หลังจากคิดได้ ทันใดนั้นชูฮันก็ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย เขาเงยหน้าขึ้นมองฟานเจี้ยนและพูดขึ้น “ไป เอาไก่ย่างนี้ไปให้มันกิน ถึงเราจะปล่อยให้มันอดจนตายไม่ได้แต่เราให้มันใช้ชีวิตอย่างทรมานไปแต่ละวันแบบที่มันทำกับตงหรุยได้”
“ในเวลาแบบนี้ นายยังมีอารมณ์มาคิดอย่างนั้นอีก?!” ฟานเจี้ยนไม่สามารถทำความเข้าใจกับหลักการคิดของชูฮันได้เลย “ใครคือมู๋เย๋ ทำไมมันถึงมีมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ในมือมากมายขนาดนี้ แล้วที่ไอ้เถาจินมันพูดว่าค่ายรอบๆและกลุ่มผู้ลี้ภัยอีกมากนั่น มันจะไม่เป็นภัยอันตรายกับค่ายเขี้ยวหมาป่าเหรอไง? แล้วเป้าหมายที่เห็นชัดเจนก็คือเพื่อฆ่านาย!”
ชูฮันไม่สนใจ “แล้วฉันไม่ได้พยายามฝึกทหารของฉันอยู่หรือไง? และไม่ว่าฉันจะไปไหนอย่างน้อยฉันก็มีวิวัฒนาการระยะ 6 คอยคุ้มกันอยู่ อย่างนายตอนนี้ไง”
ฟานเจี้ยนคิดตามขณะปิ้งย่างเนื้อสัตว์บนตะแกรงไปด้วย “ทำไมนายไม่ส่งเถาจินกลับไปตอนนี้และให้ตงหรุยจัดการกับมันเอง? แล้วยังต้องมาหาอาหารให้มันกิน? นี้มันดีเกินไปสำหรับให้คนอย่างมันกิน!”
“เถาจินจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อ” ชูฮันยิ้มกว้าง “ตงหรุยจะต้องรุนแรงขึ้นกว่าเดิม เธอจะถึงกับค้นหาทุกจุด ปีนขึ้นหลังคาทุกหลังเพื่อฆ่าเถาจิน”
อีกครั้งที่ฟานเจี้ยนตกใจกับคำพูดของชูฮัน “บ้าหรือไง?”
“ไม่ได้บ้า” ชูฮันมีสีหน้าจริงจัง “เด็กพวกนี้ถูกฝังเมล็ดของความรุนแรงไว้ในใจ พวกเขาเคยชินกับความรุนแรงและโหดเหี้ยมจนเฉยชากับมัน ตงหรุนต้องการเข้าทีมนักฆ่าขนนก ฉันไม่อาจคาดเดาเรื่องในอนาคตแต่เราควรเก็บศัตรูไว้ให้ใกล้ตัวที่สุด”
“อืม วิธีการเข้าหาของนายก็มีเอกลักษณ์และถูกต้องแล้วละ” ฟานเจี้ยนพูดต่อ “แล้วจะมัดไอ้เถาจินไว้ที่นี้? มันอาจจะนานเป็นปี?”
ชูฮันพยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่ ฉันจะให้กองทัพเขี้ยวหมาป่าคอยอาหารให้มันกินระหว่างนี้ ความหวาดซอมบี้จะทำให้มันตายทั้งเป็น ไม่ต้องพูดว่าหนึ่งหรือสองปีเลย จะห้าปีก็ไม่ใช่ปัญหาถ้าเราจะเลี้ยงหมาให้เชื่อง”
ฟานเจี้ยนอยู่ในภวังค์ความคิดพักหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจและส่ายหัว “ชูฮัน ชูฮัน นายมันน่ากลัวชะมัด”
ชูฮันยิ้มกว้างอย่างสดใดและดูไร้เดียงสา “กับเถาจินหรือกับตงหรุย?”
ฟานเจี้ยนคว้าไม้ที่เสียบไก่ย่าง ลุกขึ้นเดินเอาไปให้เถาจินขณะถอนหายใจและส่ายหัวอย่างหมดหนทาง “ทั้งหมด!”
