ชูฮันไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับไปมองอีกฝ่ายด้วยซ้ำ หลูปิงเซ่อและคนอื่นๆหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความสามารถในการกวนประสาทคนอื่นของหัวหน้าพัฒนาขึ้นอีกแล้ว
เสี่ยวเย่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพูดขึ้นมาแบบนี้ เขาไม่ได้ตั้งใจฟังและไม่ได้มีความอดทนพอที่จะคิดตาม แต่เขาเข้าใจประโยคสุดท้ายที่ชูฮันพูด และยิ่งโกรธขึ้นกว่าเดิมเข้าไปอีก เขาเงื้อมมือขึ้น จ้องเขม็งใส่ชูฮันและตะโกนขึ้น “ไอ้หนุ่ม แกกล้าท้าทายฉันเหรอ?”
ไอ้หนุ่ม…
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ครั้งนี้ หลูปิงเซ่อและคนอื่นๆยิ่งระเบิดหัวเราะดัวเข้าไปกว่าเดิมอีก มันตลกมากที่ยินสองพยางค์นี้ และพวกเขาก็พึ่งจะระลึกขึ้นได้ว่าที่จริงแล้วหัวหน้าของพวกเขาพึ่งจะอายุเพียง 21 ปีเท่านั้นเอง เขายังหนุ่มอยู่จริงๆ แต่ก็เด็กหนุ่มคนเดียวกันนี้แหละที่ได้เป็นหนึ่งในพลเอกของจีนและมีทหารยอดฝีมือในมือถึง 1,500 คน
ชูฮันสร้างปาฏิหาริย์มากมาย เขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หลายคนมองข้ามเรื่องอายุของเขาไปจนลืมเลือน
“พวกแกหัวเราะอะไร?!” เสี่ยวเย่ที่เห็นกลุ่มคนหัวเราะกันใหญ่ ทันใดนั้นความโกรธและอับอายก็สุมในอกเข้าไปอีก พวกมันกล้าหัวเราะเขา?
“ไม่ ไม่” หลูปิงเซ่อหัวเราะจนแทบหายใจไม่ทัน ครั้งนี้เขารีบโบกมือไปมาเพื่ออธิบาย “ฉันหัวเราะหัวหน้าฉัน ฉันแทบจะลืมอายุของเขาไปแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ชูฮันมองหลูปิงเซ่อพร้อมกับถอนหายใจ วิธีการคิดของหลูปิงเซ่อนั้นไปไกลแล้ว
แน่นอนล่ะ เสี่ยวเย่หน้าชากับคำพูดของหลูปิงเซ่อ ปากสั่นระริกอย่างโมโหจัด
เสี่ยวเย่ส่ายหัว เขาได้จัดอันดับให้กลุ่มของชูฮันอยู่ในชันชั้นต่ำสุดไปแล้ว เสี่ยวเย่รู้สึกขี้เกียจเกินกว่าจะต้องเสวนากับอีกฝ่าย “มีแต่พวกหน้าโง่ไร้สมองกันทั้งนั้น ไปกันเถอะ!”
กลุ่มของเสี่ยวเย่เดินจากไป มุ่งหน้าไปที่เส้นทางของตัวเอง พวกเขาเดินเข้าไปในป่า
หลังจากเดินพ้นกลุ่มชูฮันไปได้ไม่กี่เมตร พวกเขาก็เจอกับฝูงกวางยืนนิ่งเรียงแถวต่อขบวนของชูฮันอยู่
“น้ีมันอะไรกัน?!”
“กลุ่มกวางพวกนี้ถูกทำให้เชื่อง?!” น้ำเสียงตกใจของหนึ่งในกลุ่มคนของเสี่ยวเย่ดังขึ้น
ชูฮันที่ได้ยินเลิกคิ้วขึ้น หลูปิงเซ่อเริ่มวิตก หันหน้ากลับไปมองหน้าชูฮัน
ในตอนนั้นเองเสียงของเสี่ยวเย่ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เขายิ่งผยองตัวกว่าเดิม สีหน้าเต็มไปด้วยความอวดเก่ง “นี้มันบ้าบออะไร น่ารำคาญ!”
