“เมื่อไหร่ท่านชูฮันจะมา?” ท่ามกลางกลุ่มผู้อพยพ ชายร่างยักษ์คนหนึ่งก็เปิดคำถามขึ้นมา ซึ่งอีกฝ่ายก็คือกองทัพเขี้ยวหมาป่า “พวกคุณได้พิจราณาข้อเสนอของพวกเราหรือยัง อย่าเสียเวลากันและกันเลย ก็แค่การแลกเปลี่ยนง่ายๆยังจะต้องถามหัวหน้าอีกเหรอไง พวกคุณคงไม่ได้จงใจถ่วงเวลาหรอกใช่มั้ย?”
กลุ่มสองสามกลุ่มมองหน้ากันและกันไปมา ในที่สุดกลุ่มย่อยที่สองซึ่งมีกัปตันเป็นซูเซียงหลงก็ก้าวหน้าออกมา เขาพยายามข่มความหงุดหงิดภายในใจเอาไว้และพูดด้วยความอดทนที่มากที่สุดในชีวิต “ข้อเสนอของพวกคุณได้รับการพิจารณาเรียบร้อยแล้ว ฉันต้องขอโทษด้วย กองทัพเขี้ยวหมาป่าไม่สามารถทำการตกลงได้”
“อะไรนะ?” หลายคนของอีกฝ่ายไม่อยากจะเชื่อ บางคนเกิดความไม่พอใจขึ้นมาทันที
“พวกแกมันสมองฝ่อไปหมดแล้วเหรอไงห้ะ? พวกเรายื่นข้อเสนอให้อย่างจริงใจ พวกแกมันโง่ หน้าโง่!”
“ถ้าไม่เพราะว่าพวกเรามองเห็นพวกแกเป็นเพื่อนเป็นครอบครัว คิดเหรอว่าพวกเราจะยอมร่วมมือด้วย? ฝันไปเถอะ!”
“แกมีสิทธิทำการตัดสินใจด้วยเหรอ? เรียกคนในทีมแกที่มีสิทธิออกมาพูดสิ!”
ทั้ง 50 ในกลุ่มผู้อพยพต่างใส่อารมณ์ลงไปในคำพูด ท่าทางของพวกทั้งเย่อหยิ่ง สีหน้าก็แสดงความไม่พอใจออกมาชัดเจน ทำให้เหล่าทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่าต้องหันกลับมามองหน้ากัน สีหน้าของแต่ละแตกต่างกันไป ทั้งหงิดหงิด รำคาญ โมโห
ชูฮัน ที่ยืนอยู่ห่างออกไปไม่เข้าว่าแลกเปลี่ยนอะไรกัน?
“ฉันบอกให้นะ ซูเซียงหลง!” ในตอนนั้นเอง ก็มีชายที่ดูหยาบกระด้างคนหนึ่งกระโจนออกมา “วันนี้ ถ้านายรับประกันการแลกเปลี่ยน พวกเราจะทำการคุ้มกันทีมขนส่งเสบียงประจำวันของพวกนายให้ปลอดภัย และตามการทำงานประจำวันของเรา พวกนายต้องให้คริสตัลกับพวกเราเป็นการตอบแทน อย่ามาโทษฉันละกันถ้ามีอะไรผิดพลาด และถ้านายไม่เห็นด้วย เสบียงอาหารและข้าวของที่คนของพวกนายมาส่งให้ทุกวัน ฉันไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยให้ได้นะ”
หลังจากอีกฝ่ายพูดเสร็จ ทหารกองทัพเขี้ยวหมาป่าหลายคนก็สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที “พวกนายต้องการอะไร?”
