“แม่น้ำ” ทุกคนงุนงงและพึมพำออกพร้อมๆกัน พวกเขาไม่เข้าใจว่าชูฮันชี้ไปที่แม่น้ำสองสายตรงหน้าทำไม
ชูฮันเดินตรงเข้าไปหาแม่น้ำพร้อมกับอธิบายไปด้วย “นี่คือแม่น้ำใหญ่สายเดียว แต่สาเหตุที่เราเห็นเป็นสองสายเล็กๆเพราะว่าเสาหินมันตั้งอยู่ตรงกลางจึงแยกทางไหลของแม่น้ำออกเป็นสองสายแบบนี้”
ทีมกุ้งเสือดำรีบตามมาดูทันที เช่นเดียวกับหลูปิงเซ่อและฟานเจี้ยนที่รีบก้าวเท้าตามจากด้านหลังสุดมาดูตามที่ชูฮันพูด
ชูฮันเดินมาถึงแม่น้ำ สายตาจับจ้องไปที่น้ำสีเปล่าตรงหน้าไม่ลดละ “เสาหินอยู่ใต้น้ำ”
นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชูฮันต้องเจอกับสถานการณ์นี้ เสาหินระยะ 3 เองก็อยู่ใต้น้ำเหมือนกันและก็เป็นเสาหินที่เคลื่อนที่ไปมาอยู่ตลอดเหมือนกัน ชูฮันไม่รู้ว่ามันเกี่ยวข้องกันมั้ย แต่พอมาติดอยู่ในน้ำแบบนี้มันช่วยลดปัญหาของชูฮันไปได้มากทีเดียว เพราะว่ารายชื่อทั้งหลายจะถูกซ่อนเอาไว้ในน้ำไม่มีใครเห็นนั่นเอง
มันมีรอยยิ้มปรากฏตัวที่ใบหน้าของชูฮัน ขณะชี้ไปที่ผิวน้ำตรงหน้า “ฉันจะเข้าไปทำการประเมิณ พวกนายตั้งแคมป์รอบๆบริเวณนี้ มันคงใช้เวลาไม่น้อยเลย พวกนายควรหาอะไรกินและนอนพักกันซะ”
“ครับ” เสี่ยวเคินตอบรับทันที หัวหน้าบอกว่ามันใช้เวลาไม่น้อยและพวกเขาควรตั้งแคมป์รอ แสดงว่ามันคงนานพอควรกว่าหัวหน้าจะออกมาได้
ฟานเจี้ยนยกมือขึ้นแตะจมูกตัวเองและเดินเข้าไปหาสมาชิกทีมกุ้งเสือดำเพื่อขอเต้นท์ ในเมื่อชูฮันบอกว่ามันต้องใช้เวลานาน ถ้างั้นเขาก็จะนอนหลับเต็มอิ่มให้เต็มที่ แม้ตัวเขาจะยังคิดไม่ตกว่าทั้งหมดนี่มันคืออะไร แต่ในเมื่อชูฮันอยากจะเข้าไปในเสาหินเพื่อทำการประเมิณ เรื่องอะไรเขาต้องไปเดินวนสำรวจตรวจสอบทั่วเสาหินอีก?
“ฉันมองไม่เห็นรายชื่อเลย หัวหน้าจะต้องออกมาพร้อมกับข่าวดีแน่ๆ หัวหน้าจะต้องเป็นอันดับหนึ่งของรายชื่อระยะ 4 แน่นอน!” หลูปิงเซ่อตะโกนเพื่อปลุกระดมไม่หยุด
มีความภาคภูมิในแววตาของชูฮัน “แน่นอน”
จากนั้นชูฮันก็กระโดดลงไปในน้ำอย่างรวดเร็ว เขาเป็นที่หนึ่งอยู่เสมออยู่แล้ว อย่าพูดไร้สาระ!
หลังจากชูฮันหายไปแล้ว ทุกคนที่ยืนอยู่ริมแม่น้ำก็ตกอยู่ในความเงียบสนิท แตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่ส่งเสียงโห่เชียร์กันดังลั่น และเป็นเพราะเสียงดังน่ารำคาญก่อนหน้านี้ ฟานเจี้ยนจึงแยกตัวออกไปอีกทาง ตั้งเต้นท์นอนคนเดียวอย่างสบายใจ
กวนผิงที่ล้มลุกคลุกคลานมาตลอด ปาดเหงื่อที่โชกตามหน้าออก และมองไปที่กัปตันเสี่ยวเคิน “กัปตันจะนอนมั้ยครับ?”
