“ชูฮัน?” เสียงของเหอเพ่ยหยวนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“ชูฮัน?” เสียงของเหอเฟิงเองก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจเช่นกัน
“ชูฮัน!” เสียงของคู่แฝดที่ดังขึ้นก็เต็มไปด้วยการแข่งขัน
ชูฮันที่ยืนอยู่นอกบ้านแสยะยิ้มอยู่เสี้ยววินาที นี่มันอะไร? นี่มันค่อนข้างแปลกนิดหน่อยกับปฏิกิริยาแบบนี้!
“ชูฮัน? เข้ามาก่อนสิ!” เหอเพ่ยหยวนรีบชักชวนชูฮันเข้ามาข้างในทันทีอย่างตื่นเต้น “นายมาซางจิงได้ยังไง? ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วเหรอ? นายเจอพ่อแม่มั้ย? เอ่อ นี่คือลูกชายฉัน—-“
ทันทีที่เหอเพ่ยหยวนหมุนตัวกลับไป
คำพูดของเขาก็ติดอยู่ในลำคอกับภาพที่ได้เห็น เขาตะลึงเมื่อได้เห็นสภาพของทั้งสามคนบนโต๊ะอาหาร เขาพึ่งเดินไปเปิดประตู มันเกิดอะไรขึ้นกับสามคนนี้?
เหอเฟิงยิ่งตะลึงกว่าเมื่อมองหน้าพ่อของเขาเอง อะไรคือท่าทางคุ้นเคยแบบนั้น พ่อเขารู้จักชูฮันงั้นเหรอ? ทำไมเขาไม่รู้เรื่องนี้?
จุนจื่อและจุ้ยชูเองก็ตะลึง ทำไมไอ้คนชั่วที่ปล้นภารกิจของพวกเขาถึงมาอยู่ที่นี้ได้?
หลังจากชูฮันเข้ามาในบ้าน เขาก็มองไปรอบๆและมองสีหน้าที่น่าขำของเหอเฟิง จุนจื่อและจุ้ยชู
เมื่อตอนที่อยู่ในห้องประชุม เขาก็พอจะเดาได้อยู่ว่าชายหนุ่มคนนี้คือเหอเฟิง ถึงแม้ชูฮันจะไม่เคยเจอกับเหอเฟิงมาก่อนแต่เขาพอจะคาดเดาได้จากลักษณะและพฤติกรรม ชื่อของเหอเฟิงพึ่งจะเป็นที่รู้จักหลังจากการปะทุผ่านไป 5 ปี ชัยชนะการสงครามครั้งใหญ่ทำให้เขาสร้างชื่อขึ้นมาและกลายเป็นที่รู้จักทั่วโลก
และฉายาที่เขาได้รับคือ—–
เทพพระเจ้าแห่งเครื่องจักร!
เขามาบ้านของเหอเพ่ยหยวนเพื่อที่จะมาตรวจสอบว่าใช่เหอเฟิงคนเดียวกันกับที่เขาคาดเดาไว้มั้ยแต่กลายเป็นว่ามันเป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเหอเฟิงคือหัวหน้าแสนจะลึกลับของทีมฮูหยา!
ทีมฮูหยาต่างจากหลงยา หัวหน้าของทีมหลงยานั้นไม่ได้จงใจจะปิดบังตัวตนตั้งแต่แรกเริ่มเหมือนเหอเฟิง แถมวิธีการทำงานของทีมก็ค่อนข้างเย่อหยิ่ง ทีมหลงยาจัดว่าเป็นหน่วยงานที่แข็งแกร่งที่สุดของจีน รวมถึงบุคลิกที่แข็งแกร่งที่หัวหน้าทีมที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้
แต่ทีมฮูหยาจะเต็มไปด้วยเล่ห์ ไม่ได้จงใจจะทำตัวไร้ตัวตนแต่มักจะตามมาทีหลัง ซึ่งเกี่ยวข้องกับหัวใจการทำหลักของทีมและวิธีการทำงานของหัวหน้า
เหอเฟิงและเขี้ยวมังกรเป็นคนที่ดุดันทั้งคู่ หากพวกเขาเดินคนละเส้นทางกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งนำไปสู่หน้าที่การทำงานและภารกิจที่แตกต่างกันออกไป
“หึ!” ดูน่าสนใจนิดหน่อย!
