“ท่านพลเอกครับ ตอนนี้เราได้ฆ่ามนุษย์สายพันธุ์ใหม่ในค่ายเถาจินเรียบร้อยหมดแล้ว เราจะทำอะไรต่อไปครับ?” เสี่ยวเคินถามคำถามที่พื้นฐานที่สุด แผนการเดิมคือปล่อยให้ทีมกุ้งเสือดำลงมือทำงาน ทว่าตอนนี้ทุกอย่างเสร็จก่อนเวลาที่กำหนดไว้ เนื่องจากคนพวกนี้กวนอารมณ์ของท่านพลเอกให้โหมกระหน่ำจนกลายเป็นแบบนี้ไปแล้วทุกคนจึงเป็นกังวลกับแผนการต่อไป
“ส่งเด็กพวกนี้กลับไปที่ค่ายเขี้ยวหมาป่า ให้พวกเขาเข้าทีมสำรองของกองทัพเขี้ยวหมาป่า ไม่เหมือนกับพวกผู้ชายเถื่อนๆอึดๆพวกนั้น เด็กพวกนี้ยังเด็กเกินไปที่จะเข้ารับการฝึกและปฏิบัติตามระเบียบต่างๆ” ชูฮันค่อยๆพูดความคิดของเขาออกมา “ที่ค่ายเรามีครูอยู่มั้ย? เราควรก่อตั้งอารยธรรมขึ้น เด็กในค่ายควรได้เรียนหนังสือ มีความรู้ เราต้องก่อตั้งโรงเรียนขึ้น”
“ครับ” เสี่ยวเคินพยักหน้ารับด้วยสีหน้ายุ่งเหยิง แม้ในใจอยากจะพูดว่าตอนนี้แม้กระทั่งเรื่องปากท้องยังเป็นปัญหาเลย แล้วพวกเขาจะทำอะไรอย่างนั้นได้ยังไง?
“หลักสูตรการเรียนนั้นเรียบง่ายมาก เราแค่แบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็นประเภทต่างๆ” ทันใดนั้นชูฮันก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ แววตาเป็นประกายจ้า “โดยเฉพาะเด็กที่มีความสามารถพิเศษจะต้องไม่ถูกละทิ้งความสามารถโดยเสียเปล่า และสถาบันวิจัยที่ค่ายก็ยังต้องการคนไปช่วยงานเพิ่มอีก”
“ครับ ครับ!” ครั้งนี้เสี่ยวเคินพยักหน้ารับตามรัวๆ เขาชื่นชมความคิดของชูฮัน นี่มันคือเรื่องจริง มันจำเป็นที่จะต้องพัฒนาอย่างทั่วถึง ไม่อย่างนั้นค่ายอื่นๆคงไม่สามารถคิดค้นเทคโนโลยีล้ำๆใหม่ๆขึ้นมาได้ ในขณะที่ค่ายของพวกเขายังคงอยู่ในยุคแรกเริ่มที่ไม่ทันสมัยอะไรเลย
“และสิ่งนี้” จู่ๆชูฮันก็ส่งถุงเงินจำนวนมากให้กับเสี่ยวเคิน “ส่งมันให้ผู้หญิงที่ชื่อหลินหยูที่นายเจอเมื่อวานนี้ นายเข้าไปตัวคนเดียว ส่งเงินนี้ให้เธอซะ จัดการพวกที่คอยสอดแนมเฝ้าระวังให้หมด และเผาพวกศพตรงนี้ไม่ให้เหลือซากซะ”
จำนวนของเด็กผู้ชายและผู้หญิงที่ได้รับการช่วยนั้นมีค่อนข้างไม่น้อยเลยทีเดียว ทุกคนยืนนิ่งเงียบอยู่ใกล้ๆกับชูฮัน ท่าทางดูไม่แยแสใครหากหวาดกลัว เหล่าสมาชิกทีมกุ้งเสือดำที่พยายามจะเข้าใกล้กลุ่มเด็กเพื่อพาตัวไปค่ายเขี้ยวหมาป่าต้องชะงัก เพราะทันทีที่พวกเขาขยับตัวเข้าใกล้ เด็กจะเริ่มมีปฏิกิริยาหวาดกลัวและส่งเสียงร้อง
เมื่อเป็นอย่างนี้ ทหารหลายคนในทีมกุ้งเสือดำรู้สึกมึนงงและไม่อยากจะนึกเลยว่าเด็กพวกนี้เคยประสบกับอะไรมาบ้าง ถึงได้ไม่ปฏิกิริยาอย่างนี้ หากพวกเขาก็ไม่กล้าจะถาม และการที่ท่านพลเอกชูฮันไม่พูดแสดงว่ามันต้องมีเหตุผล
เมื่อศพทั้งหลายที่กระจายเละเทะอยู่ที่พื้นกำลังถูกเผาโดยฝีมือของทีมกุ้งเสือดำที่เป็นคนจัดการหาไม้ฝืนมา มันก็เป็นเวลาเช่นเดียวกันกับที่ฟานเจี้ยนที่ได้รับคำสั่งให้ไปพาตัวเถาจินกลับมาถึงพอดี
เถาจินที่ถูกตีจนสลบโดยฟานเจี้ยนตลอดทางกลับมาถึงนี้ ร่างของเถาจินอ่อนเปรี้ยทรงตัวไม่อยู่เพราะไม่มีสติ ชูฮันเองที่ได้เห็นก็ไม่นึกโทษฟานเจี้ยนเพราะใจเขาอยากจะทรมานเถาจินมากกว่านี้ซะอีก เขาอยากจะสับมันเป็นออกเป็นล้านๆชิ้นให้สาสมกับที่มันตัดลิ้นเด็กสาวพวกนี้ ทำลายเส้นเสียงของพวกเธอซึ่งจะไม่มีวันที่จะพูดได้อีกตลอดชีวิต!