“ห้าสิบคนแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม แต่ละกลุ่มให้หลับทีละสองคน ที่เหลือเฝ้าเวรยาม พลัดเปลี่ยนเวรกันทุกสองชั่วโมง” เสี่ยวเคินออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ เขาไม่ยอมผ่อนปรนหรือประมาทเลยแม้แต่วินาทีเดียว ท่านพลเอกชูฮันบอกให้พวกเขาพักกันที่นี่แต่มันไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะสามารถผ่อนปรนการระวังภัยได้
————–
ทันทีที่ชูฮันเจอกับเสาหินระยะ 4 เขาก็เริ่มกำหนดเป้าหมายตามหาชิ้นส่วนระบบล่มสลายที่ทันที ในขณะเดียวกันเวลานี้ทั่วทั้งจีนก็กำลังเกิดเรื่องน่าตกใจครั้งใหญ่
การจลาจลที่เกิดขึ้นอยู่ในความสนใจของทุกคน ทุกคนกำลังพูดถึงเรื่องนี้กันหมด แม้แต่พวกค่ายเล็กๆหรือกลุ่มคนอพยพที่อยู่ในป่าลึกก็ตาม
เพราะว่ารายชื่อของระยะ 2 ที่ชื่อของหลูฮงเชิงปรากฏขึ้นนั่น มันน่าตกใจพอๆกับอันดับแรกที่ชูฮันทำไว้ ถึงแม้ว่าอันดับที่หนึ่งจะยังคงเป็นชูฮันอยู่ แต่ข้อความที่ปรากฏได้เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง
มันแตกต่างไปจากทุกครั้งและทุกคนเพราะคะแนนที่ต่อท้ายชื่อของหลูฮงเชิงที่เข้าประเมิณโดยรวมคือ S+!
S+ อีกคน ที่นอกเหนือจากชูฮัน คนที่สองที่ได้ S+!
ระเบิด ทั่วทั้งจีนกำลังตกอยู่ในความโกลาหล!
ค่ายใหญ่ๆทั้งหลายต่างส่งกองกำลังที่เก่งที่สุดของตัวเองออกไปเพื่อทำการสอบสวน ชื่อของหลูฮงเชิงที่ปรากฏขึ้นโด่งดังภายในชั่วข้ามคืน คนมากมายกำลังคิดหาวิธีกันวุ่นวายเพื่อเปลี่ยนโชคชะตาของตัวเอง
ท่ามกลางสถานการณ์ที่กำลังดุเดือดนี้ เหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของค่ายเขี้ยวหมาป่ากลับรวมตัวกันอย่างนิ่งสงบภายในห้องเล็กๆที่ไม่มีใครรู้ กองโจรที่ตั้งขึ้นโดยชูฮันซึ่งลักพักตัวหลูอี๋ผู้นำค่ายเจียนอี๋มาระหว่างตอนนอน
“นี่ฉันจะต้องลืมตามาเจอแกทุกครั้งที่ตื่นเหรอไง?” นี่เป็นประโยคแรกหลังจากหลูอี๋ตื่นขึ้นมา
“อย่าพูดไร้สาระ” หยางเทียนตะโกนใส่หน้าหลูอี๋ทันที
“ปลดมัดฉันทีได้มั้ย?” หลูอี๋ใช้สายตาจ้องหยางเทียนแน่น
หยางเทียนเดินเข้ามาหา “ลืมไปเลย”
“ไม่จำเป็นต้องคลายมัด จะเป็นปัญหาเปล่าๆ” ซางจิ่วตี้ที่อยู่ถัดไปพูดขึ้น นิ่วหน้าเล็กน้อยหากไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตา “ทำทุกอย่างให้เสร็จแล้วค่อยส่งตัวกลับทีเดียว”
“ก็จริงครับ” หยางเทียนหมุนตัวกลับมานั่งที่เดิม
ทันใดนั้นหลูอี๋ก็เกิดอาการตระหนกขึ้นมา นี้มันรักแรกของเขานี่นา? ซางจิ่วตี้ เธอติดนิสัยเลวๆของไอ้ชูฮันมาแล้วสินะ!
