“ฉันคือชูฮัน”
ชูฮันพูดน้ำเสียงเรียบๆออกไปสี่คำ ทั้งบริเวณตกอยู่ในความเงียบอยู่หลายนาที สมองของทุกคนหยุดทำงานด้วยเพราะความช็อคราวกับว่าวิญญาณได้หลุดออกไปจากร่าง
โดยเฉพาะหยวนหมิน ที่ตอนนี้หน้าตาเหลอหลาเหมือนกับคนโง่ เขามีคำมั่นสัญญา เขาเชื่อมั่นและในความเชื่อของตัวเองมาตลอดครึ่งปี และในที่สุดเขาก็ได้เจอกับคนที่เขาศรัทธามาตลอดและในขณะที่กำลังจะไปจัดการกับคนที่เขาต่อต้านและเกลียดแค้นมาตลอดครึ่งปี มันกลับกลายเป็นว่าคนคนนั้นคือหัวหน้าของเขานั่นเอง?
ที่สิ่งที่หยวนหมินยิ่งกว่ารับไม่ได้ก็คือเขาพึ่งจะพ่นคำหยาบมากมายใส่ชูฮันที่อยู่ตรงหน้านี่ไป…
ซึ่งคำด่าที่หยวนหมินพูดไปนั่นไม่ได้เบาเลยสักนิด หยวนหมินคิดว่าตอนนี้เขาเหมือนกับยืนอยู่ที่ขอบหน้าผาและสถานการณ์เมื่อครู่ก็ไม่ต่างอะไรกับการก้าวเท้าพลาด ตอนนี้อารมณ์ของหยวนหมินปั่นป่วน มันเต็มไปด้วยความกลัวและหวาดกังวล
ชูฮันคือหัวหน้า หัวหน้าคือชูฮัน!
“หัวหน้า! กลายเป็นว่าหัวหน้าคือชูฮัน ผมก็ว่าทำไมหัวหน้าถึงได้ทรงพลังและเก่งกาจขนาดนี้ ก็เพราะว่าหัวหน้าคือชูฮันผู้โด่งดังนี้เองครับ!” คำพูดของชูฮัน ทำให้เหล่าลูกน้องของหยวนหมินที่อยู่รอบๆหันขวับมามองทันที
ชูฮันทำเพียงแค่ยดยิ้มมุมปาก ไอ้หยวนหมินนี่ใช้ได้เลย
“สิทธิอันชอบธรรมของหัวหน้า” หยวนหมินรีบเปลี่ยนสีหน้าทันที และทันใดนั้นหยวนหมินก็นึกถึงสถานการณ์ปัจจุบันของตัวเองหลังจากที่ประกาศก้องไปก่อนหน้านี้ หยวนหมินกำลังเป็นกังวลเกี่ยวกับชีวิตของตัวเอง “ผมยังสามารถไปที่ตั้งมั่นได้อยู่มั้ยครับ? มันมีกองกำลังขนาดใหญ่พอสมควรตั้งมั่นอยู่ที่นั่น มันปลอดภัยกว่าที่นี้ แต่หลังจากที่ผมมักมีปัญหากับพวกทหาร ผมไม่สามารถไปที่นั่นได้อีกครับหัวหน้า หัวหน้าช่วยพูดให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ ให้ผมกลับไปได้?”
หลังจากที่หยวนหมินพูดออกไป เหล่าลูกน้องทั้งหลายของหยวนหมินเองต่างก็รอคอยคำตอบของชูฮันอย่างมีความหวังเช่นกัน พวกเขาไม่อยากจะเป็นศัตรูกับชูฮัน พวกเขาแค่อยากจะได้ที่ปลอดภัยเพื่ออยู่อาศัย ตอนนี้ความกลัวของทุกคนทะลักออกมาอย่างเห็นได้ชัดแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะสามารถติดตามชูฮันไปที่ตั้งมั่นได้?
