พลตรีสิงโตผุดลุกขึ้นยืนขณะมองไปที่เท้าของชูฮันที่ก่อนหน้านี้เหยียบเขาเอาไว้ นี้มันเป็นไปได้ยังไง? ทำไมมันถึงมีคริสตัลของซอมบี้ระยะ 4 ได้ เขาไม่สามารถเทียบกับไอ้เด็กนี่ได้ติดเลย เขาจำเป็นต้องใช้ความช่วยเหลือจากกองทัพ
ถ้าวันนี้เขาไม่ได้ฆ่าไอ้เวรนี่ให้ตาย อย่ามาเรียกเขาว่าสิงโต!
หลิวยู่ติงมีสีหน้าแปลกๆ ไม่ใช่เพราะเสียงคัดค้านของพลตรีสิงโตแต่เป็นเพราะชูฮันเองก็ส่งเสียงคัดค้านเช่นกัน เขาอุตส่าห์ไว้ใจว่าชูฮันจะดูแลตัวเองได้แต่นี่อะไร อยู่ดีๆก็ควักเอาคริสตัลของซอมบี้ระยะ 4 ออกมา?
นายคิดอะไรอยู่….ชูฮัน!
ชูฮันทำให้ทุกอย่างยิ่งวุ่นวายขึ้นไปอีก พลตรีโง่เง่านี่ชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ คนแรกที่วิ่งมาถึงเพื่อช่วยพลตรีสิงโตคือระดับยศพลตรีเช่นกัน…หลิวยู่ติง ที่เป็นพลตรีหนุ่มที่มีความสามารถและซื่อตรง อีกทั้งนอกจากชูฮันจะไม่มีท่าทีกังวลหรือกลัวการเหยียบหน้าทหารยศสูงอย่างพลตรีสิงโตแล้วแต่ท่าทางยังนิ่งสงบดูไม่ทุกข์ร้อนอีก
ได้! ในเมื่อทุกอย่างให้เรื่องเงียบ งั้นก็ได้! หึ!
เขาไม่ยอม จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด มันต้องยิ่งใหญ่ ใหญ่เท่าไหร่ยิ่งดี ม่ถึงขนาดผู้บัญชาการแต่อย่างน้อยต้องระดับนายพล
ไม่อย่างนั้น เขาจะป่าวประกาศให้หมด! พลตรีสิงโตคิด
ความคิดของทั้ง 3 คนแตกต่างกันออกไป หากแต่ละคนก็มีความคิดที่แน่วแน่ของตัวเอง มันแทบจะไม่สอดคล้องกันเลย ตอนนี้มันกลายเป็นมุมสามเหลี่ยม ทุกคนต่างอยู่กันคนละมุม
ในมุมมืดมุมหนึ่ง เหอเฟิงมองมาที่ภาพสถานการณ์ที่อยู่ไม่ไกลข้างหน้า พร้อมกับยกวิทยุสื่อสารในมือขึ้นมา…
ภายในห้องประชุมฉุกเฉินภายในศูนย์บัญชาการของเมืองชั้นใน คนมากมายต่างตบโต๊ะโวยวายกันด้วยความไม่พอใจ ในตอนนั้นเองผู้บัญชาการมู๋ก็วางวิทยุสื่อสารในมือลง “ใจเย็นๆ ค่ายของเราแค่มีแขกมาเยือน มันเลยเกิดความวุ่นวายขึ้น พลตรีสิงโตแค่ตื่นตระหนกก็เลยเผลอหลุดคำว่าข้าศึกโจมตีออกมา”
เพียงแวบเดียว นายทหารยศสูงทั้งหลายในห้องประชุมก็มีท่าทีสับสนขณะจ้องมาที่ผู้บัญชาการมู๋ด้วยแววตาลังเล
“ใครกัน”
“ชูฮัน”
—————
“มึงต้องการใช้คริสตัลแลกเพื่อให้มึงได้ผ่านไป?” พลตรีสิงโตหัวเราะพลางชี้นิ้วใส่หน้าชูฮัน “ไอ้พลเรือนคนนี้มาที่นี้เพราะต้องการเข้าร่วมกับกองทัพ แต่มันทำร้ายพลตรี พลเรือนทำร้ายเจ้าหน้าที่ถือเป็นอาชญากรรม! กูบอกมึงแล้วว่านี่ยังไม่จบ วันนี้กูจะต้องฆ่าไอ้คนลี้ภัยที่ไม่มีตัวตนนี่ให้ได้!”
