Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย – ตอนที่ 637 ลักพาตัว?

การทดสอบครั้งแรก ชูฮันใช้วิธีการป้องกันความสูญเสีย แต่หลังจากการสังเกตการณ์ เขาก็พบว่ามันมีข้อบกพร่องมากมาย โดยเฉพาะในเกือบทุกคอร์ดสามเทนนิส เพราะมันมีซอมบี้หนอน แมลง และหนูมากมายตามเท้าของทุกคน มันจึงส่งผลต่อความเร็วในการฆ่าซอมบี้คน ซึ่งผลกระทบของการควบคุมความเร็วของอาจจะเป็นเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็กก็ได้ แต่ถ้าเป็นการต่อสู้ที่กลุ่มใหญ่กว่านี้ ผลกระทบมันอาจจะใหญ่หลวงได้

 

ผลตามมาที่ร้ายแรงที่สุดก็คือมันช้าเกินไป!

 

สิ่งที่ชูฮันไม่พอใจมากที่สุดไม่ใช่เหล่านักรบของกองทัพเขี้ยวหมาป่า ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี พวกเขาจัดการซอมบี้คนได้โดยไม่มีการเสียชีวิต แต่กับพวกซอมบี้สัตว์ตัวเล็กนั้นมันอีกเรื่องหนึ่ง จำนวนของพวกมันใหญ่มากและไม่สามารถประมาณได้ ทั้งคอร์ดสนามเทนนิสที่แสนกว้างใหญ่เต็มไปด้วยซากศพของพวกซอมบี้สัตว์ตัวเล็กที่โดนบี้จนเละเป็นปุ๋ย

 

ชูฮันไม่พอใจตัวเอง เพราะจำนวนมาก ขนาดที่เล็กและความว่องไวของพวกมัน ส่งผลให้พละกำลังของเหล่านักรบของพวกเขาโดนดูดทิ้งไปอย่างมาก

 

ดูเหมือนว่าการทดลองครั้งนี้จะสำเร็จ แต่ความจริงคือมันเป็นการสิ้นเปลืองพละกำลังของเวลาของทุกคน เขาจะต้องคิดหาวิธีทางอื่นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

เมื่อเดินกลับมาถึงที่ตั้งมั่น ชูฮันก็รีบตามหาผู้บัญชาการทันที “ไปเรียกผู้บัญชาการมาที”

 

นายทหารที่ประจำการอยู่มองชูฮันตากระพริบ จ้องนิ่งอยู่พักหนึ่ง “ท่านพลเอกรู้ได้ยังไงครับว่าหัวหน้าเจียงอยู่ที่นี้ครับ? หัวหน้าเจียงมีบางอย่างจะรายงานท่านพลเอกอยู่พอดีเลย ผมจะไปตามหัวหน้ามาให้เดี๋ยวนี้ครับ!”

 

คิ้วของชูฮันย่น เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจียงเทียนชิงอยู่ที่นี้ โดยทั่วไปแล้วเขามักจะไม่ค่อยได้เจอกับเจียงเทียนชิงที่มักออกไปลาดตระเวนอยู่เสมอ ครั้งนี้เจียงเทียนชิงไม่ได้อยู่ที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าแต่กลับมาอยู่ในที่ตั้งมั่นในเมืองอันลูแทน แสดงว่ามันต้องมีความผิดปกติบางอย่างที่หน่วยสอดแนมเจอแน่ๆ?

 

“พี่ชูฮัน” ไม่นาน เจียงเทียนชิงก็รีบวิ่งเข้ามาข้างใน

 

เมื่อเห็นท่าของเจียงเทียนชิง ชูฮันก็ต้องถอนหายใจออกมา ท่าทางเร่งรีบของเจียงเทียนชิงแสดงให้เห็นชัดเจนเลยถึงความเร่งด่วน

 

“พูดมาสิ” ชูฮันคาดการณ์ถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดไว้ในหัว เขานั่งลงเงียบๆรอให้เจียงเทียนชิงพูด

 

คิ้วของเจียงเทียนชิงขมวดเข้าหากันและเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง “แผนกสอดแนมพัฒนาไปอย่างรวดเร็วหลังจากก่อตั้งของแผนกสอดแนมขึ้นอย่างเป็นทางการ ตามที่หัวหน้าสอนผม ตอนนี้ความหมายของแผนกสอดแนมและแผนกลาดตระเวนไม่เหมือนกันอีกต่อไปแล้วครับ แต่ระหว่างการพัฒนาเติบโตของแผนกสอดแนมของเรา ผมได้ค้นพบบางอย่างที่ไม่ถูกต้องครับ”

 

ชูฮันพยักหน้า ซึ่งมันหมายถึงเขายอมรับ แววตาของชูฮันล้ำลึก “มีบางคนทำผิด?”

