ตอนที่ 701 ซอมบี้โลหะ
ด้วยความสามารถของทีมกุ้งเสือดําทําให้พวกเขาหลบหนีหายลับไปทันทีอย่างรวดเร็วความ เหนื่อยล้าที่พวกเขาสะสมมาตั้งแต่เมื่อวาน ทั้งการเผชิญหน้ากับซอมบี้ที่อัดแน่นเต็มท้องถนนแล้วไหนจะเมื่อตื่นมาเจอกับกลุ่มลูกผสมอีก 20 ตัว ทว่ามันกลับไม่ส่งผลต่อพละกําลังและความสามารถของทีมกุ้งเสือดําเลยแม้แต่น้อย กลุ่มลูกผสมถูกทิ้งห่างไกลออกไปเรื่อยๆทุกขณะและคาดว่าภายในอีกไม่เกินห้านาที กลุ่มลูกผสมจะหมดหนทางในการแกะรอยทีมกุ้งเสือดําไปอย่างสิ้นเชิง
ในเวลาเดียวกัน ณ ใจกลางเมือง ชูชันที่ได้นอนพักและกินอิ่มเรียบร้อยก็ได้พละกําลังของเขากลับคืนมาแล้ว ด้วยความสามารถที่มีในตอนนี้ของชุฮันไม่จําเป็นต้องการความช่วยเหลือของหวังไคให้พาหนีเลยสักนิด เขาใช้งานขวานซิ่วโหลระยะ 5 ประกอบกับพละกําลังระยะ 5 ตอนนี้มันทํางานสอดคล้องกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซอมบี้ตามข้างทางถูกคลื่นพลังงานของขวานซิวโหลที่ฟาดผ่านตายนอนกองกันเป็นบือ
ในที่สุดหวังไคก็มีโอกาสได้กลายร่างกลับไปที่ขนาดเท่าฝ่ามือเหมือนเดิม มันซ่อนตัวอยู่ในกระเป๋าชูชันที่กําลังเผชิญหน้ากับฝูงซอมบี้
ในช่วงเวลาเดียวกันบนถนนนองเลือด ซูฮันก็ยังคงมุ่งหน้าฟาดฟันซอมบี้ที่ขวางทางเขาที่กําลังมุ่งหน้าไปที่ทางออกของเมืองด้วยความเร็วสูงสุด ซอมบี้ที่กระจายตัวอยู่ตามถนนไม่สามารถหยุดยั้งซูฮันได้เลย ซูฮันสามารถแม้กระทั่งฆ่าซอมบี้แต่ละตัวโดยเฉลี่ยได้ภายใน 0.1 วินาที และปล่อยหน้าที่ไล่เก็บคริสตัลเป็นของหวังไค
ขณะที่ซูฮันเคลื่อนไหวเพื่อไปทางสะพาน ในที่สุดซูฮันก็ทําได้ถึงเป้าหมายที่เขาตั้งใจ เขาต้องการออกไปจากพื้นที่ที่รุ่งเรืองที่สุด พื้นที่ที่ในอดีตมีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นที่สุดเพราะมันก็หมายถึงจํานวณของซอมบี้ที่มากตามเช่นกัน หลังจากสามารถข้ามสะพานออกมาได้ ปริมาณของซอมบี้ที่อีกฝั่งของสะพานก็น้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงยังมีสิ่งก่อสร้างที่พังทลายและกีดขวางเส้นทางน้อยกว่าอีกด้วย
จังหวะที่ซูฮันยืนอยู่บนกลางสะพานนั่นเอง มันก็มีซอมบี้ร่างใหญ่โตที่รูปร่างแตกต่างจากซอมบี้ตัวอื่นๆอย่างเห็นได้ชัดปรากฏตัวขึ้น ลูกตาที่ปูดโปนออกมานั่นแสดงถึงความโหดเหี้ยมได้อย่างน่าสะพรึงกลัว
ชูอันชะงักฝีเท้า สัมผัสระดับ 5 ของเขาเปิดการทํางานสูงสุดทันทีเพื่อสังเกตการณ์ซอมบี้ตรงหน้า มันไม่เหมือนกับซอมบี้ตัวอื่นๆที่ซูฮันเคยเผชิญหน้ามาก่อนเลย ซอมบี้ตัวนี้ไม่ได้สูงชะลูกอะไรมาก แต่มันกลับให้ความรู้สึกแข็งแกร่งและอึดทึก และน่าจะไม่สามารถรับมือได้ง่ายๆ
“ซุปเปอร์ซอมบี้?” หวังไคเงยหน้าขึ้นมาจากกระเป๋าพร้อมกับถามซูฮันด้วยสีหน้าจริงจังและสงสัย มันกวาดสายตาสํารวจซอมบี้ตรงหน้าอย่างมุ่งมั่น “ทําไมซอมบี้ตัวนี้มันดูแปลกๆ?”