เด็กทุกคนที่ถูกมันทรมานมีสัญญาเลือดกับเขา!
เมื่อได้เห็นเถาจิน ทันใดนั้นตงหรุยก็พุ่งออกมาจากตัวชูฮัน วิ่งพุ่งด้วยอารมณ์คลั่ง ทั้งเตะต่อยใส่ร่างเถาจิน เด็กสาวคนอื่นๆที่ถูกขังอยู่ในมืดเป็นเวลานานเหมือนกับตงหรุยก็เริ่มตะกายลุกขึ้นจากพื้นและวิ่งเข้าไปหาเถาจินเหมือนกัน พวกเธออยากเข้าไปจัดการคนที่ทำพวกเธอด้วยจิตใจที่สิ้นหวัง
ความเกลียดชังและความแค้นไม่สามารถลบออกได้ มีเพียงแค่การระบายออกมาเท่านั้นที่จะทำให้รู้สึกดีขึ้น!
ในตอนนั้นเองจุ่ๆตงหรุยก็ก้มหยิบมีดพกเล่มหนึ่งบนพื้นขึ้นมา ง้างมือขึ้นและพยายามแทงใส่ร่างของเถาจิน แต่ก่อนที่มีดจะปักเข้าร่างของเถาจิน ชูฮันก็รีบเข้ามาขวางเอาไว้ มือของชูฮันกำแน่นที่ข้อมือข้างที่ถือมีดพกของตงหรุยอยู่
ตงหรุยที่ไม่สามารถพูดได้ ทำได้เพียงแสดงสีหน้าผิดหวัง โกรธและไม่พอใจกับการกระทำของชูฮัน ใบหน้าเล็กๆแดงก่ำ น้ำตาคลอเบ้าอย่างน่าสงสาร ทำให้คนที่ได้เห็นรับรู้ได้ว่าเธอเจ็บปวดมากขนาดไหน
ภาพนี้ตกอยู่ในสายตาของทุกคน ไม่มีใครทนไหว โดยเฉพาะฟานเจี้ยนที่ค่อนข้างหดหู่ เขาไม่อยากจะนึกเลยว่าตงหรุยเจออะไรมาบ้าง เธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่อายุแค่ 10 ขวบเท่านั้น!
ชูฮันพยายามระงับอารมณ์ที่รุนแรงของตัวเอง “ตอนนี้เธอยังไม่สามารถฆ่ามันได้ มันยังจะต้องมีชีวิตต่อไปอีกสักพักหนึ่ง”
“เอ้! อื้อ!” ตงหรุยตะคอกใส่ชูฮันอย่างโกรธจัด แต่เป็นเพราะเธอสูญเสียการพูด จึงไม่มีใครเข้าว่าเธอพูดอะไร หากรับรู้ได้ว่าเธอโกรธเพราะสีหน้าและตาที่แดงก่ำของเธอ
“ไม่ต้องห่วง ฉันสัญญาเธอไว้แล้ว ฉันรู้ ฉันจะปล่อยให้เธอได้ล้างแค้นด้วยตัวเอง” ประโยคของชูฮันทำให้ตงหรุยค่อยๆสงบอารมณ์ลง “แต่ตอนนี้เธอสามารถมอบสิ่งที่ยิ่งกว่าความตายให้มันได้นะ อย่างเช่นทำลายสิ่งที่มันรักมากที่สุด”
ทันทีที่ชูฮันพูดออกไป ตาของตงหรุยก็เป็นประกายขึ้นมาทันที เธอก้มไปหยิบมีดพกที่ร่วงไปขึ้นมาอีกครั้ง
พัฟ!