 

“จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกครับ” เจียงเทียนชิงดูเหมือนจะลังเล แต่แล้วก็ตัดสินใจกัดฟันพูดออกไป “มันคือกูเหลียงเฉินครับ หลังๆมานี้เขาติดต่อกับหลายคนมาก ซึ่งมันไม่ใช่คนในค่ายเขี้ยวหมาป่าครับ วิธีการของเขาซับซ้อนและจับได้ยากมาก มันถูกสับเปลี่ยนติดต่อผ่านทางบุคคลที่สามทำให้ผมสืบนานมากกว่าจะเจอต้นตอครับ”

 

เมื่อได้ยินชื่อของกูเหลียงเฉิน ชูฮันก็หันมาสบตาเจียงเทียนชิงทันที หลังจากสบตาอยู่หลายครั้ง ชูฮันก็พยายามระงับความสับสนในหัวใจของตัวเองให้สงบเอาไว้

 

เมื่อเห็นสีหน้าของชูฮัน เจียงเทียนชิงก็ยิ่งรู้สึกหมดหนทาง “พี่ชูฮัน ผมเข้าใจพี่ พี่มอบหน้าที่และความไว้ใจให้เขา แต่เขากลับเล่นเล่ห์กลแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นสายลับที่ส่งมาจากกองกำลังอื่น”

 

ชูฮันยกยิ้มมุมปาก “มีใครรู้เรื่องนี้อีก นายบอกกับใครไปบ้าง?”

 

“ไม่ครับ นี้เป็นเรื่องด่วน ผมรีบมารายงานกับพี่ทันทีที่ผมรู้ครับ” เจียงเทียนชิงเห็นท่าทางที่ดูเฉยเมยของชูฮันก็กระตือรือร้นบอกคำแนะนำ “ผมรู้ครับว่าพี่ชูฮันอาจจะไม่เชื่อผม แต่ผมสาบานได้ว่ามันคือความจริง ทีมสอดแนมเจอว่ากูเหลียงเฉินกำลังทำบางอย่างที่ผิดปกติและมันเป็นอย่างนี้หลายครั้งแล้ว รวมถึงเขาก็ไม่มาอยู่ประจำการทำหน้าบัญชาการที่นี้อีก”

 

จากคำแนะนำของเจียงเทียนชิง แน่นอนว่าชูฮันมีความไม่พอใจเล็กน้อย มันเรื่องจริงที่กูเหลียงเฉินเป็นสายลับ เขาถึงจงใจออกแบบภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ให้กูเหลียงเฉิน ไม่แปลกใจที่เจียงเทียนชิงจะเป็นกังวลอย่างมาก อีกทั้งเหตุการณ์นี้ยังพิสูจน์ความสามารถที่เพิ่มขึ้นเท่าตัวของทีมสอดแนมให้เห็นอีกด้วย เหนือความคาดหมายที่กูเหลียงเฉินจะไม่รอบคอบและทำให้ตัวเองโดนจับได้

 

“นอกจากนี้มีอะไรอีกไหม?” ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชูฮันทำให้เจียงเทียนชิงสับสน จู่ๆชูฮันก็เปลี่ยนหัวข้อ

 

เจียงเทียนนิ่วหน้า “นอกจากนี้ กองกำลังของชินหยวนได้เดินทางมาถึงค่ายเขี้ยวหมาป่าแล้วครับ มันมีผู้รอดชีวิต 10,000 คน ตอนนี้เจ้าหน้าที่แผนกหน่วยข่าวกรองกำลังทำหน้าเก็บรวมรวบข้อมูลของทุกคนอยู่ครับ มันเป็นกลุ่มคนขนาดใหญ่และค่ายของเราก็อยู่ในช่วงก่อสร้างด้วย เราอาจมีปัญหาเรื่องอาหารและสิ่งของต่างๆขาดแคลนตามมาอีกไม่นาน ถ้าเรายังไม่รีบทำการแก้ไข มันอาจก่อให้เกิดความสับสนได้ครับ”