ซูฮันยืนไม่ไหวติงอยู่กลางสะพาน มันมีซอมบี้ระยะต่ําสามตัวนอนตายอยู่ที่เท้าด้วยฝีมือของชูฮัน รอบๆตัวซูฮันก็มีกองซากศพซอมบี้จํานวนมากไล่เป็นทางยาวหลายกิโลเมตร
“ซอมบี้ตัวนี้มันมีสติปัญญา มันสามารถสั่งการจิตใต้สํานึกตัวเองได้ มันจะต้องเป็นซุปเปอร์ซอมบี้แน่ๆ” ชูฮันเอ่ยขึ้น ขณะที่เจ้าซอมบี้ร่างใหญ่อีกฝั่งของสะพานก็ยังคงยืนนิ่งจ้องตาและรอคอยปฏิกิริยาของซูฮันเช่นกัน
ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดที่สุดระหว่างซุปเปอร์ซอมบี้และซอมบี้ธรรมดานั่นก็คือความสามารถพิเศษที่หลากหลาย และที่สําคัญที่สุดก็คือจิตใต้สํานึก มันก็เหมือนกับการปกครองของมนุษย์ มันจะต้องมีคนหนึ่งที่มีอํานาจปกครองสูงสุด ใหญ่ที่สุด เป็นหัวหน้าในการพูดแทนทุกคนเช่นเดียวกันกับโลกของซอมบี้ที่มีหัวหน้าใหญ่
ตรงหน้าชูธันในตอนนี้คือซุปเปอร์ซอมบี้ที่สามารถรวบรวมซอมบี้จํานวนรมหาศาลมาล้อมรอบซูฮันได้อีกครั้ง ซอมบี้ทั้งหลายฟังคําสั่งของซุปเปอร์ซอมบี้ พวกมันยืนรออยู่รอบๆอย่างฟังคําสั่งไม่พุ่งเข้ามาซูฮันด้วยความคลั่งอย่างเช่นเคย ด้วยความสามารถในการควบคุมที่เห็นได้ชัดนี้ มันก็ชัดเจนแล้วว่าตรงคือซุปเปอร์ซอมบี้
มันมีเสียงร้องโหยหวนและคํารามดังสนั่นก้องไปทั่วบริเวณของเหล่าซอมบี้ทั้งหลายราวกับกําลังสนับสนุนหัวหน้าของพวกมัน ขณะซูฮันที่ยืนจ้องหน้ากับซุปเปอร์ซอมบี้อยู่จู่ๆก็ยิ้มมุมปากพร้อมกับดวงตาที่เปล่งประกายของอํานาจและการไม่ยอมจํานนขึ้น
ด้วยเหตุนี้ ซูฮันจึงกระชับมือที่จับขวานซิ่วโหลให้แน่นขึ้น
“พี่บ!”
ลําแสงสีดําอันทรงพลังวาดผ่านในอากาศมุ่งหน้าเข้าใส่ร่างของซุปเปอร์ซอมบี้
หากในจังวะเดียวกับร่างของซุปเปอร์ซอมบี้ก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนเห็นเพียงแค่เงาสีดําพาดผ่านไปมาในอากาศ และหลบหลีกการโจมตีของซูฮันได้
แววตาของซูฮันพลันส่องแสงประกายจ้า จิตสังหารพวยพุ่งขึ้นสุดขีด
อยากจะเล่นใช่มั้ย!