หลิวยู่ติงรู้สึกค่อนข้างรำคาญ ทุกอย่างเริ่มหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ เกินกว่าจะควบคุม—-
“ปัง!”
จู่ๆชูฮันก็กระแทกเข้าที่หน้าของพลตรีสิงโต!
พัฟ!
เลือดไหลทะลักออกมาจากปากของพลตรีสิงโต ร่างยืนไม่มั่นคงจนเซถอยหลัง
ชูฮันสะบัดมือ เขาตบพลตรีสิงโตต่อหน้าทุกคน!
ตาของหลิวยู่ติงแทบจะถลนออกมา หัวใจเต้นระรัว สีหน้าเหมือนหมดหนทางและไม่รู้จะทำอย่างไรดี
พลตรีสิงโตหลุบตาเหลือบมองใบหน้าอีกซีกของตัวเองที่ซึ่งบวมเป่ง และมองมาที่ชูฮันด้วยสายตาชั่วร้าย “มึงกล้า—-“
“ปัง!”
ชูฮันปล่อยอีกหมัดใส่พลีสิงโต
ชูฮันพูดด้วยน้ำเสียงแข็งๆ “หุบปาก”
หน้าของหลิวยู่ติงคร่ำเครียด…ชูฮันเป็นบ้าไปแล้วเหรอไง?
และในขณะนั้นเอง——–
ซือ—- ซือ—–
วิทยุสื่อสารในมือของใครสักคนส่งเสียงคลื่นความถี่วิทยุออกมา เสียงมันดังมาจากบริเวณไม่ไกลจากตรงที่พวกเขาอยู่กัน และมีเสียงของคนที่เหมือนกำลังมุ่งหน้าเดินมาตรงนี้
“รับทราบครับ” เหอฟิงตอบรับใส่วิทยุสื่อสารในมือ พร้อมกับเข้าถึงมาถึงพลตรีสิงโตและพลตรีหลิวยู่ติง พลตรีสิงโตที่เริ่มยืนนิ่งได้รีบระงับอาการโกรธของตัวเองไว้
การปรากฏตัวของเหอเฟิงทำลายสถานการณ์ตึงเครียดของมุมสามเหลี่ยมของทั้ง 3 คนลง
และในขณะเดียวกัน หัวใจของพลตรีสิงโตเต้นรัวอย่างรุนแรง จมูกเลือดไหลออกไป หน้าตาเขียวช้ำ ยิ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าเหอเฟิง พลตรีสิงโตยิ่งรู้สึกอับอายมากเข้าไปอีก!
ถึงแม้หลิวยู่ติงจะไม่ใช่คนหัวรุนแรงเท่ากับสิงโต แต่เขาก็มีสีหน้าจริงจังและคร่ำเครียด ขณะยกมือขึ้นวันทยาหัตถ์แสดงความเคารพต่อเหอเฟิง
ปฏิกิริยาของพลตรีทั้งสองนายปรากฏต่อสายตาของทุกคนรอบข้างที่มองมา แววตาของทุกคนต่างเผยความแปลกใจออกมา คนคนนี้คือใครกัน?
โดยเฉพาะจูเล่อเลอและหลินเทียนซีสีหน้าของทั้งสองคนต่างเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ตราที่ติดอยู่ตรงหน้าอกของเหอเฟิงแสดงถึงตำแหน่งที่ต่ำกว่าหลินเทียนซียศหนึ่ง แต่ปฏิกิริยาของพลตรีทั้งสองคนมันน่าแปลกมาก!