 

ชูฮันพยักหน้า เขาเองก็ขบคิดอยู่ในหัว “ก่อนอื่นทำการบันทึกข้อมูลของกลุ่มผู้อพยพจากค่ายเจียนอี๋ให้เรียบร้อย ส่วนเรื่องปัญหาเรื่องขาดแคลนเสบียงฉันจะแก้ไขให้เองอีกไม่กี่วัน ส่วนนายไปตามหากัปตันเสี่ยวเคินของทีมกุ้งเสือดำ บอกเขาว่าให้สมาชิกของทีมกุ้งเสือดำทั้งหมดหยุดการฝึกทันที ให้ทุกคนมุ่งหน้าไปหาซูชิง ให้เรียนรู้การก่อสร้างกำแพง ให้พวกเขาเรียนตั้งแต่ขั้นพื้นฐานที่สุดของการสร้างกำแพงให้ได้ภายในสองวัน และไปลักพาตัวชินหยวนมาเจอฉันที่นี้”

 

ชูฮันคิดถึงทางออกของการขาดแคลนเวลาเพราะซอมบี้สัตว์เล็กๆได้แล้ว!

 

“อ่า…” เจียงเทียนชิงอึ้งพูดอะไรไม่ออก เขาหมุนหัวไปมา ให้สมาชิกทีมกุ้งเสือดำไปเรียนวิธีสร้างกำแพง?  จากนั้นให้ไปลักพาตัวชินหยวน? นี้มันอะไรกัน? หัวหน้าต้องการจะทำอะไรกันแน่?!

 

ชูฮันไม่คิดอธิบายให้เจียงเทียนชิงเข้าใจ เขาหยิบกระดาษขึ้นมาหนึ่งแผ่นและเริ่มเขียนลงไป จากนั้นก็พับลงในซองจดหมายและพูดขึ้นอีกครั้ง “ส่วนกูเหลียงเฉิน นายเอาจดหมายนี้ให้เขา ไม่ต้องสนใจใครทั้งนั้น และต่อไปนี้นายจะต้องรายงานเรื่องของเขาให้ฉันฟังคนเดียวเท่านั้น”

 

เจียงเทียนชิงรับจดหมายมา เขาล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการพยายามทำความเข้าใจกับการกระทำของชูฮัน แต่พี่ชูฮันเป็นนักยุทธศาสตร์ เขาเชื่อมั่นในตัวพี่ชูฮ้นและจะปฏิบัติตามคำสั่งทุกอย่าง ทว่าจากที่ตั้งมั่นในเมืองอันลูกลับไปค่ายเขี้ยวหมาป่า พี่ชูฮันมีคำสั่งให้เขาถึงสามคำสั่ง มีเพียงแค่คำสั่งแรกเท่านั้นที่ให้เหตุผลว่าจะกลับไปแก้ไขปัญหา ทว่าคำสั่งอีกอันที่ให้ทีมกุ้งเสือดำไปเรียนรู้วิธีสร้างกำแพงและไหนจะที่ให้ทำตัวปกติเรื่องของกูเหลียงเฉินอีก เจียงเทียนชิงไม่สามารถที่จะสัมผัสกับความคิดของชูฮันได้เลยแม้แต่น้อย

 

ตอนช่วงบ่าย กูเหลียงเฉินก็ได้รับจดหมายจากชูฮัน ภายใต้สายตาที่เฝ้ามองอยู่อย่างไม่ไว้วางใจของเจียงเทียนชิง กูเหลียงเฉินที่เอาแต่ถามคำถามเดิมซ้ำไปมาอยู่หลายครั้ง “ท่านพลเอกพูดแค่นี้จริงๆเหรอ?”