ทุกอย่างภายในบ้านนิ่งวงัด มันมีประกายบางอย่างฉาบผ่านนัยน์ตาชูฮันไปอย่างรวดเร็วและในขณะที่กำลังขบคิดบางอย่าง—-
“ปัง!”
ประตูที่พึ่งจะปิดลงไม่นานจู่ๆก็ถูกกระแทกเปิดออก พร้อมเสียงดังลั่นที่ดังพุ่งเข้ามา “เกี๊ยว!—–“
มีคนสองคนเดินเข้ามา คนหนึ่งตัวโตอีกคนตัวเล็ก เขาไม่รู้ว่าชายหนุ่มตัวโตนั้นคือใคร แต่สำหรับเด็กผู้หญิงนั้น——
“พี่ชายชูฮัน?!” เลาเสี่ยวเสียวตะโกนด้วยเสียงที่ตื่นเต้นดีใจอย่างมาก เธอพุ่งเข้าสู่อ้อมแขนของชูฮันทันทีพร้อมกับร้องไห้โฮออกมาอย่างหนัก
เลาเสี่ยวเสียวที่ชื่อเสียงโด่งผู้ไม่เคยเกรงกลัวใครและไม่มีใครในซางจิงกล้าจะขัดคำสั่งเธอ แม้แต่มือปืนพระเจ้าอย่างเฉินช่าวเย่ยังตกเป็นของเล่นของเธอที่ไม่สามารถขัดใจเธอได้เช่นกัน
แต่ตอนนี้เลาเสี่ยวเสียวกลับร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนชูฮัน?
ทันใดนั้นชาช่าวหน่านก็รู้สึกอับอายขึ้นมา เขาตกใจที่พึ่งนึกว่าเลาเสี่ยวเสียวในปีนี้อายุแค่ 12 ปี และหลังจากผ่านวันนี้ไปเธอจะอายุ 13 ปี ไม่ว่าเธอจะเป็นคนที่เฉลียวฉลาดมากแค่ไหน เขาก็ยังเป็นเพียงแค่เด็กสาว
จุนจื่อและจุ้ยชูรู้สึกสยองมันเหมือนกับเห็นผีที่ได้เห็นภาพเลาเสี่ยวเสียวร้องไห้ ผู้ชายคนนี้ทำไมถึงทำให้เลาเสี่ยวเสียวร้องไห้ได้?
จุนจื่อและจุ้ยชูเงียบสนิท จะบอกได้ว่าคนที่พวกเขากลัวมากที่สุดไม่ใช่หัวหน้าฮูหยาของพวกเขา หรือฟานผู้เก่งกาจจากทีมหลงยา แต่เป็นเลาเสี่ยวเสียวคนคลั่ง เธอสามารถทำให้ทุกคนสลายตัวได้ในพริบตากับความคลั่งของเธอ เธอไม่มีกฏระเบียบหรือวินัยใดๆ ทุกอย่างมาตามอารมณ์ที่แสนจะเอาแต่ใจของเธอเท่านั้น
ในตอนนี้ที่ได้เห็นภาพเลาเสี่ยวเสียวกอดชูฮันทันทีที่เห็น ประกอบกับที่ชูฮันได้ปล้นภารกิจจากพวกเขาไปแล้วถึง 2 ครั้ง สมาชิกของฮูหยาทั้งสองคนรู้สึกมึนหัวจนอยากจะอ้วก
เหอเฟิงขี้เกียจเกินกว่าจะคิดเรื่องปัญหาของชูฮัน การวิเคราะห์ต่างๆและกลยุทธ์ที่เตรียมการไว้ก่อนหน้านี้เพื่อรับมือกับชูฮันได้หายไปในพริบตา!