“ในเมื่อทุกคนอยู่ที่นี่ ฉันจะเริ่มเลยแล้วกัน” ซางจิ่วตี้เปลี่ยนอารมณ์ทันที เธอนั่งลงที่เก้าอี้ตำแหน่งหลัก สีหน้าและการเคลื่อนไหวของเธอเริ่มจะเหมือนชูฮันเข้าไปทุกที ทุกคนในห้องเงียบสนิทลงทันทีเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเธอ “ฉันเชื่อว่าทุกคนได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของรายชื่อระยะ 2 กันแล้ว ซึ่งนี่คือหัวข้อของการประชุมในครั้งนี้”
“ใช่! ใช่!” หลูอี๋พยายามจะแสดงตัว เขารีบพูดแทรกขึ้นมา “ฉันมุ่งมั่นที่จะตามหาคนที่ชื่อหลูฮงเชิงนี่ แม้ว่าระยะจะไม่ได้สูงอะไร แต่ความลับของ S+ นั้นคือเรื่องที่จริงจัง ตอนนี้ทุกค่ายกำลังตามหาตัวหลูฮงเชิงกันหมด ฉันเกรงว่ามันจะไม่ใช่เวลาของเรา”
หลูอี๋พูดจบ ทั้งห้องก็เงียบกริบ สายตาทุกคนมองมาที่หลูอี๋ราวกับคนโง่
“โอ้? ทำไมทุกคนถึงมองฉันอย่างนั้นล่ะ?” หลูอี๋ไม่เข้าใจ
เฉินช่าวเย่ส่ายหน้าอ้วนๆของตัวเองเงียบๆจนไขมันสั่นกระเพื่อมและเอ่ยถามผู้ชายขนดกคนหนึ่งที่นั่งอยู่หัวมุม “หลูฮงเชิง มาพูดถึงสถานการณ์นี้กันก่อน”
แก๊ก!
คอของหลูอี๋หันขวับเสียงดับ หน้าขาวซีด เขาหันขวับมาอย่างรวดเร็วจนคอแทบหักด้วยความตกใจ!
เขาไม่คิดจริงๆว่าผู้ชายคนนี้คือหลูฮงเชิง ชายผู้โด่งดังที่คนทั่วทั้งจีนกำลังตามหากลับมาอยู่ในห้องประชุมเล็กๆนี่ และยังเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสของค่ายเขี้ยวหมาป่า? กรืซซซซซ!
หลูฮงเชิงที่ตัวกำลังสั่น หน้าแดงก่ำ ดูท่าทางผิดปกติ เพราะทันทีที่เฉินช่าวเย่พูดจบ เขาก็ต้องกลั้นขำกลับหลูอี๋ที่แสดงความบื้อออกมาโดยไม่รู้ตัว “ที่หัวหน้าชูฮันพูดถูกต้องแล้ว กระบวนการทั้งหมดก็เป็นอย่างที่เรารู้ หลังจากการประเมิณโดยรวมมาถึงคะแนน S เสาหนิจะถามว่าเราอยากจะเชื่อมต่อกับโลกคู่ขนานมั้ย แล้วฉันก็เข้าไปทำการทดสอบและได้นี่ออกมา!”
หลูฮงเชิงพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เขายกมือขึ้น มันมีก้อนหินเท่าฝ่ามืออยู่ในนั้น เขาวางมันลงบนโต๊ะ มันเป็นก้อนหินสีแดงเข้ม มีประกายจางๆบางอย่างให้เห็น เต็มไปด้วยความลึกลับทันทีที่ได้เห็น
ทุกคนแทบหยุดหายใจ สายตาจับต้องไปที่ก้อนหิน
และในจังหวะนั้นเอง——
หลูอี๋ส่งเสียงกระซิบขึ้นอีกครั้ง ร้องไห้ราวกับเด็ก “อ๊ากก! เอวฉันบิด!”