กระทั่งวัสดุต่างๆที่จำเป็น ซึ่งมันจะช่วยย่นระยะเวลาได้อย่างมาก ที่สำคัญกว่าคือการเคลื่อนไหวที่แน่นอนของแต่ละค่าย ซึ่งบทบาทของการทำงานใต้ดินนั้นมักจะให้ผลลัพธ์ที่เกินกว่าจินตนาการอยู่เสมอ

 

พลังของฝูงชนนั้นมากมายแค่ไหน มันได้สะท้อนให้เห็นชัดแล้วในการจลาจลที่เกิดขึ้นของค่ายเจียนอี๋

 

เมื่อมองไปที่การจากไปอย่างมึนงงของเหมิงชีเหว่ย ชูฮันก็สัมผัสขนนุ่มๆของหวังไคเบาๆ และพูดด้วยน้ำเสียงสดใส “หวังไค เงินหมดแล้ว ช่วยฉันเปลี่ยนคะแนนในระบบล่มสลายที”

 

หวังไคมองชูฮันอย่างไม่เข้าใจ “ชูฮัน ระบบการทำงานของฉันทำงานได้แค่เพียง 10% เท่านั้นเองและตอนนี้มันไม่มีคะแนนระบบล่มสลายเลยสักคะแนน ไม่สามารถทำการเปลี่ยนสกุลเงินได้”

 

มือของชูฮันที่กำลังลูบขนหวังไคอยู่ชะงักทันที และเปลี่ยนเป็นกระตุกขนของหวังไคแทน “อะไรน่ะ ทำไมแกไม่พูดอะไรก่อนหน้านี้?”

 

“นายก็มองในระบบเองได้ แล้วนายก็ไม่ได้ถามฉันเอง!” หวังไคที่กำลังเจ็บ ตอบตรงๆ “ระบบล่มสลายไม่สามารถไถ่ถอนได้ แต่เพื่อเปิดใช้งาน นายสามารถเข้าไปที่ระบบเองได้และอย่าดึงขนฉัน!”

 

ชูฮันรู้ดีว่าเขาจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อการดำเนินการใหญ่อย่างนี้ เหรียญล่มสลายที่เขาได้จากซางจิงและการพนันกับหลูอี๋นั้น ส่วนใหญ่เขาให้ซางจิ่วตี้ไปแล้วเกือบหมดเพื่อทำการก่อสร้างค่ายเขี้ยวหมาป่า ส่วนที่เหลืออีก 5,000 เหรียญเขาก็ให้เหมิงชีเหว่ยไปหมด

 

เขาคำนวณผิดพลาด!

Apocalypse Meltdown

Apocalypse Meltdown

มันเป็นโลกที่ซอมบี้และมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยความสิ้นหวัง สนามแม่เหล็กของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงและทุกอย่างได้ย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้น วันหนึ่ง วีรบุรุษของพวกเรา…ชูฮัน ได้เดินทางย้อนเวลากลับมาสิบปีก่อนโดยไม่รู้ตัว เขาได้ย้อนกลับมาก่อนจุดจบของโลกจะเริ่มต้นขึ้น (โลกาวินาศ) เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงดังในหอพักในมหาวิทยาลัยหมิงชิว ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ชูฮันต่อสู้กับเหล่าซอมบี้นับสิบๆตัวก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถเพื่อขโมยรถยนต์เมอร์ซิเดซ-เบนซ์G55ออกมา เขาตัดสินใจที่จะตามหาพ่อแม่และพี่น้องของเขาด้วยG55คันนี้ ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเสียใจที่ไม่ได้ทำในชาติที่แล้ว ระหว่างทางชูฮันได้พบปะกับคนกลุ่มหนึ่งที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนที่ติดอันดับ 20 ของโลกาวินาศรวมอยู่ด้วย…เฉินช่าวเย่ พวกเขาพบกับซอมบี้จำนวนมากระหว่างทางบนทางหลวง ซึ่งชูฮันได้ใช้รถ G55 พุ่งชนเหล่าซอมบี้จนเละ และในตอนนั้นเอง ชูฮันถึงตระหนักได้ว่าทั้งหมดนี้คือระบบล่มสลาย และเขาสามารถได้คะแนนจากการฆ่าซอมบี้ทั้งหลาย ซึ่งเขาสามารถเอาคะแนนพวกนี้ไปแลกเปลี่ยนเป็นความสามารถพิเศษอะไรก็ได้ และในตอนนั้นเอง การเดินทางของชูฮันก็ได้เริ่มต้นขึ้นไปพร้อมๆกับระบบล่มสลาย นี่เป็นเรื่องราวของระบบล่มสลาย โดยมีเขา…ชูฮัน เป็นคนดำเนินเรื่องราว

Comment

Options

not work with dark mode
Reset