ไม่เพียงแต่คนที่นั่งไปแล้ว แต่ร้อยโทและพลตรีอีกมากที่เดินตามหลังมาต่างก็ยืนบื้อกันหมดและมองไปที่ชูฮันที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ตำแหน่งของชูฮันเองและในจังหวะนั้นเหล่าทหารที่เดินตามมาถึงพึ่งจะสังเกตเห็นว่าชูฮันได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วและอยู่ในชุดเรื่องแบบของพลเอกเต็มยศ
กระบวนการทุกอย่างสอดคล้องอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีร่องรอยแห่งความผิดพลาด แม้แต่พระเจ้าก็คงไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้ทำได้ยังไง!
“เฮ้ย! หยุดจ้องกันได้แล้ว!” พลเอกคนหนึ่งพูดกับจวงฮงที่นั่งอยู่ข้างๆ “ไม่อายเหรอไง? ผู้คนข้างล่างกำลังดูอยู่นะ!”
จวงฮงรีบดึงสายตาออกจากชูฮัน การที่เขายอมถอนสายตาไม่ใช่เพราะความตกใจและปากที่อ้าค้าง แต่เป็นเพราะตรงหน้ามีผู้คนอัดแน่นกันอยู่จำนวนมากต่างหาก การที่ชูฮันเดินออกมาโดยไม่มีอะไรให้ติเลยสักนิด การปรากฏตัวอย่างสง่างาม การนั่งลงเก้าอี้โดยไม่สนใจสายตาของเขาที่มองไปเลย มันทำให้เขาประหลาดใจอย่างมากและนิ่งค้าง
เมื่อได้เห็นคนจำนวนมากข้างล่าง จวงฮงที่จินตนาการไว้ว่าจะได้เห็นภาพทุกคนหัวเราะเยาะชี้หน้าถากถางชูฮัน กลับมลายหายไป!
ตาของผู้บัญชาการมู๋เป็นประกายและเต็มไปด้วยความโล่งใจต่อชูฮัน
“ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องกังวล!” ใบหน้าของเลาหมิงเรียบสนิท “ถ้านายไม่ไว้ใจชูฮัน นายก็ควรจะไว้ใจหลานสาวของฉัน?”
ผู้บัญชาการมู๋เบะปาก “นี่มันไม่ใช่วันธรรมดา ความผิดพลาดแค่นิดเดียวอาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่โตได้ แล้วจนถึงตอนนี้เด็กหนุ่มนั้นก็ยังไม่ได้เห็นหนังสือรับรองเลย ฉันรู้สึกเป็นกังวลตลอดเวลา”
เลาหมิงเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ถอนหายใจและพูด “ดูสถานการณ์ตอนนี้สิ เตรียมตัวให้ดี เดี๋ยวนายจะต้องขึ้นไปกล่าวปราศัย”
ผู้บัญชาการมู๋พยักหน้า ลุกขึ้นยืนและเดินไปที่แท่นเพื่อกล่าวปราศัย บทพูดของผู้บัญชาการค่อนข้างเป็นกลาง เขาพูดถึงเรื่องการจัดเตรียมการในอนาคตและปลอบประโลมใจผู้คน ส่วนที่เหลือคือเรื่องไร้สาระ…นั่นคือสิ่งที่ชูฮันคิด
“หลังจากที่ได้รับมอบตราพลเอก นายรู้รึยังว่าต้องพูดสาบานตนยังไง?” จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากข้างๆตัว เสียงนั้นไม่ได้ใหญ่อะไรแต่ก็ไม่สามารถเพิกเฉยได้ น้ำเสียงที่ใช้นั้นนิ่งสงบไม่ได้แสดงถึงอารมณ์ใดๆในน้ำเสียงเลย เหมือนกับการพูดคุยทั่วไป
ชูฮันเหลือบมองผู้ชายที่นั่งข้างเขา มุมปากของชูฮันบิดเล็กน้อย “ฉันรู้ มีอะไรรึป่าว?”