“หึ! ต้องการอะไรงั้นเหรอ?” ชายท่าทางหยาบกระด้างอธิบาย “อย่าทำให้ตัวเองดูอับอายไปกว่านี้เลย กูมาทำการแลกเปลี่ยนกับพวกมึงที่นี้ ต้องขอบพระคุณอย่างสูงที่ทิ้งพวกเราไว้เบื้องหลัง แล้วถ้าพวกมึงไม่ได้รับเสบียงอาหาร พวกมึงก็จะอดยากจนตายอยู่ที่นี้ หรือถ้าพวกมึงส่งคริสตัลกลับไปที่ค่าย คริสตัลพวกนั้นก็จะถูกพวกเราปล้นระหว่างทาง พวกมึงมีมนุษย์สายพันธ์ในทีมแค่ไม่กี่คนสำหรับทำหน้าขนส่ง แถมยังเป็นแค่วิวัฒนาการระยะ 1!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซูเซียงหลงก็ยิ้มออกมาและอดไม่ได้ที่จะกวาดตามองไปรอบๆ “แล้วในเขตของแกมีคนเท่าไหร่ล่ะ? 50? ที่นี้กองทัพเขี้ยวหมาป่ามีคน 700 คน พวกแก—–“
“แต่ระดับสูงที่สุดของทั้ง 700 คนมันก็แค่วิวัฒนาการระยะ 3 หนิ?” ชายท่าทางหยาบกระด้างพูดแทรกซูเซียงหลงขึ้นมาอย่างไร้มารยาท
ทันทีที่พูดจบ ทั้ง 50 ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“หัวหน้าของพวกเราเป็นวิวัฒนาการระยะ 5 พวกแกมีกี่คนล่ะ? จำนวนมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ท่ามกลางทหาร 700 คนของพวกแก?”
“คนธรรมดามีอยู่เต็มไปหมดทุกที่ แต่มนุษย์สายพันธุ์ใหม่นั้นหายาก!”
“พวกแกก็เก่งแต่จัดการกับซอมบี้อ่อนๆสินะ? ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ชูฮันที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างจากระยะไกลก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะในใจ คนพวกนี้มันกล้ามาจากไหน? จะปกป้องทีมขนส่งรายวันของแผนกโลจิสติกส์? ในความคิดของชูฮัน คนกลุ่มนี้น่าจะปล้นบนถนนเป็นอาชีพ แต่พอเห็นทหารจำนวนมากของเขาและรู้ว่าไม่สามารถทำอะไรได้ก็เลยมาเจรจาและข่มขู่ เหอะ!
สำหรับปัญหาเรื่องความอันตรายจากค่ายเขี้ยวหมาป่าถึงบริเวณเส้นถนน ไม่ว่าจะเป็นพวกสัตว์ประหลาดหรือซอมบี้ได้ถูกกำจัดหมดแล้ว มันไม่มีอันตรายอะไรบนถนนแล้ว คนพวกนี้คิดจะหลอกต้มทหารของเขาสินะ
ดูเหมือนว่าการกระทำของกองทัพเขี้ยวหมาป่าในเมืองอันลูจะดึงดูดกลุ่มพวกอพยพขนาดใหญ่พอสมควร พวกเขาคิดจะทำเงินจากกองทัพเขี้ยวหมาป่า!
น้ำเสียงหัวเราะเยาะเย้ยที่เกินจริงดำเนินต่อไป เหล่าทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่าเริ่มนิ่วหน้าอย่างไม่พอใจ แน่นอนว่ากูเหลียงเฉินเป็นคนที่มีหน้าที่ทำการตัดสินใจ แต่กูเหลียงเฉินไม่ได้อยู่ที่นี้ เช่นเดียวกับท่านพลเอกชูฮัน
ในขณะที่ชายร่างยักษ์ที่แสนจะหยาบคายอ้างว่าตัวเองทำการฝึกฝนเพื่อฆ่าซอมบี้มา เหล่าทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่าก็ยังสับสนว่าควรจะรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้ายังไง ซอมบี้และมนุษย์นั้นเป็นคนละเรื่องกันเลย วิธีในการจัดการหรือรับมือก็ต่างอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งระดับความสามารถของคนพวกนี้ก็ไม่ธรรมดา โดยเฉพาะตัวหัวหน้าที่เป็นถึงวิวัฒนาการระยะ 5 ซึ่งสูงกว่าวิวัฒนาการที่สูงสุดในทีมพวกเขาตอนนี้อีก
ถ้าอีกสามทีมซึ่งเป็นกำลังหลักของกองทัพเขี้ยวหมาป่าอยู่ที่นี้ด้วยมันก็คงดี แต่ปัญหาก็คือคนพวกนั้นไม่ได้อยู่ที่นี้นั่นเอง!
