Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย – ตอนที่ 622 ใครมีอำนาจสิทธิกันแน่?

“เฮ้ย! มีคนกำลังมา!” หนึ่งในผู้ชายสองคนยิ้มและมองชูฮันอย่างหยาบคาย

 

ส่วนอีกคนนั้นมองชูฮันด้วยสายตายิ่งกว่าป่าเถื่อน มันเหลือบมองที่ขากางเกงของชูฮันที่เปรอะเปือนไปด้วยเลือดสีดำของซอมบี้และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ดูที่รองเท้ามันสิ ฮ่าฮ่าฮ่า!”

 

เสียงฝีเท้าที่เดินเป็นจังหวะของชูฮันดังก้องไปทั่วทั้งเส้นถนน สายตาเรียบนิ่งกวาดมองไปทั่วทั้งร่างกายของผู้ชายสองคนตรงหน้า คนหนึ่งสูงอีกคนหนึ่งเตี้ยกว่า แต่ละคนแต่งตัวอย่างมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ด้านนอกเป็นเสื้อคลุมตัวใหญ่ที่กลิ่นเหม็นโฉ่ ส่วนเสื้อผ้าด้านในนั้นดูโดดเด่นและสีสันสดใส แม้สีหน้าจะดูหยางกระด้างแต่มันก็มองเห็นได้ชัดเลยว่าเมื่อก่อนเคยเป็นพวกผู้ดีมีตัง

 

นี้มันเป็นเมืองแห่งการฆ่า เป็นเมืองที่ไม่มีผู้อยู่อาศัยแล้ว ทั้งสองคนนี้อยู่ที่นี้ได้แสดงว่าจะต้องเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่อย่างแน่นอน

 

เพียงแค่เผชิญหน้า ชูฮันก็วิเคราะห์สถานการณ์ของผู้ชายสองคนตรงหน้าเขาได้แล้ว หากชูฮันไม่คิดจะสนใจอะไรมากมาย เมืองอันลูมีพวกมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ซ่อนตัวอยู่เป็นกลุ่มใหญ่พอสมควร ซึ่งมันเป็นเรื่องธรรมดา

 

แต่อีกฝ่ายยืนเด่นหราอยู่กลางถนนแบบนี้…

 

อีกฝ่ายกำลังรอคอยปฏิกิริยาตอบสนองของชูฮัน คนตัวสูงเป็นฝ่ายเปิดนำพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ แฝงไปด้วยความดูถูก “เฮ้ย! ไอ้หนู! แกกำลังทำอะไร?”

 

ชูฮันเหลือบตามองถนนว่างเปล่าด้านหลังผู้ชายสองคน “ฉันอยากจะไปดูที่นั้น”

 

แม้มันจะกำลังมีฝูงซอมบี้จำนวนมากมุ่งหน้ามาที่ถนนเส้นนี้ อีกทั้งอาคารสถาปัตยกรรมโดยรวมก็ทำหน้านี้ป้องกันขีดขวางถนนนทั้งหมด โดยเฉพาะถนนเส้นตรงหน้าชูฮันในตอนนี้ มันเป็นตำแหน่งที่ดีมากในการกวาดล้างฝูงซอมบี้

 

“อยากเข้ามาเขตพี่หยวนงั้นเหรอ?” ทั้งสองคนที่ยืนอยู่คนละฝั่งกับชูฮันเลียรืมฝีปาก หนึ่งในนั้นเหลือบมองหน้าชูฮันและยิ้มออกมาอย่างมีแผนการ “แกแค่ต้องการจะไปดูว่ามันเป็นยังไงหรือว่าต้องการหาที่สำหรับพัก?”