เหอเฟิงรู้ในทันทีที่พ่อเขาส่งอาหารให้ชูฮัน การเตรียมการก่อนหน้าจบสิ้นแล้ว!
หลังจากชูฮันและเลาเสี่ยวเสียวได้เจอกัน เด็กน้อยก็ไม่ยอมจากไป เธอเอาแต่จ้องมดที่ไต่ขึ้นหม้อเกี๊ยวและรอจนในที่สุดมันก็เป็นเวลาเที่ยงคืนและเข้าสู่เวลาส่งท้ายของปีเก่า เลาเสี่ยวเสียวจึงยอมที่จะกลับเข้าไปในเมืองชั้นใน
ชูฮัน เฉินช่าวเย่และหลิวยู่ติงเองก็บอกลาทุกคน
เวลา 2 โมงในตอนเช้า เฉินช่าวเย่กลับมาที่พักของเขา และทันทีที่เปิดประตูก็ได้เห็นภาพเซียเหว่ยที่นั่งร้องไห้ราวกับฝน ส่วนจานต่างๆที่แตกกระจายวันก่อนถูกเธอเก็บกวาดเรียบร้อยหมดแล้ว เซียเหว่ยรอคอยอยู่ที่นี้คนเดียวหนึ่งวันเต็มและดูเหมือนจะร้องไห้มาตลอด
“ท่านพลโท ในที่สุดท่านก็กลับมา” สีหน้าของเซียเหว่ยแฝงไว้ด้วยความไม่พอใจ
เฉินช่าวเย่มองเธอด้วยสายตาแปลกๆ “นี่เธอรอมาวันหนึ่งเลยเหรอ?”
เซียเหว่ยพยักหน้า ตาของเธอแดงก่ำและเต็มไปด้วยความเศร้า “ปีใหม่ปีแรก แต่ฉันอยู่คนเดียวและยังไม่ได้กินอะไรเลย”
“แล้วทำไมเธอไม่กิน?” เฉินช่าวเย่ไม่เข้าใจจุดประสงค์ของเซียเหว่ย ถึงเขาจะแสยะยิ้มอยู่ในอกหากกลับแสร้งทำเป็นห่วงใยเซียเหว่ยอย่างมากพลางชี้ไปตามบ้าน “เธอไม่หิวแย่เหรอไง โง่รึเปล่า?”
เซียเหว่ยไม่รู้จะตอบอย่างไร เฉินช่าวเย่ไม่เข้าใจอารมณ์ของเธอ เธอจึงแสร้งหลอกถามเฉินช่าวเย่ “ทำไมท่านถึงออกไปโดยไม่บอกกล่าว? ปล่อยให้ฉันวิ่งตามหาท่านไปทั่วในวันปีใหม่?”
เฉินช่าวเย่เพียงเดินขึ้นบันไดและหันมามองเซียเหว่ย “ให้ฉันเปลี่ยนผู้ช่วยดีมั้ย?”
“ไม่ค่ะ—-” เซียเหว่ยตกใจและรีบอ้าปากเพื่อจะขอโทษ
“ไม่!” เฉินช่าวเย่พูดขัดเซียเหว่ยขึ้นมา”ไปทำอาหาร ฉันไม่ได้บอกให้ฉันทำอาหาร 20 จานก่อนฉันไปเหรอไง? แล้วไหนล่ะ?!”
“เอ่อ…” เซียเหว่ยโกรธอยู่ในอก หากเธอยังคงดื้อดึง “แต่ท่านไม่ได้กินที่นี้—-“
“ไม่ได้กินที่นี้?” เฉินช่าวเย่ขัดเซียเหว่ยอีกครั้ง “นั้นใช่อาหารเช้าสำหรับหัวหน้ามั้ย? ฉันบอกว่าฉันต้องได้เห็นอาหารไง ฉันจะขายเธอไปในพื้นที่ผู้ลี้ภัย!”