ชูฮันหัวเราะและไม่ได้พูดอะไรต่อ บรรยากาศรอบๆเริ่มเข้าสู่ความเงียบ สียงคำรามของซอมบี้ทั้งหลายข้างล่างที่ดังกระหึ่มไม่เคยหยุดมาหลายชั่วโมงก็เงียบไปเช่นกัน ทิ้งไว้เพียงเสียงเผาไหม้ของกองไฟตรงหน้า
ความเงียบคงอยู่เพียงแค่นาทีเดียว ทันทีที่ฟานเจี้ยนโยนอาหารเข้าปากเถาจินและเดินกลับมา ทันใดนั้นเถาจินก็ต้องชะงัด “แม่ง! กูพึ่งวางน่องไก่ไว้ตรงนี้เมื่อกี้ มันหายไปไหน?”
หวังไคที่ซ่อนตัวอยู่มิดชิดอยู่หลังชูฮันอย่างมีความสุขกับท้องที่อิ่มหนำสำราญ…
———–
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากไม่กี่วันผ่านไป กองทัพเขี้ยวหมาป่าพร้อมทหารสองร้อยนายเพื่อนำกลุ่มผู้หญิงจำนวนมากจากค่ายเถาจินไปที่เมืองโรแมนติก เมื่อกลุ่มทหารปรากฏตัวต่อสายตาของชาวบ้านในค่ายเถาจิน ชาวบ้านทุกคนก็เตรียมพร้อมอย่างมาก พวกเขาพร้อมที่จะทำการต่อสู่ทันที หากชาวบ้านกลับต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเหล่าหญิงสาวทั้งหลายมีสีหน้ายิ้มแย้มและมีความสุขใจขณะเดินตามกองทัพเขี้ยวจากไปด้วยความเต็มใจ
ภาพที่เกิดขึ้นตกอยู่สายตาของเหล่าชาวบ้านแห่งค่ายเถาจินทุกคน อารมณ์ของทุกคนเหมือนหมาหัวเน่า เมื่อตอนที่มนุษย์สายพันธุ์ใหม่ในค่ายเถาจินทั้งหมดจากไปตามความคิดของทุกคน พวกเขาคิดว่ายุคใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว พวกเขาทำทุกอย่างอย่างที่ต้องการ ตามความพอใจ โดยเฉพาะเมื่อไม่ต้องหาจ่ายเงินค่าคุ้มครองให้กับพวกมนุษย์สายพันธุ์ใหม่แล้ว ไม่ต้องทำตามกฏอย่างก่อนหน้านี้ แต่หญิงโสเภณีทั้งหมดกลับหายไปภายในพริบตา แล้วพวกเขาจะสนุกต่อไปยังไง?
อารมณ์ของเหล่าหญิงโสเภณีที่ไปจากค่ายเถาจินนั้นต่างจากเหล่าชาวบ้านในค่ายเถาจินอย่างสิ้นเชิง พวกเธอทั้งยินดี กระตือรือร้น โดยเฉพาะการเดินทางไปเมืองโรแมนติก แม้ว่าพวกเธอจะเสนอที่จะผ่อนคลายให้แก่เหล่าทหารกองทัพเขี้ยวหมาป่า แต่ทุกคนกลับเคร่งครัดในกฏระเบียบและปฏิเสธข้อเสนอของพวกเธอ ถ้าใครจะใช้บริการจะต้องไปใช้ในเมืองโรแมนติกที่ชูฮันสร้างขึ้นมาเพื่อทำกำไร!
เพราะกฏระเบียบทหารของหลิวยู่ติงนั้นรอคอยทุกคนที่ฝ่าฝืนอยู่!