 

ในสายตาของผู้ชายสองคนนี้ คนที่สามารถมาปรากฏตัวในเมืองอันลูแบบนี้ได้ นอกเหนือจากกองกำลังติดอาวุธที่พึ่งเริ่มคืบคลานเข้ามาในช่วงหลังๆนี้แล้ว ที่เหลือมันก็เป็นพวกผู้ลี้ภัยเหมือนกับพวกเขาทั้งคู่ พวกผู้ลี้ภัยที่เป็นคนที่เดิมใช้ชีวิตอยู่ในนี้อยู่แล้วก่อนที่จะเกิดการปะทุขึ้น เพราะงั้นหลังจากที่จู่ๆชูฮันก็ปรากฏตัวขึ้นคนเดียว ทั้งสองจึงคิดเอาเองว่าชูฮันจะต้องเป็นผู้รอดชีวิตจากกลุ่มอื่นๆที่หลบซ่อนอยู่ในเมืองอันลูเหมือนกับพวกเขาอย่างแน่นอน

 

ชูฮันตอบคำถามอย่างตรงๆหลังจากคิดทบทวนแล้ว “ดูจากภูมิศาสตร์แล้วมันอาจจะต้องใช้เวลาสักพัก”

 

“ดูจากภูมิศาสตร์? หลังจากตรวจสอบภูมิศาสตร์แล้ว ค่อยหาที่ที่จะพัก?” ทั้งสองคนมองหน้ากันไปมา จากนั้นคนหนึ่งก็ยื่นมือที่ปากและแลบลิ้นออกมาเลียอย่างน่ารังเกียจ “นี้คือเขตของเรา ถ้าแกอยากจะเข้ามาแกต้องจ่ายค่าผ่านทาง และถ้าอยากจะอยู่ที่นี้ แกต้องจ่ายค่าเช่า ไม่อย่างนั้นพวกเราไม่อนุญาต”

 

คิ้วของชูฮันกระตุกเบาๆ เขาไม่คิดจะพูดจาไร้สาระเสียเวลาเปล่ากับผู้ชายสองคนตรงหน้าอีก ชูฮันหมุนตัวจากไป ในเมื่อถนนเส้นนี้ไม่สามารถผ่านไปได้ งั้นเขาก็จะซ่อนตัวรอที่ถนนเส้นต่อไป

 

ทว่าในจังหวะที่ชูฮันกำลังจะจากไป ทั้งสองคนนั้นกลับไม่ยอมปล่อยให้ชูฮันไปง่ายๆ จู่ๆสองคนนั้นก็มาปรากฏตัวหน้าชูฮันด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วมาก ประกบชูฮันซ้ายขวา

 

“ฉันจะบอกให้นะ อย่าคิดอะไรง่ายๆสิ” หนึ่งในนั้นยิ่งเริ่มแสดงความร้ายออกมาชัดขึ้น มันใช้น้ำเสียงกระชากและรุนแรง พยายามข่มขู่ชูฮัน “เอาของทุกอย่างในตัวมึงออกมาวางทิ้งไว้ให้หมด แล้วกูจะปล่อยมึงไป”

 

ชูฮันยกยิ้มมุมปากอย่างรู้สึกตลก นี่เขาถูกปล้นในเขตอำนาจของตัวเองงั้นเหรอ?

 

ห้านาทีต่อมา ผู้พลัดถิ่นสองคนก็มีเนื้อตัวบอบช้ำและบวมเป่งขณะเดินไปตามถนน พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะลืมตาเต็มตาหรือพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ชูฮันเดินตามหลังทั้งสองคนมา

 

ทั้งสองคนหยุดอยู่ที่ด้านนอกของอาคารสูงห้าชั้น ชายร่างใหญ่กว่าที่หน้าตาช้ำเลือดหันไปพูดกับชูฮันด้วยแววตาที่อัดแน่นไปด้วยความกลัว “นี่คือฐานของหัวหน้าพวกเรา”

 

ชูฮันเงยหน้ามองอย่างสบายๆ จากนั้นก็หมุนตัวกลับอย่างไร้ซึ่งความสนใจ อาคารห้าชั้นที่ยังคงสภาพดีไว้ ซึ่งในอนาคตมันก็จะกลายเป็นที่พักอาศัยของคนของเรา แต่ข้อได้เปรียบทางด้านภูมิศาตร์ของอาคารนี้มันดีมาก ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมคนพวกนี้ถึงเลือกอาคารเป็นที่ตั้ง มันไม่มีซอมบี้มาถึงจุดนี้เท่าไหร่เป็นเพราะว่ามันมีสนามเทนนิสมากมายตั้งอยู่บริเวณรอบ

 

ในขณะที่ชูฮันกำลังหมุนตัวไปรอบๆอย่างสังเกตการณ์ สองคนนั้นที่เดินนำชูฮันอยู่ก็หันมาสบตากัน และจู่ๆทั้งคู่ก็วิ่งพุ่งเข้าไปที่อาคารห้าชั้นตรงหน้าอย่างรวดเร็ว เข้าไปหาพรรคพวกของตัวเอง

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า! ไปเรียกพี่หยวนมาสั่งสอนมันสิ!”

 

“ไอ้เด็กนี่มันฝีมือดีไม่น้อย แต่ถึงยังไงมันก็ไม่มีทางเอาชนะพี่หยวนของเราได้ ฆ่ามันเลย! มันกล้าข้ามเขา้มาในเขตของเรา!”

 

ชูฮันไม่มีการตอบสนองต่อคำพูดและท่าทางของอีกฝ่าย เขายังคงทำการสังเกตการณ์ภูมิศาสตร์โดยรอบตรงหน้าต่อไป สนามเทนนิสเป็นสถานที่ที่ดี  ที่ดียิ่งกว่านั้นก็คือ มันมีสถานที่มากมายที่สามารถแยกใช้งานได้ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่สำหรับสู้กับซอมบี้ หรือใช้เก็บดินระเบิดและกระสุนหลอกล่อก็ดูจะสะดวกดี

 

มันเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การฆ่าซอมบี้อย่างธรรมชาติที่สุด!

 

ขณะที่ชูฮันกำลังอยู่ในห้วงแห่งความปิตียินดีกับตัวเองนั้น มันก็มีเสียงฝีเท้าหลายคู่ดังมาจากข้างหลังของชูฮัน ซึ่งก็คือสองคนนั้นที่เดินมาพร้อมกับหัวหน้าของตัวเอง

 

แน่นอนว่าชูฮันต้องยินเสียงฝีเท้าของคนพวกนั้นอยู่แล้วโดยไม่ต้องสงสัยแต่ชูฮันเลือกที่จะไม่สนใจและทำเป็นไม่รับรู้ เขายังคงคิดเกี่ยวกับภาพฆ่าซอมบี้ในหัวหน้า วิเคราะห์ข้อดีข้อเสียของการใช้ดินระเบิดและกระสุนหลอกล่อ รวมถึงการใช้ความสามารถในการต่อสู้ของนักรบของเขาในตอนนี้ด้วย

 

มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ในเมืองอันลูจะมีชาวบ้านอาศัยอยู่ตามจุดต่างๆ หลังจากกองทัพเขี้ยวหมาป่าทำการกวาดล้างซอมบี้ในเมืองอันลูหมดแล้ว และผู้คนของค่ายเขี้ยวหมาป่าก็จะย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองอันลู ความขัดแย้งกับคนพื้นเมืองจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนอยู่แล้ว

 

ดังนั้นชูฮันได้คิดเกี่ยวกับปัญหาเรื่องนี้มานานแล้ว หากเขาไม่ได้สนใจประเด็นนี้มากเท่าไหร่เพราะว่าจำนวนของคนกลุ่มนี้นั้นถือว่าเล็กน้อย ซึ่งชูฮันมองว่ามันไม่ได้จำเป็นที่เขาจะต้องเสียเวลามานั่งคิดหามาตรการในการรับมือ ซึ่งทางออกของชูฮันมันง่ายมาก…การใช้ความรุนแรงในการระงับ

 

เมืองอันลูคือเขตในการปกครองของเขา ซึ่งมันเริ่มตั้งแต่แม่น้ำทางเหนือไล่ยาวไปจนถึงภูเขาทางใต้ นี่เป็นพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ขนาดใหญ่ทั้งสองด้านของตะวันออกและตะวันตก ชูฮันเองก็ได้มีชื่อเสียงและอิทธิพลมานานพอสมควรและตอนนี้เขาก็อยู่ในเขตดินแดนของเขาเอง เขาอยากจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ใครมีสิทธิอะไรมาสั่งการเขา?

 

ถ้าข้องใจ ก็ต้องกล้าที่จะรับผลที่ตามมาด้วย!

 

“ไอ้หนุ่มนี่มันกล้าดีชะมัด กล้าเข้ามาเขตของกูงั้นหรอ มึงไม่รู้สินะว่าไอ้สองคนที่มึงทำร้ายเป็นน้องของกู ไหนมาดูสิว่ามึงแน่มากจากไหน!” ด้านหลังของหยวนหมินมีกลุ่มคนพร้อมอาวุธจำนวนหนึ่งที่พร้อมพุ่งเข้าใส่ชูฮัน ตามมาด้วยพลังผันผวนของวิวัฒนาการระยะ 3 ของหยวนหมินที่ระเบิดออกมา

 

ความคิดของชูฮันไม่ได้ถูกขัดเลยสักนิด ชูฮันยังไม่แม้แต่จะหันกลับมองอีกฝ่ายเลย เสียงเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายที่มาจากข้างหลังเริ่มเข้ามาใกล้ชูฮันขึ้นเรื่อยๆและชูฮันสัมผัสได้ถึงความกดดันในอากาศและบางอย่างที่แทรกผ่านอากาศลงมาอย่างแรงพุ่งเป้ามาที่ชูฮัน

 

พร้อมกับหยวนหมินกลุ่มคนที่มีรอยยิ้มชั่วร้ายกำลังรอคอยที่จะได้เห็นหน้าของไอ้เด็กอวดดี มันกล้าบุกเข้ามาในเขตของพวกเขาและทำเก่งใช่มั้ย?

 

แต่ทันทีที่ทุกคนได้ปล่อยความบ้าคลั่งของตัวเองไปเพียงแค่วินาทีเดียว วินาทีต่อมามันก็ถูกแทนที่ด้วยการตะลึงและส่ิงที่น่าเหลือเชื่อ

 

พ้ะ!

 

เสียงกระแทกบางอย่างดังขึ้น หมัดของหยวนหมินที่กำลังจะกระแทกใส่ด้านหลังของชูฮัน จู่ๆตัวของหยวนหมินก็ปลิวกระเด็นลอยไปกระแทกพื้นห่างออกไปหลายเมตรจนพื้นดินนั้นแตกเป็นรอยทางยาวทันที!

Apocalypse Meltdown

Apocalypse Meltdown

มันเป็นโลกที่ซอมบี้และมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยความสิ้นหวัง สนามแม่เหล็กของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงและทุกอย่างได้ย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้น วันหนึ่ง วีรบุรุษของพวกเรา…ชูฮัน ได้เดินทางย้อนเวลากลับมาสิบปีก่อนโดยไม่รู้ตัว เขาได้ย้อนกลับมาก่อนจุดจบของโลกจะเริ่มต้นขึ้น (โลกาวินาศ) เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงดังในหอพักในมหาวิทยาลัยหมิงชิว ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ชูฮันต่อสู้กับเหล่าซอมบี้นับสิบๆตัวก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถเพื่อขโมยรถยนต์เมอร์ซิเดซ-เบนซ์G55ออกมา เขาตัดสินใจที่จะตามหาพ่อแม่และพี่น้องของเขาด้วยG55คันนี้ ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเสียใจที่ไม่ได้ทำในชาติที่แล้ว ระหว่างทางชูฮันได้พบปะกับคนกลุ่มหนึ่งที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนที่ติดอันดับ 20 ของโลกาวินาศรวมอยู่ด้วย…เฉินช่าวเย่ พวกเขาพบกับซอมบี้จำนวนมากระหว่างทางบนทางหลวง ซึ่งชูฮันได้ใช้รถ G55 พุ่งชนเหล่าซอมบี้จนเละ และในตอนนั้นเอง ชูฮันถึงตระหนักได้ว่าทั้งหมดนี้คือระบบล่มสลาย และเขาสามารถได้คะแนนจากการฆ่าซอมบี้ทั้งหลาย ซึ่งเขาสามารถเอาคะแนนพวกนี้ไปแลกเปลี่ยนเป็นความสามารถพิเศษอะไรก็ได้ และในตอนนั้นเอง การเดินทางของชูฮันก็ได้เริ่มต้นขึ้นไปพร้อมๆกับระบบล่มสลาย นี่เป็นเรื่องราวของระบบล่มสลาย โดยมีเขา…ชูฮัน เป็นคนดำเนินเรื่องราว

Comment

Options

not work with dark mode
Reset