 

“ฉันไม่รู้เลยว่าท่านหัวหน้าเขียนอะไรถึงนาย อย่าถามฉันเลย เชื่อเถอะว่าฉันไม่สิทธิดู” น้ำเสียงของเจียงเทียนชิงไม่ค่อยเป็นมิตร เขาจ้องกูเหลียงเฉินเขม็ง พยายามจับผิดท่าทางของอีกฝ่ายให้ได้

 

กูเหลียงเฉินตะลึงและมึนงงกับคำพูดและน้ำเสียงของเจียงเทียนชืง เขาอยากจะเจอชูฮันเหลือเกินเพราะคนของเหย่จือโปมาที่ห้องพักของเขาและพยายามจะรีดข้อมูลไปให้ได้ แต่กูเหลียงเฉินที่ต้องการคำยืนยันจากชูฮันก่อนว่าเขาควรตอบสนองอีกฝ่ายไปอย่างไรก็พยายามที่จะตามมาชูฮัน เพียงแค่ครั้งนี้มีคนค้นพบเรื่องของกูเหลียงเฉิน ทว่าสิ่งที่ชูฮันเจียนมาในจดหมายได้ทำให้กูเหลียงเฉินกลายเป็นเดือดอย่างสมบูรณ์แบบ

 

มันมีแค่ประโยคเดียวเท่านั้นในจดหมาย “บอกพวกมันไปว่าชูฮันไปจากค่ายเขี้ยวหมาป่า”

 

ชูฮันไม่ได้อยู่ในค่ายเขี้ยวหมาป่า นั้นมันก็ชัดเจนไม่ใช่เหรอไง?

 

ทำไมชูฮันถึงทำแบบนี้? บอกสถานะของตัวเองให้เหย่จือโปรู้โดยไม่มีการปกปิดใดๆ?

 

แม้จะไม่เข้าใจแต่กูเหลียงเฉินก็ไม่สามารถไปพบชูฮันได้ตอนนี้ เขาทำได้แค่ทำตามที่ชูฮันบอก

 

ทีมกุ้งเสือดำเองก็ได้รับคำสั่งของชูฮันเช่นกัน หายคนส่งเงียงบ่นงึมงำเมื่อได้ยินข้อความที่เจียงเหลียนชิงถ่ายทอดมาให้

Apocalypse Meltdown

Apocalypse Meltdown

มันเป็นโลกที่ซอมบี้และมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยความสิ้นหวัง สนามแม่เหล็กของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงและทุกอย่างได้ย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้น วันหนึ่ง วีรบุรุษของพวกเรา…ชูฮัน ได้เดินทางย้อนเวลากลับมาสิบปีก่อนโดยไม่รู้ตัว เขาได้ย้อนกลับมาก่อนจุดจบของโลกจะเริ่มต้นขึ้น (โลกาวินาศ) เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงดังในหอพักในมหาวิทยาลัยหมิงชิว ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ชูฮันต่อสู้กับเหล่าซอมบี้นับสิบๆตัวก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถเพื่อขโมยรถยนต์เมอร์ซิเดซ-เบนซ์G55ออกมา เขาตัดสินใจที่จะตามหาพ่อแม่และพี่น้องของเขาด้วยG55คันนี้ ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเสียใจที่ไม่ได้ทำในชาติที่แล้ว ระหว่างทางชูฮันได้พบปะกับคนกลุ่มหนึ่งที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนที่ติดอันดับ 20 ของโลกาวินาศรวมอยู่ด้วย…เฉินช่าวเย่ พวกเขาพบกับซอมบี้จำนวนมากระหว่างทางบนทางหลวง ซึ่งชูฮันได้ใช้รถ G55 พุ่งชนเหล่าซอมบี้จนเละ และในตอนนั้นเอง ชูฮันถึงตระหนักได้ว่าทั้งหมดนี้คือระบบล่มสลาย และเขาสามารถได้คะแนนจากการฆ่าซอมบี้ทั้งหลาย ซึ่งเขาสามารถเอาคะแนนพวกนี้ไปแลกเปลี่ยนเป็นความสามารถพิเศษอะไรก็ได้ และในตอนนั้นเอง การเดินทางของชูฮันก็ได้เริ่มต้นขึ้นไปพร้อมๆกับระบบล่มสลาย นี่เป็นเรื่องราวของระบบล่มสลาย โดยมีเขา…ชูฮัน เป็นคนดำเนินเรื่องราว

Comment

Options

not work with dark mode
Reset