ทันใดนั้นเสี่ยวเย่ก็ยกเท้าขึ้น เตะเข้าใส่ร่างของกวางตัวหนึ่งดังสนั่น ผสมกับพลังผันผวนของวิวัฒนาการระยะ 3 ที่ระเบิดออกมายิ่งทำให้ร่างของกวางตัวนั้นโดนแรงอัดกระแทกเข้าไปอีก ทันใดนั้นมันก็มีเสียงกรีดร้องของหลูปิงเซ่อดังขึ้น
หลูปิงเซ่อพยายามลุกขึ้นยืน เขาวิ่งเข้าไปหากวางที่โดนทำร้ายและชี้หน้าเสี่ยวเย่อย่างแค้นใจ “ใครให้แกมาทำร้ายเพื่อนตัวน้อยของกู ขอโทษกูเดี๋ยวนี้!”
หลังจากหลูปิงเซ่อตะโกนจบ บรรยากาศก็ตกอยู่ในความเงียบชั่วขณะ และตามมาด้วยเสียงระเบิดหัวเราะของกลุ่มเสี่ยวเย่
“พ่อหนุ่มใสซื่อ”
“เพื่อนตัวน้อย? นี้มันสัตว์ประหลาด!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า! เสี่ยวเย่พูดถูกแล้ว นี่มันกลุ่มคนโง่ชัดๆ!”
เสียงหัวเราะดังสะท้อนไปทั่วหุบเขา ภาพของกวางที่ถูกเตะและนอนบาดเจ็บที่พื้นช่างน่าเวทนานัก มันเป็นแค่กวางธรรมดาเท่านั้นแม้ว่าความบ้าคลั่งของโลกาวินาศจะเปลี่ยนพันธุกรรมของมันให้เปลี่ยนไปจากอดีตอย่างมาก แต่หลังจากที่พวกมันถูกทำให้เชื่องโดยหลูปิงเซ่อ มันก็ไม่มีพิษมีภัยอะไรอีกต่อไป พวกมันกลายเป็นสนิทสนมกับทุกคนในขบวนเดินทางด้วยซ้ำ พวกแบกของกระเป๋ามากมายของทีมให้ แม้กระทั่งสมาชิกของทีมกุ้งเสือดำบางคนยังรู้สึกสงสารพวกกวางจึงเลือกที่จะแบกกระเป๋าของตัวเองเพราะกลัวพวกมันจะหนักเกินไป
และตอนนี้ที่ได้เห็นเสี่ยวเย่ทำร้ายกวางอย่างโหดร้าย แล้วหลูปิงเซ่อจะปล่อยเฉยไปได้อย่างไร นี้มันคือเพื่อนของเขา?
แต่ไม่ว่าหลูปิงเซ่อจะโกรธมากแค่ไหน มันก็ไม่ส่งผลต่อเสี่ยวเย่ที่จิตใจน่ารังเกลียด แววตาของเสี่ยวเย่มองมาที่กลุ่มชูฮันอย่างดูถูก “ฉันไม่อยากจะคิดถึงความโง่ของพวกแกเลย ฉันก็คิดว่าพวกแกน่าจะมีพลังกันไม่น้อย มีกลุ่มสัตว์เดินตามพวกแกแต่น่าเสียดายที่มันไม่ใช่เสือหรือหมาป่า ก็แค่พวกสัตว์กินพืชไม่กี่ตัว พวกแกคิดว่าตัวเองได้รับพรจากพระเจ้าแล้วงั้นสิ?”
“หุบปาก!” หลูปิงเซ่อไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร เขาตะโกนออกไปด้วยตาที่แดงก่ำ “ขอโทษกวางของฉัน!”