สมาชิกคนไหนก็ตามที่มีพละกำลังดีได้ถูกย้ายตัวไปเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เอง ไม่ว่าจะไปทำหน้าที่เฝ้าระวังความปลอดภัยชั่วคราวหรือเข้าร่วมกับอีกสามทีม ตอนนี้กองทัพเขี้ยวหมาป่าที่เหลือเรียกได้ว่าเป็นกลุ่มคนธรรมดาล้วนๆ พวกเขามีความสามารถแค่ในการจัดการกับซอมบี้ไร้สมอง
นี้เองก็เป็นอีกหนึ่งกรณีที่พวกแก๊งนักเลงพวกนี้ถึงกล้าที่จะมาต่อกรกับกองทัพเขี้ยวหมาป่า
“เมื่อไหร่ที่ไอ้พวกทหารรับใช้จะส่งเสบียงรอบใหม่มาอีก!” ชายร่างยักษ์ถามด้วยท่าทางขู่เข็ญ น้ำเสียงกระชากโฮกฮาก และจู่ๆก็ตวัดขาเตะใส่กล่องที่อัดแน่นไปด้วยเสบียงอาหาร
“ปัง!”
เกิดเสียงดังปัง กล่องถูกเตะอย่างแรงจนแตก อาหารทะลักออกมา เมล็ดข้าวสาดกระจายไปทั่วพื้น
“หยุดนะ! แกกำลังทำอะไร” ซูเซียงหลงเริ่มโกรธ เขาผลักชายร่างยักษ์ออกไป จ้องเขม็งไปที่อาหารที่ถูกทำลายที่พื้น
กองทัพเขี้ยวหมาป่าตกอยู่ในโกลาหล พวกเขารอคอยเสบียงอาหารมาส่งด้วยความหิวโหยตลอดทั้งวัน ไม่คิดเลยว่าจะมีคนกล้ามาเตะกล่องเสบียงอาหารทิ้งแบบนี้
“ทำยังไงดีล่ะ? ฮ่าฮ่าฮ่า!” ท่ามกลางความโกรธจัดของกองทัพเขี้ยวหมาป่า ชายร่างยักษ์เอาแต่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ซูเซียงหลง ไม่ใช่จะดูถูกอะไรน่ะ แกก็เก่งดี แต่แกเป็นแค่วิวัฒนาการระยะ 3 ฉันอยากจะหัวเราะให้บ้าตาย นี่แกยังกล้าบอกว่าตัวเองเป็นนักรบสงครามเนี่ยนะ? วิวัฒนาการระยะ 3 สามารถเป็นกัปตันเขตได้ ทั้งกลุ่มทหาร คนที่มีพลังสูงสุดคือวิวัฒนาการระยะ 3”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” กลุ่มผู้อพยพรอบๆหัวเราะอย่างน่ารังเกลียด
“นี่มันน่าตลกเกินไป ฮ่าฮ่าฮ่า! ในกลุ่มพวกแกไม่มีใครสักคนที่สู้กับพวกเราได้”
“เราอุตส่าห์มีมารยาทดีมาด้วยตั้งนาน! ทุกคน เราขอเก็บอาหารล็อตนี้ไว้เอง!”
“ดีเหลือเกิน ฉันไม่กินอาหารร้อนๆสะอาดๆอย่างนี้มานานแล้ว”
ในขณะที่ความโกลาหลเกินการควบคุม กองทัพเขี้ยวหมาป่าที่วางแผนไว้แล้วก็กำลังจะพุ่งตัวออกไป จู่ๆมันก็มีน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรังเกลียดดังขึ้นเบาๆ “ฉันได้ยินว่า คุณต้องการแลกเปลี่ยนกับฉัน?”