ดังนั้นกลุ่มหญิงสาวจึงถูกส่งไปยังเมืองโรแมนติกทันที ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับเมืองโรแมนติกที่ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยพอดี แม้สถาปัตยกรรมทั้งเมืองอาจจะไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก
นอกจากเหล่าสาวๆพวกนี้แล้ว คนกลุ่มแรกได้เข้ามาอยู่ในเมืองโรแมนติกแล้ว ซึ่งเป็นคนจากสายต่างๆมากมายในค่ายเขี้ยวหมาป่ามากระจายตัวอยู่ ทั้งพ่อครัว ช่างตัดเสื้อ ช่างฝีมืองานต่างๆ และอีกมากมาย เพื่อเป็นคนกลุ่มแรกที่ทดลองอาศัยในเมืองนี้สำหรับการพัฒนาระยะยาว
กลุ่มหญิงสาวที่นำโดยหลินหยูได้รับการจัดสรรให้ไปอยู่ตามอาคารต่างๆที่ตกแต่งไว้เรียบร้อย เมืองโรแมนติกเปลี่ยนไปภายในค่ำคืนเพราะกลุ่มหญิงสาวจำนวนมากที่มาถึงราวกับเวทมนต์ เหล่าผู้ชายทั้งหลายแทบทนทวนกับความเย้ายวนของเหล่าหญิงสาวไม่ไหว
แน่นอนว่าชูฮันเป็นหัวหน้าที่บงการอยู่เบื้องหลังทุกอย่าง เขาเป็นคนวางจำนวนซ่องทั้งหมดในเมืองและให้หลินหยูทำหน้าที่เป็นผู้จัดการดูแลซ่องทั้งหมดโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าชูฮันอยู่เบื้องหลังการสั่งการทั้งหมด ชูฮันได้ทำการวางแผนโปรเจคลับไว้หมดแล้ว แผนเพื่อครองครอบเครือข่ายธุรกิจทั้งหมด
ทุกอย่างดำเนินไปทางที่ถูกแล้ว ยกเว้นแค่ขาดผู้ซื้อบริการ เสื้อผ้าและของใช้ประจำวันไม่ใช่ปัญหา ชูฮันให้ทุกอย่างเพื่อให้พวกเธอได้ทำตามอิสระ
นอกเหนือจากสาวๆ ทีมเจ้าหน้าที่ที่ดีที่สุดของหยางเทียนเองก็ถูกย้ายจากค่ายเขี้ยวหมาป่ามาประจำการที่เมืองโรแมนติกตามคำสั่งของชูฮัน พวกเขามีอาวุธครบมือเดินขบวนเข้ามาในเมืองโรแมนติก ประจำตามจุดสำคัญต่างๆรอบเสาหินพร้อมกระสุนเต็มเหนี่ยว
พวกถูกส่งมาประจำการที่นี่ หากไร้คำสั่งของท่านพลเอกชูฮัน ห้ามใครเข้าใกล้เสาหินเกิน 100 เมตร ไม่อย่างนั้นจะถูกกระสุนยิงใส่ทันที
ทุกคนไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับความสำคัญของเสาหินนี้ ทุกคนคิดว่าชูฮันเป็นบ้าหากก็ไม่มีใครเอ่ยอะไร พวกเขาทำได้แค่กระจายตัวไปอย่างเงียบๆ ท่านพลเอกชูฮันน่าจะสมองเพี้ยนไปแล้ว…
ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา จำนวนของกองทัพเขี้ยวหมาป่าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากกองกำลังของชินหยวนมาเข้าร่วมกับกองทัพเขี้ยวหมาป่า แม้ในตอนแรกพวกเขายังจะอยู่ในช่วงขั้นตอนแรกของการปรับตัวและทดลองการทำงานร่วมกับทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่า หากไม่นานทุกคนสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากทุกคนล้วนมีพื้นฐานเดิมอยู่แล้วเพราะพวกเขาเป็นทหารกันหมด หลังจากจากค่ายเจียนอี๋มา นี้เป็นครั้งแรกที่พวกเขารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ด้อยกว่าพวกมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ ที่นี้มันมีที่ให้พวกเขาได้ยิน
ดังนั้น ภายใต้การประสานงานที่พุ่งทะยานสูงราวกับจรวด การกวาดบ้างซอมบี้ในพื้นที่ต่างๆในเมืองอันลูคืบหน้าไปอย่างรวดเร็วและไร้ที่ดิ และคาดว่ามันจะเสร็จสมบูรณ์ภายในกลางเดือนพฤษภาคม