“อ๊ะ!” เสี่ยวเย่แสร้งทำท่าทีตกใจ ทันใดนั้นก็เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้หลูปิงเซ่อ กระชากคอเสื้อหลูปิงเซ่อขึ้นมา “เพื่อที่จัดการกับสัตว์ แกก็เลยทำเหมือนตัวเองเป็นสัตว์ประหลาดไปด้วยสินะ? ลืมไปแล้วเหรอไงว่าแกเป็นคน ฉันไม่กล้าฆ่าแกหรอก—–“
จู่ๆก็มีแรงอัดรุนแรงอัดเข้าที่ช่องท้องของเสี่ยวเย่ที่กำลังพูดอยู่โดยไม่รู้ตัว เข่าข้างหนึ่งทรุดลงกับพื้น เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าถูกโจมตีเมื่อไหร่และยังไง
หลูปิงเซ่อที่ถูกปล่อยคอเสื้อแล้ว หันควับไปมองชูฮันทันที “หัวหน้า ผมไม่สน มันต้องขอโทษกวางของผม!”
มันต้องขอโทษ กวางกลุ่มนี้เป็นเพื่อนตัวน้อยของเขา!
“ไอ้เวร กูเป็น…” เสี่ยวเย่ที่ยังไม่ทิ้งความเย่อหยิ่ง เลือดกระอักออกจากปากขัดการพูด ไม่ได้สังเกตถึงลำแสงสีแดงที่หายวับไปอย่างรวดเร็ว มันมีรูกลวงตรงช่องท้องตัวเอง
จากระยะห่างที่ชูฮันยืนอยู่มาถึงเสี่ยวเย่ ทั้งการโจมตีอย่างกระทันหันจนเลือดกระอักออกปากของเสี่ยวเย่ ทั้งกระบวนการตั้งแต่เริ่มจนจบนั้นเกิดขึ้นภายในช่วงเวลาแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น คนของเสี่ยวเย่ช็อคค้างอย่างทำอะไรไม่ถูก มองภาพตรงหน้าตาค้าง มันเป็นไปได้ยังไง
นี่มันใช่คนรึเปล่า?
พวกเขามองไม่ออกเลยว่าไอ้หนุ่มนี่จะเก่งขนาดนี้!
หลังจากเกิดอาการตกใจและตื่นตระหนก ผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มของเสี่ยวเย่ที่แต่งตัวดูดี เขาไม่ปริปาก ไม่ยิ้ม ท่าทางน่าจะอายุ 25 ปี เดินฝ่ากลุ่มคนออกมา ท่าทางดูนิ่งๆ ไม่ได้เย่อหยิ่งหรืออวดดี ยากที่จะมองออกว่าแท้จริงเป็นยังไง
ชายคนนั้นเดินเข้ามาหาชูฮัน ส่งยิ่มมีมารยาทให้ชูฮัน ยื่นมือออกมา “สวัสดี ฉันชื่อฮวงชูเจิ้น”
ชูฮันส่งมือไปเช็คแฮนด์กับฮวงชูเจิ้น แม้ว่าจะไม่ได้เอาถุงมือออก็ตาม และเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “สวัสดี ฉันเป็นคนที่แค่ผ่านมา”
ทันใดนั้นคิ้วของฮวงชูเจิ้นก็เลิกขึ้น ทำไมประโยคนี้มัน?
ในตอนนั้นเองเสี่ยวเย่ที่โดนชูฮันจัดการไปเรียบร้อยก็ตะโกนขึ้นมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเอาแต่ใจและเย่อหยิ่ง “ฮวงชูเจิ้น ฆ่ามัน! ไอ้ปีศาจนี่มันหักซี่โครงฉัน!”
ไม่ทันขาดคำด้วยซ้ำ——
กึก!
มือของเสี่ยวเย่ก็ถูกชูฮันหักทันที
“อ๊ากกกกกกกก!” เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของเสี่ยวเย่ดังลั่น ตามมาด้วยเหงื่อที่ไหลซึมเต็มหน้าผากเพราะทรมาน
หลังจากซีโครงหักแล้ว มือก็หักอีกด้วย