ครั้งนี้ ที่การประชุมถูกเรียกขึ้นอย่างฉุกเฉินเพราะมีข้าศึกโจมตีค่าย ความฉ้อโกงของชูฮันได้สร้างรอยลึกอันตราตรึงให้แก่คนมากมาย รวมถึงหลายคนที่สาบานกับตัวเองว่าต้องได้เจอชูฮันสักครั้งในชาตินี้ พันชางเซียนผู้เก่งกาจถึงกับพูดอะไรไม่ออก
พลตรีสิงโตคลั่งโดนลดขั้นลงไป 2 ระดับ ตอนนี้เขามีตำแหน่งพันโท สิงโตซึ่งเป็นวิวัฒนาการระยะ 3 และถือตนว่าสำคัญยืนตะลึง
“ชูฮัน”
ตอนจบของการเรียกประชุมฉุกเฉิน ชูฮันที่ต้องการออกไปพร้อมกับหลิวยู่ติงโดนผู้บัญชาการมู๋เรียกตัวไว้ก่อน “ตอน 9 ของเช้าวันแรกของปีใหม่ อย่าลืมว่าคุณต้องเข้าพิธีสาบานตน ฉันจะเป็นคนมอบตราตำแหน่งให้คุณด้วยตัวเองกับมือ”
ชูฮันมองผู้บัญชาการมู๋ด้วยสายตาจริงจัง “ตกลง”
หลังจากออกมาจากห้องประชุม หลิวยู่ติงก็พาชูฮันไปที่พักของทหารตำแหน่งพลเอก ถึงแม้มันจะเป็นแค่ที่พักชั่วคราว หากมันก็แตกต่างจากคนอื่นโดนสิ้นเชิง มันหรูหราจนเกินคำบรรยาย
“ชูฮัน” หลิวยู่ติงอุทานลากเสียงยาว เสียงของหลิวยู่ติงไม่ได้ดังหากแต่มันแฝงมาด้วยอารมณ์ “นี่มันเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ชัดๆ”
“ฉันก็คิดว่าอย่างนั้น” ชูฮันยิ้มมุมปาก
“อภิสิทธิของตำแหน่งพลเอกเทียบเท่ากับจอมพลเลย! พระเจ้า! นายได้รับผลประโยชน์มากมาย ฉันไม่รู้ว่าถ้าพลเอกคนอื่นๆรู้เข้าจะชักตายเลยรึเปล่า” หลิวยู่ติงตื่นเต้นมากจนแทบจะกระโดดโลดเต้นด้วยความสุข “ฉันขอเข้าร่วมกับนายได้มั้ย?”
“ได้สิ!” ชูฮันตอบด้วยรอยยิ้ม ตามมาด้วยการคำนวนในหัวที่ซ่อนเร้นไว้พร้อมกับประโยคต่อมา “พาฉันไปเจอเฉินช่าวเย่สิ”
——————
นอกเมืองอันลู ที่หยางเทียนได้ก่อตั้งค่ายขนาดเล็กขึ้น ติงซือเย้าตื่นเต้นขนาดถือกระเป๋าสัมภาระของเขาอยู่ตรงจุดเปิด ร้อยเอกเหอเฟิงหรือหัวหน้าของเขาน่าจะส่งคนมารับเขากลับไปที่ซางจิง
แม้ค่ายเล็กๆแห่งนี้จะล้าหลังและยากเค้น แต่ติงซือเย้ากลับมีความรู้สึกลังเลเล็กน้อยที่จะต้องจากไป และถึงแม้สมาชิกทีมฮูหยาจะอยู่ในช่วงลาพัก แต่อย่างน้อยหังหน้าจะต้องส่งเฮลิคอปเตอร์มารับเขากลับไปฉลองด้วยกันสิ?
อืม ก็ทานมื้อค่ำเฉลิมฉลองแล้วค่อยส่งกลับมาทำภารกิจต่อ!
ติงซือเย้ามีภาพวาดฝันสวยงาม เขารอคอยเฮลิคอปเตอร์อย่างตื่นเต้นตลอดค่ำคืน!
หากมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น…
เช้าตรู่วันต่อมา ทั้งค่ายเข้าสู่ความวุ่นวาย วันนี้เป็นวันสุดท้ายของปีนี้ และค่ำวันนี้จะเข้าสู่ปีใหม่ปีใหม่ของยุคโลกาวินาศ ทั้งค่ายจัดมื้อค่ำที่เรียบง่ายแต่มีนัยสำคัญขึ้นเพื่อฉลองระยะเวลา 5 เดือนที่พวกเขามีชีวิตรอด
ห้องทำงานของซางจิ่วตี้เต็มไปด้วยผู้คนเดินเข้าเดินออก ภายในเวลาไม่กี่เดือนผู้จัดการค่ายได้จัดตั้งระบบการจัดการที่ดีเยี่ยมขึ้น เธอวางระบบให้เหมาะสมกับคนที่มีความสามารถในฐาน ทุกคนถูกคัดเลือกและได้รับการฝึกฝน ซึ่งมันทำให้หยางเทียนรู้สึกสิ้นหวัง หากในขณะเดียวก็ชื่นชมการตัดสินใจของชูฮัน การปรากฏตัวของซางจิ่วตี้ได้นำพามาซึ่งประโยชน์ที่มากมายต่อค่าย!