แทงมีดเข้าใส่ขาข้างหนึ่งของเถาจิน!
“อ๊ากกกกก เ*ยยยยยยย!” ฟานเจี้ยนช็อคและแหกปากร้องอย่างเจ็บปวด
ทีมกุ้งเสือดำเองก็ตะลึงกับการเคลื่อนไหวของตงหรุย การจู่โจมอย่างรวดเร็วและแม่นยำนั้นน่าทึ่งมาก!
ชูฮันกลืนน้ำลายอึกด้วยความกลัวเล็กน้อยที่ผุดขึ้นมาในใจ เขาไม่รู้ว่าเขาได้สร้างปีศาจขึ้นมาแล้วหรือเปล่า ความหมายที่เขาสื่อมันไม่ใช่อย่างนี้แต่จะพูดไปตอนนี้มันก็สายไปซะแล้ว…
เถาจินที่ตะลึงกับความจริงที่ฟานเจี้ยนทรยศ แล้วยังถูกปลุกให้ตื่นด้วยความเจ็บปวดทรมาน เขาลืมตาขึ้นเจอกับความทรมานจนเกือบจะหมดสติ
“อ๊ากกกกก…” เถาจินแหกปากร้องไม่หยุด และทันทีเริ่มมองเห็นเหตุการณ์รอบๆเขาก็ต้องช็อคตาค้าง “แก ทำไมถึงเป็นแกไปได้?”
ตงหรุยไม่ตอบ สีหน้าของเธอไม่เหมือนกับเด็กอายุสิบขวบเลยสักนิด หากเธอดึงมีดที่ปักขาข้างหนึ่งของเถาจินออกและแทงเข้าใส่อีกข้างทันที!
พัฟ!
เลือดพุ่งกระฉูดในอากาศ ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องและสาปแช่งของเถาจิน “ไอ้เ*ย! อี อีปีศาจ! แกมัน—–“
“จับมันมัด ปิดปากมันด้วยแล้วลากออกไป” ชูฮันที่ทนฟังเสียงโวยวายไม่ไหวออกคำสั่งทันที
ทีมกุ้งเสือดำก็รีบพุ่งไปจัดการตามคำสั่งทันทีแต่ทุกคนพยายามไม่เข้าใกล้ตงหรุย มันมีความระแวงว่าขาทั้งสองข้างของตัวเองไม่รู้จะถูกแทงเมื่อไหร่ พวกเขาจึงต้องพยายามเดินอ้อมๆ
ในที่สุดหลังจากสงบอารมณ์ลงได้แล้ว ตงหรุยก็ยืนหนิ่ง สีหน้านิ่งเรียบ ในมือยังคือถือมีดพกอยู่ เลือดไหลจากตัวมีดลงพื้นหยดลงตามตัวมีด
“พาเธอไปอยู่ทีมนักฆ่าขนนก” ในตอนนั้นจู่ๆชูฮันก็ตัดสินใจขึ้นมา เขาชี้นิ้วไปที่ตงหรุย หากแววตากลับจ้องไปที่เสี่ยวเคิน
“เอ่อ…” เสี่ยวเคินถอนหายใจด้วยความสับสนและถาม “แต่เธอยังตัวนิดเดียว มันจะดีเหรอครับ? และเธอก็เป็นแค่คนธรรมดาด้วย ไม่ตรงตามข้อกำหนดพื้นฐานของทีม”
ชูฮันโบกมือ “ไม่สำคัญ ตอนแรกฉันจะให้เธออยู่ทีมสำรองของกองทัพเขี้ยวหมาป่า แต่เธอคลั่งเกินกว่าจะให้อยู่รวมกับกลุ่มเด็กทั่วไปได้”
“ครับ จนถึงตอนนี้” เสี่ยวเคินพูดได้แค่นั้น เขาไม่สามารถคาดเดาความคิดของชูฮันได้ออก เพียงแค่ทำตามที่สั่งเท่านั้น
ตงหรุยรู้สึกซาบซึ้งมาก แม้เธอจะไม่รู้ว่าทีมนักฆ่าขนนกคืออะไรและไม่เข้าใจว่าที่ชูฮันพูดคืออะไร แต่เธอรู้ว่าเธอมีหน้าที่ที่ต้องทำ เธอจะไม่ถูกขัง ไม่ต้องรอคอยความกลัวครั้งต่อไปที่จะมาหาอีกแล้ว…