พลเอกก็ต้องนั่งข้างพลเอก ชูฮันเป็นพลเอกคนสุดท้ายในพลเอกทั้งหมด โดยไม่คำนึงถึงอายุหรือคุณความดี และการเฉลิมฉลองปีใหม่ในครั้งนี้มีพลเอกเข้าร่วมทั้งหมด 15 คน
ท่าทางของชายที่นั่งข้างชูฮันดูแล้วน่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญมีดผู้โด่งดัง วิวัฒนาการระยะ 5 ของค่ายตวน…ตวนเจียงเหว่ย
เมื่อได้ยินคำตอบสบายๆของชูฮัน ปากของตวนเจียงเหว่ยก็บิดเล็กน้อย หมวกเขาของช่วยปิดบังสายตาที่รุกล้ำของเขาเอาไว้ เขามองตรงไปทางด้านข้างของตัวเมืองเล็กน้อย
“ฉันได้ยินมาว่าปีนี้นายอายุ 20 ปี?” จู่ๆตวนเจียงเหว่ยก็ถามเรื่องส่วนตัวขึ้นมา
ชูอันตื่นตัวหากการแสดงออกของเขากลับดูง่ายๆไม่สนใจอะไร “21 วันนี้”
“โอ้ ขอโทษที” ตวนเจียงเหว่ยนิ่งสงบ และอีกครั้งเขาพูดขึ้น “นายยังไม่ได้เข้าร่วมกับกองทัพ นายน่าจะไม่รู้เรื่องหนังสือรับรองอย่างเป็นทางการ?”
“ไม่รู้…” ชูฮันส่ายหัว จากนั้นก็ชี้นิ้วไปที่กลุ่มทหารผ่านศึกที่ตะโกนคำว่า สาบาน กันอย่างพร้อมเพรียงกับคำว่าปราศัยของผู้บัญชาการมู๋ “การสอนนอกสถานที่”
“นั่นมันคือคำสาบานของทหารทั่วไป” เสียงของตวนเจียงเหว่ยแฝงไปด้วยเล่ห์ “พลเอกไม่ใช่ทหารธรรมดา เพราะพลเอกแทบทุกนายจะมีค่ายเป็นของตัวเอง เพราะฉะนั้นลายลักษณ์อักษรจึงค่อนข้างซับซ้อนและมีภาระผูกพันที่จะต้องบรรลุมากขึ้น”
ชูฮันเลิกคิ้ว “งั้นเหรอ?”
ตวนเจียงเหว่ยมีรอยยิ้มลึก “นายต้องการให้ฉันช่วยมั้ย?”
ชูฮันส่ายหัว “ไม่”
“จริงเหรอ?” ตวนเจียงเหว่ยหันหน้ามามองหน้าชูฮันทันที สายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อดกลั้น “นายยังไม่ได้เห็นลายลักษณ์อักษร จู่ๆนายจะเดินขึ้นไปพูดเลย?”
ชูฮันดูผ่อนคลาย “ฉันจะพูดธรรมดา”
ตวนเจียงเหว่ยชะงัก เขาหมุนตัวกลับไปและเลิกคุย ผู้ชายคนนี้ไม่ยอมเล่นตามเกมของเขา!