ขณะนี้มันเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเข้าสู่ปีใหม่ ทุกคนในค่ายมีหน้าที่ของตัวเองที่ต้องทำกันหมด พวกเขายุ่งวุ่นวายแต่ไม่มีใครหงุดหงิด
“เฮ้ย! ทำไมนายถึงอยู่ที่นี้ แล้วสมาชิกในทีมฮูหยาล่ะ…ติงซือเย้า?” เด็กสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องทำงานของซางจิ่วตี้และเห็นติงซือเย้าที่ยืนอยู่ถัดไปพร้อมกับตาที่แดงก่ำ เธออดไม่ได้ที่จะเชิดคางขึ้นพลางหัวเราะออกมา
ชื่อของเธอคือ หยางเซีย เดิมเธอเป็นนักศึกษาปีหนึ่งแผนกบริหารการจัดการ หลังจากการปะทุเกิดขึ้น เด็กสาวก็ถูกข่มเหงอย่างน่าทารุณแต่หลังจากซางจิ่วตี้เข้ามาบริหารค่าย เธอก็ตัดสินใจจะแสดงตัว เธอมีความสามารถด้านการจัดการอยู่ในสายเลือด พร้อมกับการฝึกฝนจนตอนนี้เธอได้กลายมาเป็นมือขวาของซางจิ่วตี้
ติงซือเย้าอดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้น เขาไม่รู้ว่าเขาควรจะร้องไห้หรือหัวเราะดีขณะถือกระเป๋าสัมภาระอยู่ ติงซือเย้าพูดด้วยเสียงโทนต่ำ “มีอะไรที่ฉันช่วยได้มั้ย?”
“ไม่จำเป็นสำหรับติงซือเย้าผู้ยิ่งใหญ่” หยางเซียเหลือบตามองติงซือเย้า “คุณมีเฮลิคอปเตอร์จะมารับไม่ใช่เหรอไง? คุณไม่ได้กำลังรีบอยู่เหรอ?”
ติงซือเย้าแทบจะร้องไห้ เธอเหมือนกับซางจิ่วตี้ราวกับแกะ แถมยังถูกวางตัวไว้ให้เป็นผู้จัดการของค่าย
“ฉันไม่ได้กลับซางจิง หึหึหึ” ติงซือเย้าเองก็ได้แต่พูดความจริงออกไปด้วยเสียงกระซิบ “ฉันจะอยู่วันปีใหม่”
“อ๋าาาาาาาา” หยางเซียร้องเสียงดัง “ฉันรอแทบไม่ไหวที่จะให้คนทั้งค่ายได้ยินเรื่องนี้ หัวหน้าของนายทิ้งนายเหรอ?”
“ปัง!”
ติงซือเย้าโยนกระเป๋าลงพื้นและหมุนตัวหนี ด้านหลังของเขามีเสียงหัวเราะชอบใจอย่างมีความสุขของหยางเซียดังตามมา
“เหอเฟิง! แม่งเอ๊ย! ฉันขอสาปแช่งแกทั้งชีวิต!?” ติงซือเย้าพูดมุบมิบขณะเดิน
———
“ฮัดชิ้ว!”
ณ ค่ายซางจิง เหอเฟิงที่กำลังจัดการกับงานทางการอยู่ จู่ๆก็จามออกมา
“หัวหน้า!”
ในตอนนั้นจุนจื่อและจุ้ยชูก็เดินเข้ามา
“พวกเรากลับมาแล้ว” เหอเฟิงพยักหน้าพร้อมกับยื่นแบบเอกสารให้ “ตามปกติ ส่งมอบรายงาน”
จากนั้นเหอเฟิงก็แตะจมูก ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนเขาลืมบางอย่างไป?
“หัวหน้า” และตอนนั้นเองจุ้ยชูก็พูดแทรกความคิดของเหอเฟิงขึ้นมา “เอกสารนี้ไม่จำเป็นต้องกรอกข้อมูล….ภารกิจยังไม่สำเร็จ”
“หืม” เหอเฟิงตะลึงขณะมองไปที่สมาชิกของทีมฮูหยาสองคนนั้น ทั้งจุนจื่อและจุ้ยชูมีอัตราความสำเร็จสูงมาตลอด มันเกิดอะไรขึ้น?
แต่ถึงอย่างไรแล้ว ทั้งคู่ก็อายุเพียงแค่ 14 เท่านั้น และตอนนี้ทั้งคู่ก็ดูใจเสียอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะเด็กสาวจุ้ยชูที่แทบจะร้องไห้อยู่ร่อมร่อ “ภารกิจถูกปล้น!”
5 นาทีต่อมา เหอเฟิงมองไปที่สมาชิกทีมฮูหยาสองคนนั้นที่ไม่กล้าจะสบตากับเขา ความคิดในหัวของเหอเฟิงตีวุ่นกันไปหมด
ภารกิจของเขาคือการส่งมอบตราตำแหน่งให้กับชูฮัน ผลลัพธ์คือภารกิจที่ดูธรรมดาแต่มีความสำคัญมากล่าช้าออกไปหลายเดือน และสุดท้ายชูฮันก็มาปรากฏตัวด้วยตัวเองถึงห้องประชุม
กลายเป็นว่าภารกิจของจุนจื่อและจุ้ยชู ที่พึ่งกลับมาถึงก็ล้มเหลวเช่นกัน และมันเป็นเพราะชูฮัน
นี่ชูฮันเป็นตัวซวยสำหรับทีมฮูหยาของพวกเขาใช่มั้ย?