ชูฮันหยุดคิดชั่วครู่หนึ่งและเงยหน้าขึ้นมองหยวนหมินด้วยสายตาแปลกๆ
“เอ่อ หัวหน้า?” หยวนหมินที่โดนจ้องหัวใจเต้นรัว เขาพยายามฝืนตัวเองให้ยิ้มออกมา “ที่จริง ผมน่าจะสามารถไปจัดการเรื่องนี้ให้จบสวยๆได้ด้วยตัวเองครับ”
ชูฮันยกยิ้มมุมปากอย่างขำในใจ ไอ้นี่นี้มันมีความสามารถจริงๆ
“นายไม่จำเป็นต้องไปที่ตั้งมั่น” จู่ๆชูฮันก็พูดขึ้น
“ไม่ หัวหน้า หัวหน้าทิ้งผมไม่ได้นะ ผมสามารถเรียนรู้จากหัวหน้าได้!” หยวนหมินโวยวายลั่นพร้อมกับกระตุกขากางเกงชูฮันไม่เลิก เขาร้องอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร
ชูฮันสะบัดขาออกจนหยวนหมินจนกระเด็น “พาลูกน้องของนายไปที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าและตามหาคนที่ชื่อกูเหลียงเฉิน ให้เขาทำการฝึกฝนให้พวกนายซะ แล้วก็รับหน้าที่ในกระทรวงการต่างประเทศ”
“กระทรวงการต่างประเทศ?” หยวนหมินที่ศรัทธาในชูฮันอย่างเหลือล้นโดยไม่คำนึงถึงอาการบาดเจ็บของตัวเองเลย “ได้ครับหัวหน้า ผมจะทำงานนี้อย่างเต็มที่ ผมจะเป็นเจ้าหน้ากระทรวงการต่างประเทศที่ขยันที่สุด ผมจะเป็นข้ารับใช้ที่ดีของหัวหน้าครับ”
ความเข้าใจของหยวนหมินนั้นผิดพลาดไปอย่างสิ้นเชิง ชูฮันที่อยากจะอ้วกกับคำพูดเลี่ยนๆของหยวนหมินได้แต่เตะหยวนหมินออกไปจากขาเขาอีกครั้ง แล้วชูฮันก็จากไปทันทีโดยไม่แม้แต่จะเหลียวหลังกลับมามอง เขาทิ้งไว้เพียงแค่ประโยคเดียวที่หยวนหมินสามารถเข้าใจได้
“เล่นเกมส์อย่างชาญฉลาดล่ะ”
หลังจากชูฮันจากไป เหล่าลูกน้องของหยวนหมินก็เริ่มพูดขึ้นทันที “พี่หยวน เราต้องไปคอยเสริ์ฟน้ำชาให้ไอ้พวกที่ทำตัวเหมือนไม่มีมือเนี่ยน่ะ?”
“ไม่ ไม่” หยวนหมินยิ้ม “มาเก็บข้าวของกัน ฉันจะไปเป็นนักการทูต”
ตอนที่ชูฮันบอกว่าเขาต้องไปทำการฝึก หยวนหมินก็รู้ได้เลยว่าชูฮันยอมรับเขา แม้เขาจะไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการทูต แต่ในเมื่อหัวหน้าให้เขาได้ทำการฝึก หยวนหมินก็เต็มไปด้วยความมั่นใจและกระตือรือร้น
การที่ชูฮันมอบหมายงานให้หยวนหมินนั้นทำให้หยวนหมินดีใจและตื่นเต้นอย่างมาก ความชื่นชมที่มีต่อชูฮันยิ่งพุ่งทะลักออกมาจนล้น หยวนหมินติดตามชูฮันไม่ใช่แค่เพราะอำนาจและความเก่งกาจแต่ยังเป็นเพราะภูมิปัญญาที่ยากจะหาใครเทียบได้
การได้ติดตามคนที่สุดยอดอย่างชูฮันนั้นไม่มีอะไรจะสุดยอดกว่านี้แล้ว!