ชูฮันนั่งหลังตรง รอยยิ้มบนหน้าเขาเหมือนกับสุนัขจิ้งจอง เขาไม่มีความอดทนพอที่จะมานั่งคิดเรื่องอารมณ์ของใคร ถ้านายบังคับให้ฉันขอความช่วยเหลือฉันก็จะต้องติดหนี้นาย
ความจริงแล้วตวนเจียงเหว่ยไม่ควรมาอยู่ที่นี้ เขาควรจะอยู่ฉลองปีใหม่ที่ค่ายตวนกับคนของเขา แต่ที่ตวนเจียงเหว่ยมาที่นี้ก็เพราะสงสัยและใคร่รู้ในตัวชูฮัน เขาอยากจะเจอคนที่สามารถสร้างปฏิหาริย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าและทำให้ทุกคนดูกลายเป็นคนโง่ได้? อีกทั้งอภิสิทธิที่ชูฮันได้รับในฐานะพลเอก แม้แต่ตวนเจียงเหว่ยที่ได้รับบ้านพักหรูหราและร่ำรวยอย่างมากยังรู้สึกอิจฉา
หลายคนไม่เข้าใจ หากตวนเจียงเหว่ยผู้เคยเฝ้าระวังชูฮันมาตั้งแต่แรกรู้ดีว่าเหล่าคนใหญ่โตในซางจิงนั้นตามหาตัวชูฮันกันมาตั้งแต่แรกเริ่ม ชูฮันอาจจะวางแผนทุกอย่างไว้ตั้งแต่แรก ถ้ามองภาพรวม แล้วชูฮันก็แค่รอให้ทุกคนกระโดดลงไปในเกมส์ที่เขาวางเอาไว้
“ต่อไปนี้คือการแต่งตั้งพลเอกคนใหม่ของจีน เขาได้รับคะแนนการประเมิณจากเสาหินที่ S+ สามครั้งติดต่อกัน และได้อันดับที่หนึ่งติดต่อกันสามครั้งจากการประลองเสาหินของวิวัฒนาการ…ชูฮัน กรุณาขึ้นมาบนเวทีเพื่อรับตราตำแหน่ง!”
ขณะที่เสียงของคนประกาศบนเวทีดังขึ้น ทันใดนั้นทั่วทุกที่ก็ดังสนั่นไปด้วยเสียงปรบมือแสดงความยินดี สายตาของทุกคนพุ่งมาที่แท่นสูงรอคอยให้ชูฮันปรากฏตัวขึ้นมาสู่สายตา ชื่อแปลกๆอย่างชูฮัน พวกเขาอยากจะรู้ว่าคนคนนี้จะหน้าตาเป็นอย่างไร!
ไม่เพียงแต่ประชาชนที่เฝ้ารอดู หากยังรวมเหล่าทหารของกองทัพที่ยืนประจำตำแหน่งอยู่ ทุกคนต่างหันสายตามาที่แท่นสูงรอชูฮันให้ก้าวขึ้นมาแสดงตน ชื่อของชูฮันเป็นตัวแทนของหลายความหมาย…หาก ปฏิหาริย์ คำคำนี้คือสิ่งที่ทำให้หลายคนใคร่รู้
จวงฮงมีสีหน้าอึมครึม มันก็แค่นายพลเอกคนใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้งหลังจากวันปีใหม่วันแรกของยุคโลกาวินาศ ทำไมตอนที่เขาได้รับการแต่งตั้งเขาไม่เห็นจะมีช่วงเวลาน่ายินดีแบบนี้เลย?
ตอนนี้ชูฮันไม่ได้แค่ได้รับการตั้งแต่ในวันแรกของปีใหม่ หากยังเป็นที่อิจฉาของใครหลายคน รวมถึงอภิสิทธิที่ชูฮันได้รับจากตำแหน่งที่เกินจะบรรยายอีก
แม่ง! ทำไมชูฮันถึงได้ครอบครองทุกอย่างที่ดีไปหมด!
หากไม่นานจวงฮงก็รีบปรับสีหน้าของเขาเปลี่ยนมาเป็นเยาะเย้ย ขณะคิด เขายังมีฉากสำคัญให้รอดูอยู่ ชูฮันไอ้เด็กหนุ่มนี้มันยังอ่อนต่อโลก เดี๋ยวมันก็ต้องแสดงความโง่ออกมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ชูฮันพึ่งจะมาถึงแถมยังมาสาย ต่อให้มีใครอยากจะช่วยชูฮันแต่มันก็สายเกินไปแล้วที่จะบอกเขาเรื่องกฏปฏิบัติต่างๆ ไอ้คนที่กลัวเวทีแบบนี้จะกล้าเดินขึ้นไปพูดคำสาบานได้อย่างไร?
ฮ่าฮ่าฮ่า! เขาทนรอดูการแสดงสนุกๆตรงหน้าแทบไม่ไหวแล้ว!