Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย – ตอนที่ 931 เล่นดริฟท์

  ค่ายเขี้ยวหมาป่าในตอนบ่ายยามนี้ช่างแตกต่างจากช่วงเวลาก่อนหน้านี้ราวฟ้ากับเหวในตอนนี้ผู้คนในค่ายตกอยู่ในความคุ้มคลั่ง ชาวบ้านในค่ายทั้งหลายเดือดราวกับน้ำปุดๆ

  หัวหน้าาชูฮันยังไม่ตายหัวหน้าชูฮันได้อันดับที่หนึ่งของระยะ 5 หัวหน้าชูฮันช่วยพวกเขาเผชิญหน้ากับโลกใบนี้!

  ตอนนี้ทั้งโลกรู้แล้วว่าหัวหน้าชูฮันเก่งกาจมากขนาดไหนตอนนี้คนอื่นจะต้องกลัวและรีบส่งความช่วยมาให้ค่ายเขี้ยวหมาป่าเป็นแน่

  ไม่ว่าซอมบี้หรือลูกผสมมาเลย มาสิ กองทัพเขี้ยวหมาป่าจะฆ่าพวกแกไม่เหลือซาก!

  ใครที่พยายามจะทำลายพวกเขาเยาะเย้ย ดูถูก กล้ามาทำต่อหน้าพวกเขามั้ยล่ะ ถ้าแน่จริงก็รอหัวหน้าชูฮันกลับมาแล้วมาเผชิญหน้าที่นี้สิ!   ซางจิ่วตี้เองก็ตื่นเต้นดีใจจนน้ำตาเกือบไหลความกังวลและตึงเครียดที่ทับถมก่อนหน้านี้ในที่สุดก็เปลี่ยนไปทันทีที่รายชื่ออันดับบนเสาหินเกิดการเปลี่ยนแปลง

  ชูฮันคือเสาหินแห่งจิตวิญญาณของทั้งเขี้ยวหมาป่ารวมถึงคำพูดของเฉินช่าวเย่ในการประชุมก่อนหน้านี้ที่ช่วยดึงสติของทุกคนกลับมา สงครามครั้งนี้ไม่ใช่แค่การโจมตีของลูกผสมใส่ค่ายเขี้ยวหมาป่า แต่มันยังเป็นสงครามทางจิตวิทยาด้วย เกมส์ของศัตรูคือการสร้างภาพหลอกให้ทุกคนเชื่อว่าชูฮันตายไปแล้วเพื่อทำให้ค่ายเขี้ยวหมาป่าเสียอำนาจ หลังจากนั้นค่ายอื่นๆก็เลือกที่จะเงียบและเมินเฉยต่อชะตาของเขี้ยวหมาป่า

  แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้วชูฮันเป็นคนที่พลิกสถานการณ์ในพริบตา และมันยังเป็นปัจจัยหลักที่สลายความวุ่นวายทั้งหมดในทันที

  การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของชูฮันในครั้งนี้เปรียบเสมือนระเบิดนิวเคลียร์ที่ระเบิดสติของทุกคนจนสั่นสะเทือนไปหมดผลกระทบของมันไม่ใช่แค่เพียงทำให้ผู้คนเขี้ยวหมาป่าทุกคนเกิดความเชื่อใจและมีกำลังใจขึ้นเท่านั้น แต่มันยังทำให้กองทัพเขี้ยวหมาป่าฮึกเฮิมขึ้น และแผ่ขยายอำนาจของเขี้ยวหมาป่าจนเป็นการกดดันให้ค่ายๆอื่นส่งความช่วยเหลือมาให้ค่ายเขี้ยวหมาป่า

   สุดยอด!นี้มันคือการประกาศกร้าว! ไอดอลของผมเลย!  ติงซือเย้าตบโต๊ะเสียงดังขณะอยู่ในห้องประชุม เขาตื่นเต้นจนหน้าแดงเพราะเลือดที่สูบฉีด