สำหรับการกระทำหลังจากนี้ ชูฮันขี้เกียจเกินกว่าจะถาม ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวของหยวนหมินเอง ถ้าคุณมีความทะเยอทะยานที่จะก้าวไปข้างหน้าและความเข้าใจในสถานการณ์ที่ตัวเองเผชิญอยู่ รู้ว่าใครคือผู้กุมอำนาจที่แท้จริงและควรอยู่ฝ่ายไหน ชูฮันก็จะให้โอกาส หยวนหมินจะทำได้มั้ย? พูดได้ว่าการฝึกของกูเหลียงเฉินนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าการฝึกของกองทัพเขี้ยวหมาป่าเลย
และชูฮันก็มองหยวนหมินออก หยวนหมินเป็นคนที่พูดเป็น!
เมื่อเทียบกับติงซือเย้าที่ไม่มีคุณสมบัติของการทูตเลย หยวนหมินนั้นเหมาะสมที่จะอยู่ในแผนกกระทรวงการต่างประเทศกว่าอย่างเห็นได้ชัด มันยังมีค่ายขนาดเล็ก ค่ายย่อยอีกมากมายในจีน ในอนาคตกระทรวงการต่างประเทศจะมีบทบาทสำคัญในวาระการประชุมอย่างมาก อีกอย่างตอนนี้ค่ายเขี้ยวหมาป่าก็ยังไม่มีระบบการทูตอย่างเป็นทางการ แต่เราสามารถฟูมฟักและเสริมสร้างก่อนได้
การส่งติงซือเย้าไปรับมือกับตวนเจียงเหว่ยนั้นเรียกได้ว่าครึ่งเดียวของการทูตที่แท้จริง ที่ติงซือเย้ารอดปลอดภัยกลับมาได้นั่นเป็นเพราะว่าติงซือเย้าไม่มีประโยชน์ใดๆต่อตวนเจียงเหว่ยนั้นเอง แน่นอนว่ามันได้สร้างข้อสงสัยมากมายให้แก่ตวนเจียงเหว่ย แต่นอกเหนือจากค่ายตวนแล้ว ชูฮันจะไม่ส่งติงซือเย้าไปทำหน้าทางการทูตกับค่ายไหนๆอีก และชูฮันก็มองว่าติงซือเย้าเหมาะที่จะอยู่คุ้มกันที่ค่ายเขี้ยวหมาป่ามากกว่า
ชูฮันต้องการคัดเลือกความสามารถที่เหมาะสมของแต่ละคนในการมอบหมายหน้าที่
ตำแหน่งที่ต้องทำการกวาดล้างซอมบี้นั้นได้รับการจัดการเรียบร้อย ชูฮันไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่า เขาได้เจอกับกองทัพเขี้ยวหมาป่าทันทีซึ่งประจำการอยู่ที่พื้นที่นั่น แต่แล้วชูฮันก็สังเกตได้ถึงสถานการณ์ที่ผิดปกติ
ทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่ายืนนิ่งตรงหลังจากพึ่งทำการไล่ฆ่าฝูงซอมบี้เสร็จ ที่ซึ่งรอบๆตัวพวกเขามีแต่ศพซอมบี้จำนวนมากกำลังถูกเผา กูเหลียงเฉินที่มีธุระมากมายไม่ได้อยู่คุมทหารที่นี้ เพราะเขารู้ว่าทั้ง 700 คนนี้ไม่จำเป็นต้องมีกัปตันหลังจากการฝึกครั้งแรกผ่านไป เขาเพียงแค่สังเกตการณ์และเห็นว่าทุกอย่างเป็นไปตามแบบแผนการรบทั้งหมด ไม่มีอะไรผิดพลาด
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 700 ที่ได้เห็นชูฮันปรากฏตัวขึ้นก็รู้สึกได้ว่ามันต้องมีบางอย่างผิดปกติ และยิ่งได้เห็นสีหน้าของชูฮัน ทุกคนก็ยิ่งคิดว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในปัญหารึเปล่า?
ชูฮันไม่พูดอะไรสักคำ เขาเดินเข้าไปในที่พัก
มันใช้เวลาไม่นาน กลุ่มของผู้อพยพก็ปรากฏตัวในระยะสายตาของชูฮัน คนประมาณ 50 คนอยู่ในที่ตั้งมั่นของกองทัพเขี้ยวหมาป่า
เมื่อได้เห็นฉากนี้ คิ้วของชูฮันก็กระตุกและรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดี