โลกาวินาศล่มสลาย ตอนที่ 697 ไม่เผยหน้า
บนอาคารสูงใจกลางเมืองหนานตู้ ในขณะที่ซูฮันกําลังอ่อนล้าและหลับสนิทด้วยความเหนื่อยชายหน้าแปลกก็โดนหวังไคนั่งจับจ้องท่ามกลางความเงียบเป็นเวลาพักใหญ่
ชายร่างผอมที่ทนไม่ไหว จู่ๆก็ลุกขึ้นและยื่นแขนบิดด้วยความเมื่อย แล้วทันใดนั้นก็เริ่มก้าวเท้าออกเดินมาทางซูฮัน
“กรรร…” เสียงขู่เบาๆราวกับขู่ของหมาถูกส่งออกมาจากลําคอของหวังไค หวังไคในร่างกระต่ายยักษ์รีบลุกขึ้นมายืนบังหน้าชูฮันที่กําลังหลับเอาไว้ทันที มันพยายามทําท่าขู่ให้ดุมากที่สุดเท่าที่จะทําได้เพื่อขู่ให้อีกฝ่ายกลัว
“ฉันให้ที่พึ่งแก แกยังปกป้องมันอย่างกับพระเจ้า!” ชายร่างผอมตะลึง ชูมือที่ว่า งเปล่าขึ้นให้หวังไคดูพร้อมกับเดินถอยหลังไปสองก้าวและชี้นิ้วไปที่กองไฟที่อยู่ใกล้กับซูฮัน “อยากจะเอาไฟของฉัน มันน่าเบื่อเกินไป ได้หรือไม่”
“กรรร.” หวังไคหรี่ตาจ้องอีกฝ่ายเขม็ง
“พระเจ้า!” ชายร่างผอมยิ่งประหลาดใจที่ได้เห็นท่าทีของหวังไค เขาพยายามใช้น้ําเสียงอ่อนๆปลอบประโลมราวกับกําลังคุยอยู่กับเด็กสามขวบ “เข้าใจฉันหรือเปล่า? ถ้างั้นช่วยส่งไฟมาให้ฉันที่”
หวังไคกรอกตาและโยนไฟใส่มือของชายร่างผอม!
“เข้าใจภาษาคนได้ด้วย!” มันเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่งสําหรับชายร่างผอมที่เห็นว่าหวังไคสามารถเข้าใจที่ตัวเองพูด เขาไม่ได้สนใจมองไพ่ที่ถูกส่งมาเลยสักนิด เอาแต่จ้องหวังไคไม่วางตา “เฮ้อ่อ นายของแกตั้งชื่อให้ว่าหวังไคสินะ? ฮ่าฮ่าฮ่า นี่มันชื่อของหมาชัดๆ!”
หวังไคตาโตกว้างทันที ซูฮันตั้งชื่อมันนี่? นี่ซูฮันแกล้งมันเพราะเสียความทรงจําเลยตั้งชื่อหมาให้มันเหรอ?
“เฮ้ย นายไม่พอใจงั้นเหรอ?” แม้หวังไคจะไม่แม้แต่หันกลับไปมอง แต่ชายร่างผอมก็จับสังเกตท่าทีของหวังไคได้ เขาเต็มไปด้วยความสนใจในตัวหวังไคสุดๆ “สวัสดีหวังไคฉันชื่อชินยู่ชวนเจ้านายของแกชื่ออะไรเหรอ? ฉันไม่มีเวลาได้ทันถามเลย”
หวังไคไม่พูด ตอนแรกมันคิดว่าชายร่างผอมน่าจะมีปัญหาทางจิต แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะน่าอึดอัดแบบนี้
“โอ้ ใช่ ฉันลืมไปว่าแกพูดไม่ได้” ชายร่างผอมชื่อชินยู่ชวนแตะหัวตัวเอง ทันใดนั้นเขา ก็เหมือนนึกบางอย่างขึ้นได้สีหน้าตื่นเต้นเป็นประกาย ”หวังไค แกอยากเล่นไพ่มั้ย?”
พระเจ้า!
หวังไคอยากจะพ่นไฟใส่หัวในยู่ชวน ไอ้คนบ้านี่มันมาจากไหนกัน?
“ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะสอนแกเอง!” ชินยู่ซซนยังคงพยายามกล่องหวังไคต่อ “มานี่สิ ถึงแม้จะมีแค่เราสองคน ไม่สิหนึ่งคนกับหนึ่งกระต่าย แต่มันก็ยังดีกว่าฉันเล่นกับตัวเองมาเร็วสิมานีมาเล่นเกมส์กัน!”
หวังไคกลืนน้ําพร้อมกรอกตา หลังจากกระพริบตาปริบๆอยู่ครู่หนึ่ง มันก็ออกตัวเดินเข้าไปหาชินยู่ชวน
เล่นไพ่งั้นเหรอ?
ฟังดูสนุกดี!
ในเวลาเดียวกัน ทีมกุ้งเสือดําก็รีบเคลื่อนย้ายตัวเองก็มาตามตําแหน่งที่หวังหลินบอก มันเป็นเขตก่อสร้างตึกดูเหมือนพึ่งก่อสร้างไปเสร็จเพียงแครึ่งทาง และพวกเขาก็เห็นสัญลักษณ์ของการมีชีวิตที่หวังหลินเอ่ยก่อนหน้านี้บนตึกสูงเรียบๆที่ฉาบปูนไว้
และมันก็ยังมีซากศพซอมบี้นอนระเกะระกะตามพื้นอยู่แถวๆทางเข้าไปในตัวตึก และเป็นเพiาะแผนตาข่ายป้องกันขนาดใหญ่ที่ติดตั้งไว้ ทําให้ซอมบี้ไม่สามารถปีนขึ้นไปตามความสูงของตุกได้ ซึ่งมันน่าจะมีคนอยู่ในตึกจริงๆอย่างที่ว่า
“ขึ้นไปดูมั้ยครับ?” กวนผิงปาดเลือดสีดําที่เปื้อนหน้าเล็กน้อยออก เอ่ยถามด้วยน้ําเสียงกังวลเล็กน้อย
ผู้รอดชีวิตในแต่ละเมืองนั้นจะมีลักษณะความเป็นอยู่แตกต่างหันตามสภาพของเมืองนั้นๆและส่วนใหญ่จะอยู่ในสภาพที่ลําบากสุดๆ รันทดยิ่งกว่ากลุ่มผู้รอดชีวิตที่อาศัยอยู่ในลี้ภัยตามค่ายต่างๆซะอีก และในขณะเดียวกันคนพวกนี้ก็จะซับซ้อนและเข้าใจได้ยากสุดๆ พวกเขาจะไม่มีบรรทัดฐาน และยอมทําทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของตัวเอง เพื่อการอยู่รอด
“เราต้องหาที่นอนพัก!” เสี่ยวเดินพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ และออกคําสั่ง “ พวกเขาน่าจะอยู่ที่ชั้นสย เราไปที่ชั้นเจ็ด อย่าไปยุ่งกับพวกเขา เราแค่มาเพื่อพัก!”
“ครับ!” สมาชิกทีมกุ้งเสือดํากระซิบตอบรับ
ทุกคนรีบเข้าไปในทางเดินของอาคารด้วยเสียงที่เบาที่สุดทันที พวกเขามุ่งหน้าขึ้นไปที่ชั้นเจ็ดของอาคารตามคําสั่ง ซึ่งความสูงระดับจะสามารถหลีกเลี่ยงฝูงซอมบีมหาศาลด้านล่างได้และก็เป็นการหลีกเลี่ยงมนุษย์ด้วยกันเช่นกัน เพราะท้ายที่สุดแล้วเราไม่รู้ว่าแต่คนละเผชิญกับอะไรมา บ้างแล้วสภาพจิตใจตอนนี้เป็นอย่างไร มันอันตรายเกินไปและก่อนที่จะได้เจอหัวหน้าชูฮัน ทุกคน ไม่อยากจะหางานให้ตัวเองเพิ่ม
เพียงแต่ทุกอย่างมักไม่เป็นไปตามที่เราคาด ยังไม่ทันที่ทีมกุ้งเสือดําจะขึ้นไปถึงชั้นที่สามเลยจู่ๆมันก็มีร่างยักษ์ของผู้ชายหลายคนปรากฏขึ้นต่อหน้าทีมกุ้งเสือดํา ชายสองคนยืนประจันหน้ากับทีมกุ้งเสือดําอย่างไม่สามารถคาดเดาท่าที่ได้
“ใคร?” ชายร่างยักษ์คนหนึ่งตะโกนถามอย่างต่อต้านทันที ตาจ้องเขม็งมาที่เสี่ยว เกินและคนอื่นๆอย่างไม่เป็นมิตร พวกเขาไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยสักนิด เป็นไปได้ยังไงที่คนเยอะขนาดนี้ขึ้นมาถึงข้างบนนี้โดยไม่มีเสียงเลย?
“พวกฉันเจอกับกลุามซอมบี้ ก็เลยวางแผนจะขึ้นมาที่หาพักสักหน่อย” เสี่ยวเดินเป็นคนตอบเขายิ้มและถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างแสดงเจตจํานง “แต่ถ้ามีคนอยู่ที่นี้ ถ้าอย่างนั้นเราจะไปหาที่อื่น”
หลังจากนั้น ทีมเสือดําก็กําลังจะถอยและตั้งใจจะจากไป
“ช้าก่อน!” ในตอนนั้นเอง จู่ๆก็มีเสียงผู้หญิงดังขึ้นมา ที่มาของเสียงดูเหมือนจะอยู่ที่สูงกว่าพวกเขา และเธอก็ไม่คิดเผยกายตัวเองออกมา “มันไม่มีที่ปลอดภัยที่อื่นใกล้ๆนี้ ทีมสังเกตการณ์ตรวจดูสภาพความเป็นอยู่ของผู้หญิงในกลุ่มแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะมีผู้หญิงแค่คนเดียว แต่เธอดูปกติไม่น่าจะเป็นพวกขยะ ปล่อยให้พวกเขาขึ้นมาพัก”
ทันทีที่พูดจบ ชายร่างยักษ์ทั้งหลายที่ยืนคุมทางเดินเอาไว้อยู่ก็เปิดทางให้ทีมกุ้งเสือดําทันทีและแสดงท่าที่เป็นมิตรออกมา
ส่วนทีมกุ้งเสือดําก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก พวกเขาจะบอกว่าโชคดีก็ว่าได้ ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอกับกลุ่มที่มีผู้หญิงเป็นผู้นํา จากความไร้มนุษย์ที่ได้เห็นในค่าเถาจนทําให้พวกเขาไม่คิดว่าจธได้เห็นอะไรแบบนี้ในโลกาวินาศ
ทีมกุ้งเสือดําทิ้งความกังวลลง และเดินขึ้นมาจนถึงด้านบน มันเป็นสวรรค์สําหรับการหนีซอมนี้จริงๆ ไม่เพียงแค่มาจะสูงไกล แต่ยังเงียบสงบ และชั้นบนๆขึ้นไปมันน่าจะมีผู้รอดชีวิตหลายคนอาศัยรวมกันอยู่ และดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่มีปัญหาเรื่องการขาดแคลนอาหารกันเลย มันน่าจะเป็นชีวิตที่ดีเลยด้วยซ้ํา
ในขณะที่ทีมกุ้งเสือวางแผนจะหยุดพักที่ชั้นเจ็ด จู่ๆก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับนิ่วหน้า”มีคนอาศัยอยู่ชั้นนี้แล้ว พวกนายควรจะขึ้นไปชั้นที่สูงกว่าชั้นสิบ เพราะตั้งแต่ชั้นหกถึงสิบมีคนอาศัยอยู่หมดแล้ว”
เสี่ยวเดินกระพริบตา มองไปที่พื้นที่ว่างเปล่ารอบๆตัวชายคนที่พูด “มันไม่มีใครอยู่ที่นี่นี้”
“พวกเขาออกไปหาอาหาร” ชายคนเดิมสารภาพน้ําเสียงแข็งกระด้าง “คนส่วนใหญ่ต้องออกไปหาอาหารระหว่างวันและพวกเขาจะกลับมาตอนค่ํา พวกนายมาใหม่เลยไม่รู้แต่ห้ามมาแย่งที่ นอนของคนพวกนี้”
เสี่ยวเดินกล่าวขอโทษ “ขอโทษที งั้นเราจะขึ้นไปข้างบน
“ขอบคุณที่เข้าใจของ”
อีกครั้งที่ทีมกุ้งเสือดําต้องลากสังขารอันเหนื่อยล้าของตัวเองขึ้นบันไดไป หลังจากขึ้นมาจนถึงชั้นสิบ พวกเขาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งเงียบอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่า ทั้งชั้นของชั้นสิบนั้นว่างโล่งโจ้ง มีเพียงแค่ผู้หญิงคนนี้คนเดียวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ผมยาวดําสนิท เธอใส่ชุดรัดรูปและดูทะมัดทะแมง รูปร่างที่มองจากด้านหลังนั้นดูเย้ายวนมาก
ทันใดนั้นทีมกุ้งเสือดําก็มองกันและกันทันที บางคนไม่เข้าใจว่าทําไมผู้หญิงคนนี้ถึงมานั่งคนเดียวแบบนี้?
มีเพียงแค่หวังหลินที่เคยมีประสบการณ์ในสงครามกลางภูเขามาก่อน ค่อนข้างตึงเครียดและกังวล เขารีบถอยหลังหนีทันที่และระแวงตัวอย่างมาก “ไม่มีใบหน้า มันอาจจะเป็นลูกผสม”