เหอเฟิงมองไปที่คน 3 คนตรงหน้าและจงใจเมินพลตรีสองคนตรงหน้า สายตาของเหอเฟิงจับจ้องไปที่ชูฮันคนเดียวเท่านั้น
ในตอนนี้ชูฮันไม่มีการปลอมตัวใดๆ ใบหน้าของเขาเปิดเผยเต็มหน้า แตกต่างจากตอนที่ค่ายตวน ครั้งนี้เหอเฟิงจำชูฮันได้ทันทีเพียงแค่มองมาครั้งเดียว
มันมีประกายวาบอยู่ในแววตาของเหอเฟิง พร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงขึ้น
นี่คือชูฮัน?
นี่คือคนที่ทำให้เขาต้องดั้นด้นตามหามานานหลายเดือน และเป็นครั้งแรกที่ทำให้เขาทำภารกิจล้มเหลว
ชูฮันมองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้าที่เริ่มเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ คิ้วของชูฮันกระตุกเล็กน้อยขณะเหลือบมองไปที่ตราร้อยเอกบนหน้าอกของเหอเฟิง มันมีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของชูฮันถึงแม้ชูฮันจะจำไม่ได้ว่าร้อยเอกเหอเฟิงเคยเจอกับเขาตอนไหน แต่มันเห็นได้ชัดว่าเหอเฟิงจำเขาได้
เหอเฟิงที่ยืนอยู่ต่อหน้าทั้งสามคนปรับสีหน้าตัวเองให้กลับไปนิ่งสงบเหมือนเดิม “ผู้บัญชาการมู๋เรียกตัว”
10นาทีต่อมา ชูฮัน หลิวยู่ติง เหอเฟิง และสิงโตคลั่งยืนอยู่ตรงทางเข้าห้องประชุมฉุกเฉิน มีคนมากมายนั่งเรียงยาวกันที่โต๊ะประชุมยาว คนส่วนใหญ่แอบชำเลืองตามองมาทว่าเห็นได้ชัดว่าสายตาของพวกเขาจับจ้องมาที่ชูฮันด้วยความสงสัยเป็นเวลานาน
คนพวกนี้สำหรับชูฮันก็เหมือนสายตาของลิงที่มองมา เขาชะลอความอยากรู้อยากเห็นของคนพวกนี้มานานหลายเดือนแล้ว ในเมื่อตอนนี้พวกมันอยากเห็นก็จะปล่อยให้มองให้พอ!
“มาแล้วครับท่าน” เหอเฟิงเดินเข้าไปรายงานผู้บัญชาการมู๋ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ
สายตาของผู้บัญชาการมู๋จับจ้องมาที่ชูฮัน ตามมาด้วยคำถามเปิดแบบสุ่ม “เกิดอะไรขึ้น?”
พลตรีสิงโตไม่ได้สังเกตว่านายทหารชั้นโตทั้งหลายต่างจ้องไปที่ชูฮันกันหมด และอาศัยโอกาสชิงพูดก่อน “ท่านเห็นมั้ยครับ ผมเป็นพลตรีของค่ายซางจิง แต่พลเรือนคนนี้มาลงทะเบียนที่สำนักงาน และทำให้เกิดการจลาจล ผมจำได้ว่ามันมีกฏของกองทัพ การทำร้ายทหารถือเป็นความผิดอาชญกรรม”
พลตรีสิงโตไม่ยังพูดต่อไม่หยุด “แต่พลตรีหลิวยู่ติงกลับปกป้องพลเรือนนี่—–“
“แสดงว่านายคือหลิวยู่ติงนี่เอง!” จู่ๆชูฮันก็พูดขัดพลตรีสิงโตขึ้นมา ชูฮันมองไปที่พลตรีหนุ่มที่ยืนอยู่ถัดไปด้วยความประหลาดใจ