   ทุกคนใจเย็นก่อนฉันรู้ว่าตอนนี้ทุกคนกำลังดีใจ แต่เรื่องสำคัญกว่าที่เราต้องคุยกันคือมาตรการต่อไป ตอนนี้ชูฮันได้ลงมือแล้ว ต่อจากนี้ค่ายใหญ่อื่นๆก็จะเริ่มเคลื่อนไหวตามกันมา เราจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อให้ได้ผลประโยชน์สูงสุด!  ซางจิ่วตี้ยังตื่นเต้นไม่หาย โหนกแก้มขึ้นสีแดงระเรื่อ ทว่าเธอรู้ดีว่าเธอจำเป็นต้องควบคุมและจัดการสถานการณ์โดยรวมทั้งหมด เธอจึงต้องระงับอาการตื่นเต้นสุดโต่งไว้ในใจและเรียกประชุมเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของค่ายทันทีเพื่อหาวิธีรับมือต่อจากนี้

   เย้! เหลาเกาตะโกนด้วยความดีใจใส่เค้กก้อนใหญ่ ทรัพยากรที่ขาดแคลนทุกวันนี้ทำให้เขาแทบเป็นบ้ากับการจัดสรรทุกอย่าง แม้จะต้องจัดสรรปริมาณเสบียงของเหล่ากองทัพเขี้ยวหมาป่าให้น้อยลงไปกว่าเดิม เขาทำดีที่สุดแล้วสำหรับสถานการณ์เช่นนี้ และในตอนนี้ที่ทุกคนกำลังเฉลิมฉลองกัน เหลาเกาก็ตักเค้กก้อนใหญ่เข้าปากเต็มคำ

  ทุกคนในห้องประชุมปรับตัวเข้าสู่สภาวะตึงเครียดทันทีที่เริ่มการปรึกษาหารือสำเนาของแผนการถูกนำเสนอและเปิดอ่านทบทวนทันที ตอนนี้เจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งหมดของค่ายเขี้ยวหมาป่าได้มารวมกันเป็นหนึ่งเดียว มันคือเหตุการณ์ครั้งใหญ่และคือประวัติศาสตร์ของการทำงานร่วมกันที่สูงเป็นประวัติการณ์

  ขณะที่ทุกคนกำลังปรึกษากันด้วยความตึงเครียดทันใดนั้นพวกเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่หนักหน่วง เสียงฝีเท้าที่เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ตามมาเสียงกระแทกประตูของห้องประขุม ร่างของหยางเทียนพุ่งเข้ามาด้วยความรีบ หน้าตาตื่นตระหนก ทำให้ทุกคนไม่สามารถคาดได้ว่าแท้จริงแล้วหยางเทียนกำลังรู้อะไรอยู่ ดูเหมือนว่าเขาพึ่งไปเจอเรื่องบางอย่างที่น่าตกอกตกใจมา

   นี่จาก บนฟ้า!  หยางเทียนพูดทีละไม่เป็นภาษา หยางเทียนยังคงมีหน้าที่รับผิดชอบรักษาความปลอดภัยของค่ายเขี้ยวหมาป่า ทว่าเมื่อเขาอ้าปากพูดออกมาทุกคนในห้องกลับไม่มีใครเข้าใจเลยสักคน

  ซางจิ่วตี้นิ่วหน้า สถานการณ์เป็นยังไง? นายควรใจเย็นและสงบอารมณ์ตัวเองก่อน 

  ซางจิ่วตี้จำเป็นต้องเอ่ยเตือนหยางเทียนเพราะหยางเทียนมีตำแหน่งเป็นถึงกัปตันของค่ายเขี้ยวหมาป่า เป็นวิวัฒนาการระยะ 6 เป็นหนึ่งในคนที่แข็งแกร่งที่สุดของเขี้ยวหมาป่า และก็เป็นเพื่อนสนิทกับชูฮัน หยางเทียนไม่เคยแสดงท่าทีตื่นตระหนกแบบนี้ออกมาเลย ยิ่งโดยเฉพาะต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้

  เพราะฉะนั้นมันมีเกิดอะไรขึ้น?

  มันดีหรือแย่?

  ขณะที่มีความคิดแวบเข้ามาในหัวซางจิ่วตี้หยางเทียนที่ก่อนหน้านี้เร่งฝีเท้าเพื่อมุ่งหน้ามาที่นี้จนเหงื่อตก ก็ตะโกนแหกปากดังลั่นไปทั่วห้องประชุมจนทุกคนเกือบสติหลุด

   มันมีจานบินนนนนน 

   ปึก! 

  ปากกาในมือซางจิ่วตี้ร่วงจากมือทันที

   พ้ะ! 

  เอกสารในมือติงเซวหลุดลงพื้น

   กึก! 

  เสียงคอของคนอื่นในห้องที่ตวัดอย่างแรงจนคอแทบบิด

  นี้มันอะไร?UFO?

  ใครจากไหนส่งอะไรมาอีก?!    ที่ไหน? ซางจิ่วตี้ลุกขึ้นและถามเสียงดุ

  แม้ว่าตอนนี้รูปแบบของสถานการณ์ทำให้หยางเทียนดูเหมือนเป็นคนเสียสติหากปฏิกิริยาแรกของซางจิ่วตี้ไม่ใช่การสงสัยแต่กลับเป็นการถามข้อมูลต่อยอดเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา และเพื่อจะรีบมุ่งหน้าไปดูสิ่งที่ว่า

  สำหรับทุกคนในเขี้ยวหมาป่าไม่ว่ามันจะมีสถานการณ์แบบไหน ไม่ว่ามันจะน่าเหลือเชื่อมากแค่ไหนแต่สิ่งแรกเลยที่ต้องทำคือการสืบสวนและหาคำตอบ โลกมันกลับตาลปัตไปหมดแล้ว แม้แต่ซอมบี้กับลูกผสมก็โผล่ขึ้นมา เพราะฉะนั้นทำไมจะมีอย่างอื่นโผล่ขึ้นมาเพิ่มไม่ได้อีก?

   ฟ้าบนฟ้า!  หยางเทียนพูดติดอ่าง ดูเหมือนกับคนที่สภาพจิตใจล้มเหลว ทำให้ทุกคนเห็นว่าเหตุการณ์สร้างผลกระทบต่อหยางเทียนมากขนาดไหน

  และทันทีที่เสียงของหยางเทียนหายไปในอากาศ——   ฟิ้ว~ 

  ทันใดนั้นวัตถุที่ไม่สามารถระบุได้ซึ่งมีสีดำและขนาดใหญ่ก็บินผ่านหน้าต่างของห้องประชุมไปอย่างรวดเร็วจนเสียงตัดอากาศเหลือทิ้งไว้เพียงหางยาวที่เกิดจากการตัดอากาศด้วยความเร็วสูงทิ้งยาวเป็นทาง ซึ่งมันทำให้ทั้งห้องประชุมชะงักจนทุกคนแทบลืมหายใจ

   เฮือก!ห้ะ! เฮ้ย! 

  ผ่านไปครู่หนึ่งเมื่อทุกคนเริ่มได้สติมันก็มีเสียงตกใจดังไล่ตามๆกันมา ตาของทุกคนยังเบิกกว้างจนแทบถลนด้วยความตกใจ

  อะไรไอ้สิ่งที่บินผ่านหน้าพวกเขาไปคืออะไร?

  ทุกคนในห้องประชุมตกใจจนสมองโล่งคิดอะไรไม่ออก—-

   ฟิ้ว~ 

  เกิดเสียงตัดอากาศขึ้นอีกครั้งคราวนี้ทุกคนได้เห็นภาพวัตถุที่ไม่สามารถระบุได้ชัดเจนเต็มตา มันดูแข็งกร้าวและทนทาน ลอยค้างอยู่กลางอากาศเหมือนกับกำลังประกาศอำนาจ มันหยุดอยู่ห่างจากห้องประชุมไปประมาณหนึ่งร้อยเมตร หันหน้าเผชิญเข้ากับหน้าต่างของประชุมอย่างจงใจ

  มุมที่หันหน้าเข้าหากันทำให้ทุกคนในห้องประชุมตกใจหากไม่ทันรอให้ความประหลาดใจของทุกคนไต่ขึ้นมาสูงสุด—

   ฟิ้ววว~ 

  เจ้าวัตถุที่ไม่สามารถระบุได้ก็เร่งความเร็วขึ้นมุ่งหน้าเข้ามาที่หน้าต่างของห้องประชุมด้วยความเร็วเหลือเชื่อ ท่าทางที่แสดงความรุนแรงของมันทำให้ทุกคนไร้ความสงสัย มันจะต้องชนกับอาคารที่ห้องประชุมตั้งอยู่ในวินาทีต่ออย่างแน่นอน!

  ทุกคนมาถึงจุดสิ้นหวังพวกเขาคงไม่รอดแล้ว นี้มันคือ UFO จริงๆเหรอ? เป็นไปได้มั้ยว่ามันคือการโจมตีจากเอเลี่ยนนอกโลก?

  แต่ในตอนที่วัตถุที่ไม่สามารถระบุได้กำลังจะถึงห้องประชุมที่ระยะห่างไม่ถึงหนึ่งเมตรโดยไม่มีการลดความเร็วลงเลยสักนิด ทันใดนั้น——

   ฟึบ! 

  เจ้าวัตถุที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ก็เปลี่ยนองศากระทันหันพุ่งขึ้นไปข้างบนแทน หน้าต่างของห้องประชุมสั่นกระเพือมอย่างแรงจนเหมือนจะแตกเพราะพลังงานที่ปล่อยออกมาจากหางของตัวเครื่อง

  ใช่เลย!

  มันกำลังเล่นดริฟท์!

 

Apocalypse Meltdown

Apocalypse Meltdown

APOCALYPSE MELTDOWN โลกาวินาศล่มสลาย
Status: Ongoing
มันเป็นโลกที่ซอมบี้และมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยความสิ้นหวัง สนามแม่เหล็กของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงและทุกอย่างได้ย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้น วันหนึ่ง วีรบุรุษของพวกเรา…ชูฮัน ได้เดินทางย้อนเวลากลับมาสิบปีก่อนโดยไม่รู้ตัว เขาได้ย้อนกลับมาก่อนจุดจบของโลกจะเริ่มต้นขึ้น (โลกาวินาศ) เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงดังในหอพักในมหาวิทยาลัยหมิงชิว ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ชูฮันต่อสู้กับเหล่าซอมบี้นับสิบๆตัวก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถเพื่อขโมยรถยนต์เมอร์ซิเดซ-เบนซ์G55ออกมา เขาตัดสินใจที่จะตามหาพ่อแม่และพี่น้องของเขาด้วยG55คันนี้ ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเสียใจที่ไม่ได้ทำในชาติที่แล้ว ระหว่างทางชูฮันได้พบปะกับคนกลุ่มหนึ่งที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนที่ติดอันดับ 20 ของโลกาวินาศรวมอยู่ด้วย…เฉินช่าวเย่ พวกเขาพบกับซอมบี้จำนวนมากระหว่างทางบนทางหลวง ซึ่งชูฮันได้ใช้รถ G55 พุ่งชนเหล่าซอมบี้จนเละ และในตอนนั้นเอง ชูฮันถึงตระหนักได้ว่าทั้งหมดนี้คือระบบล่มสลาย และเขาสามารถได้คะแนนจากการฆ่าซอมบี้ทั้งหลาย ซึ่งเขาสามารถเอาคะแนนพวกนี้ไปแลกเปลี่ยนเป็นความสามารถพิเศษอะไรก็ได้ และในตอนนั้นเอง การเดินทางของชูฮันก็ได้เริ่มต้นขึ้นไปพร้อมๆกับระบบล่มสลาย นี่เป็นเรื่องราวของระบบล่มสลาย โดยมีเขา…ชูฮัน เป็นคนดำเนินเรื่องราว

Comment

Options

not work with dark mode
Reset