ณ สถานที่แห่งหนึ่งซึ่งชูยันไม่รู้จัก บนอาคารสูง มันมีเหล่าผู้รอดชีวิตหลายคนกําลังใช้กล้องส่องทางไกลมองไปที่สะพานข้ามฟากอย่างใจจดใจจ่อ
“มีคนข้ามสะพานไปคนเดียว!” ชายหนุ่มคนหนึ่งส่งเสียงบอกทุกคน เขาเป็นเด็กหนุ่มอายุ 18 ปีชื่อว่าหยางดิน สีหน้าของเด็กหนุ่มในตอนนี้นั้นตกใจจนแทบจะช็อคค้างกับภาพที่ตัวเองได้เห็น
ยืนอยู่ข้างๆหยางดินก็คือพี่ชายฝาแฝดของเขาชื่อว่าหยางลาน ซึ่งก็มีอาการช็อคเช่นเดียวกับหยางดิน หากหยางลานนั้นสามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีกว่าหยางดิน เขาเพียงยืนตกใจอยู่เงียบๆไม่ได้ส่งเสียงอะไร
“มีคนต้องตายอีกครั้ง” ทางด้านหลังของกลุ่มคนที่ยืนมองไปที่สะพาน มีน้ําเสียงดูถูกของเสี่ยวหยุนเทียนดังขึ้น เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มคนกลุ่มนี้ นี้เป็นอาคารที่เหล่าผู้รอดชีวิตอาศัยอยู่ร่วมกัน และทุกคนได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพและให้เกียรติกันและกัน
หยางดินเพียงแค่ยิ้ม ไม่ปล่อยกล้องส่องทางไกลในมืออก และยังคงจับจ้องไปที่ภาพตรง สะพานไม่วางตา
ในตอนนั้นเอง เด็กหนุ่มเพียงคนเดียวในห้องซึ่งนั่งอยู่ที่มุมห้องพร้อมกับเช็ดดาบยาวอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมาพูด “เราควรวิ่งไปผู้ชายคนนั้นที่สะพาน ผู้ชายคนนี้มีพละกําลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งมาก เรา สามารถออกไปจัดการซอมบี้ร่วมกับชายคนนั้นด้วย ไม่แน่เราอาจจะสามารถทลายซอมบี้ที่ขวา งทางได้ครั้งนี้”
“ยูเว่ยอย่าฝันกลางวัน” เสี่ยวหยุนเทียนรู้ว่ายู่เว่ยกําลังยิ้มเยาะใส่ตัวเองอยู่ หากเขาไม่ คิดสนใจแววตาประชดชันที่แสดงออกมาผ่านสายตามันไม่สามารถปกปิดได้ “ไม่มีใครสามารถผ่านสะพานนี้ไปได้ อย่าลืมว่าเราสูญเสียกันไปมากเท่าไหร่ น้องชาย อย่าปล่อยให้พวกเราต้องตายเพื่อความเห็นแก่ตัวของนายเอง”
ยู่เว่ยเช็ดดาบยาวด้วยมือของตัวเองต่อ เม้มริมฝีปากแน่น สายตาจ้องเขม็งไปที่โซฟาหรูหราในห้องซึ่งเสี่ยวหยุนเทียนนั่งอยู่ บนตัวมีเสื้อผ้าราคาแพงและมีผู้หญิงสองคนนั่งขนาบข้างอย่างเอาใจและคอยปรนนิบัติเสี่ยวหยุนเทียนอยู่
เสี่ยวหยุนเทียนเองก็จ้องตอบแววตาเย่อหยิ่งและจองหองของยู่เว่ยเช่นกัน ทันใดนั้นความไม่ พอใจก็พวยพุ่งขึ้นมา และในจังหวะนั่นเอง เหล่าคนที่กําลังใช้กล้องส่องทางไกลมองไปที่ะสพานอยู่จู่ๆก็ส่งเสียงขึ้นมาแทรกทั้งสองคนที่กําลังจ้องตากันอยู่
“ผู้ชายคนนั้นสู้กับซอมบี้เหรอ?” หยางดินอุทานลั่นขึ้นมา
เสี่ยวหยุนเทียนยังคงไม่ขยับ หากมันมีการดูถูกเล็กน้อยปรากฏขึ้นในแววตาของเขา “ซอมบี้พิเศษตัวนั้นโจมตีรวดเร็วจะตาย ไอ้หนุ่มนั้นคงจะตายในวินาทีถัดไป”
“ไม่ มันไม่ใช่” เสียงของหยางดินสั่นๆ สายตาจับจ้องไปที่ภาพตรงหน้าโดยไม่ละสายตาไปไหน “ผู้ชายคนนั้นโจมตีใส่ซอมบี้ แถมการต่อสู้ยังสูสีกันอีกด้วย!”
“อะไรนะ?” เสี่ยวหยุนเทียนกระโดดขึ้นมาจากโซฟาที่นั่งอยู่ สีหน้าเหลือเชื่อ “มันเป็นไปได้ยังไง? ซอมบี้นั่นมันคือซอมบี้โลหะ!”
คนที่เหลือภายในห้องก็รีบหยุดการกระทําของตัวเองทันที ทุกคนรุมกันเข้ามาที่หน้าต่างจ้องไปที่สะพานด้านล่างผ่านกล้องส่องทางไกลอย่างสนใจ และทุกคนก็ต้องตาเบิกกว้างอย่างตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น และยังคงจ้องต่อไปตาไม่กระพริบ